ข้ามไปเนื้อหา

พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2010–11

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก 2010–11 Premier League)
พรีเมียร์ลีก
ฤดูกาล2010–11
ชนะเลิศแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
แชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยที่ 12
แชมป์ลีกอังกฤษ สมัยที่ 19
ตกชั้นเวสต์แฮมยูไนเต็ด
แบล็กพูล
เบอร์มิงแฮมซิตี
แชมเปียนส์ลีกแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
เชลซี
แมนเชสเตอร์ซิตี
อาร์เซนอล
ยูโรปาลีกทอตนัมฮอตสเปอร์
เบอร์มิงแฮมซิตี
สโตกซิตี
ฟูลัม
จำนวนการแข่งขันทั้งหมด380
จำนวนประตูทั้งหมด1063 (2.8 ต่อนัด)
ผู้ยิงประตูสูงสุดดีมีตาร์ เบร์บาตอฟ (20 ประตู)
ทีมเหย้าชนะสูงสุดเชลซี 6–0 เวสต์บรอมมิชอัลเบียน
(14 สิงหาคม 2010)
อาร์เซนอล 6–0 แบล็กพูล
(21 สิงหาคม 2010)
นิวคาสเซิลยูไนเต็ด 6–0 แอสตันวิลลา
(22 สิงหาคม 2010)
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 7–1 แบล็กเบิร์นโรเวอส์
(27 พฤศจิกายน 2010)[1]
ทีมเยือนชนะสูงสุดวีแกนแอทเลติก 0–6 เชลซี
(21 สิงหาคม 2010)[1]
ประตูสูงสุดแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 7–1 แบล็กเบิร์นโรเวอส์
(27 พฤศจิกายน 2010)[1]
เอฟเวอร์ตัน 5–3 แบล็กพูล
(5 กุมภาพันธ์ 2011)
นิวคาสเซิลยูไนเต็ด 4–4 อาร์เซนอล
(5 กุมภาพันธ์ 2011)
สถิติชนะติดต่อกันสูงสุด5 นัด[1]
เชลซี
สถิติไม่แพ้ติดต่อกันสูงสุด24 นัด[1]
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
สถิติไม่ชนะติดต่อกันสูงสุด8 นัด[1]
วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์
เวสต์แฮมยูไนเต็ด
ฟูลัม
สถิติแพ้ติดต่อกันสูงสุด5 นัด[1]
แบล็กพูล
เวสต์บรอมมิชอัลเบียน
ผู้เข้าชมมากที่สุด75,326[1]
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 5–0 เบอร์มิงแฮมซิตี
(22 มกราคม 2011)
ผู้เข้าชมน้อยที่สุด14,042[1]
วีแกนแอทเลติก 2–0 วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์
(2 ตุลาคม 2010)
ผู้เข้าชมโดยเฉลี่ย35,190

เอฟเอพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2010-11 เป็นการแข่งขันพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลที่ 19 นับแต่เริ่มต้นมาในปี ค.ศ. 1992 เริ่มฤดูกาลเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 2010[2] และสิ้นสุดฤดูกาลเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ค.ศ. 2011 โดย เชลซี กลับมาป้องกันแชมป์[3]

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ได้ตำแหน่งแชมป์ในนัดเสมอกับแบล็กเบิร์นโรเวิร์ส เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 2011[4][5] ทำให้สโมสรได้ตำแหน่งแชมป์เป็นครั้งที่ 19 ทำลายสถิติที่เคยเทียบเท่ากับลิเวอร์พูลแชมป์ 18 สมัย เมื่อปี ค.ศ. 2009 ไปได้[6] โดยทีมที่เข้าสู่การแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกฤดูกาล 2011-12 คือ แมสเชสเตอร์ยูไนเต็ด เชลซี แมนเชสเตอร์ซิตี และอาร์เซนอล ส่วนทอตแนมฮ็อตสเปอร์เข้าสู่รอบคัดเลือกยูฟ่ายูโรปาลีก 2011–12 ส่วน 3 ทีมที่ตกชั้นสู่แชมเปียนชิป คือทีมเวสต์แฮมยูไนเต็ด เบอร์มิงแฮมซิตี แบล็กพูล[7][8][9]

ทีม

[แก้]

ทีมเข้าแข่งขันทั้งหมด 20 ทีม โดยเป็น 17 ทีมจากในฤดูกาล 2009-10 และอีก 3 ทีมที่เลื่อนขึ้นจากฟุตบอลลีกแชมเปียนชิป ฤดูกาล 2009-10

ที่อยู่ของทีมในการแข่งขันพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2010-11

สนามแข่งขัน

[แก้]
ทีม สถานที่ สนามแข่งขัน ความจุ (คน)1
อาร์เซนอล ลอนดอน เอมิเรตส์สเตเดียม 60,361
แอสตันวิลลา เบอร์มิงแฮม วิลลาปาร์ค 42,788
เบอร์มิงแฮมซิตี เบอร์มิงแฮม เซนต์ แอนดรูว์ 30,079
แบล็กเบิร์นโรเวิร์ส แบล็กเบิร์น อีวูดปาร์ค 31,367
แบล็คพูล แบล็คพูล บลูมฟิลโรด 16,220
โบลตันวันเดอเริร์ส โบลตัน รีบอคสเตเดียม 28,723
เชลซี ลอนดอน สแตมฟอร์ดบริดจ์ 42,449
เอฟเวอร์ตัน ลิเวอร์พูล กูดิสันพาร์ค 40,157
ฟูแลม ลอนดอน คราเวนคอทเทจ 25,700
ลิเวอร์พูล ลิเวอร์พูล แอนฟิลด์ 45,276
แมนเชสเตอร์ซิตี แมนเชสเตอร์ ซิตีออฟแมนเชสเตอร์ 47,405
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด แมนเชสเตอร์ โอลด์แทรฟฟอร์ด 75,957
นิวคาสเซิลยูไนเต็ด นิวคาสเซิลอะพอนไทน์ เซนต์เจมส์พาร์ค 52,387
สโตกซิตี สโตคออนเทรนต์ บริทาเนียสเตเดียม 28,383
ซันเดอร์แลนด์ ซันเดอร์แลนด์ สเตเดียมออฟไลต์ 49,000
ทอตแนมฮ็อตสเปอร์ ลอนดอน ไวท์ฮาร์ทเลน 36,230
เวสต์บรอมวิชอัลเบียน เวสต์บรอมวิช เดอะฮิวตันส์ 28,000
เวสต์แฮมยูไนเต็ด ลอนดอน โบลีนกราวน์ 35,303
วีแกนแอธเลติก วีแกน ดีดับเบิลยูสเตเดียม 25,133
วูล์ฟแฮมป์ตันวันเดอเริร์ส วูล์ฟแฮมป์ตัน โมลินิวซ์ 29,195
  • 1 ข้อมูลเมื่อจบฤดูกาลในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2009-10

ทีมและชุดแข่งขัน

[แก้]

หมายเหตุ: ธงแสดงชาตินั้นเป็นไปภายใต้กฎของฟีฟ่า นักฟุตบอลและผู้จัดการอาจจะถือมากกว่า 1 สัญชาติ

ทีม ผู้จัดการ1 กัปตัน ชุดที่ใช้ สปอนเซอร์
อาร์เซนอล ฝรั่งเศส แวงแกร์, อาร์แซนอาร์แซน แวงแกร์ สเปน ฟาเบรกัส, เซสก์เซสก์ ฟาเบรกัส Nike Emirates
แอสตันวิลลา ฝรั่งเศส อูลลิเยร์, เชราร์เชราร์ อูลลิเยร์ บัลแกเรีย เปตรอฟ, สติลิยันสติลิยัน เปตรอฟ Nike FxPro
เบอร์มิงแฮมซิตี สกอตแลนด์ แม็กลีช, อเล็กซ์อเล็กซ์ แม็กลีช สาธารณรัฐไอร์แลนด์ คาร์, สตีเฟนสตีเฟน คาร์ Xtep F&C Investments
แบล็กเบิร์นโรเวิร์ส สกอตแลนด์ คีน, สตีฟสตีฟ คีน นิวซีแลนด์ เนลสัน, ไรอันไรอัน เนลสัน Umbro Crown Paints
แบล็คพูล อังกฤษ ฮอลโลเวย์, เอียนเอียน ฮอลโลเวย์ สกอตแลนด์ อดัม, ชาร์ลีชาร์ลี อดัม Carbrini Wonga.com
โบลตันวันเดอเริร์ส สกอตแลนด์ สาธารณรัฐไอร์แลนด์ คอยล์, โอเวนโอเวน คอยล์ 2 อังกฤษ เดวีส์, เควินเควิน เดวีส์ Reebok 188BET
เชลซี อิตาลี อันเชล็อตติ, คาร์โลคาร์โล อันเชล็อตติ อังกฤษ เทอร์รี, จอห์นจอห์น เทอร์รี adidas Samsung
เอฟเวอร์ตัน สกอตแลนด์ มอยส์, เดวิดเดวิด มอยส์ อังกฤษ เนวิลล์, ฟิลฟิล เนวิลล์ Le Coq Sportif Chang Beer
ฟูแลม เวลส์ ฮิวจ์ส, มาร์คมาร์ค ฮิวจ์ส อังกฤษ เมอร์ฟี, แดนนีแดนนี เมอร์ฟี Kappa FxPro
ลิเวอร์พูล สกอตแลนด์ ดัลกลิช, เคนนีเคนนี ดัลกลิช อังกฤษ เจอร์ราร์ด, สตีเว่นสตีเว่น เจอร์ราร์ด adidas Standard Chartered
แมนเชสเตอร์ซิตี อิตาลี มันชินี่‎, โรแบร์โต้โรแบร์โต้ มันชินี่‎ อาร์เจนตินา เตเบส, การ์โลสการ์โลส เตเบซ Umbro Etihad Airways
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด สกอตแลนด์ เฟอร์กูสัน, อเล็กซ์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เซอร์เบีย วิดิช, เนมานย่าเนมานย่า วิดิช Nike Aon
นิวคาสเซิลยูไนเต็ด อังกฤษ พาร์ดิว, อลันอลัน พาร์ดิว อังกฤษ โนแลน, เควินเควิน โนแลน Puma Northern Rock
สโตกซิตี เวลส์ พูลิส, โทนีโทนี พูลิส อังกฤษ ชอว์ครอส, ไรอันไรอัน ชอว์ครอส adidas Britannia
ซันเดอร์แลนด์ อังกฤษ บรูซ, สตีฟสตีฟ บรูซ อังกฤษ คัตเตอร์โมล, ลีลี คัตเตอร์โมล Umbro Tombola
ทอตแนมฮ็อตสเปอร์ อังกฤษ เรดแนปป์, แฮร์รีแฮร์รี เรดแนปป์ อังกฤษ ดอว์สัน, ไมเคิลไมเคิล ดอว์สัน Puma Autonomy
เวสต์บรอมวิชอัลเบียน อังกฤษ ฮอดจ์สัน, รอยรอย ฮอดจ์สัน ไอร์แลนด์เหนือ บรันต์, คริสคริส บรันต์ Umbro Homeserve
เวสต์แฮมยูไนเต็ด อิสราเอล แกรนท์, อัฟรามอัฟราม แกรนท์ อังกฤษ อัปสัน, แมตทิวแมตทิว อัปสัน Macron SBOBET
วีแกนแอธเลติก สเปน มาร์ติเนซ, โรแบร์โต้โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ สกอตแลนด์ คาล์ดเวลล์, แกรีแกรี คาล์ดเวลล์ MiFit 188BET
วูล์ฟแฮมป์ตันวันเดอเริร์ส อังกฤษ สาธารณรัฐไอร์แลนด์ แมคคาธี, มิคมิค แมคคาธี3 อังกฤษ เฮนรี, คาร์ลคาร์ล เฮนรี BURRDA Sportingbet
  • 1 เป็นไปตามรายชื่อผู้จัดการทีมในฟุตบอลลีกอังกฤษฉบับล่าสุด
  • 2 แม้ว่าคอยล์จะเป็นชาวสกอตโดยกำเนิด แต่เขาเล่นให้กับสาธารณรัฐไอร์แลนด์เนื่องจากมีปู่เป็นชาวไอริช
  • 3 แม้ว่าแมคคาธีจะเป็นชาวอังกฤษโดยกำเนิด แต่เขาเล่นให้กับสาธารณรัฐไอร์แลนด์ เขาได้รับสิทธิ์เนื่องจากมีพ่อเป็นชาวไอริช

เปลี่ยนผู้จัดการทีม

[แก้]
ทีม ผู้จัดการคนก่อน เหตุที่ออก วันที่ อันดับในตาราง ผู้จัดการคนใหม่ วันที่ได้รับการแต่งตั้ง
เวสต์แฮมยูไนเต็ด อิตาลี Gianfranco Zola ยกเลิกสัญญา 11 พฤษภาคม 2010[10] ก่อนเริ่มฤดูกาล อิสราเอล Avram Grant 3 มิถุนายน 2010[11]
ลิเวอร์พูล สเปน Rafael Benítez ความยินยอมร่วมกัน 3 มิถุนายน 2010[12] ก่อนเริ่มฤดูกาล อังกฤษ Roy Hodgson 1 กรกฎาคม 2010[13]
ฟูแลม อังกฤษ Roy Hodgson ทำสัญญากับ ลิเวอร์พูล 1 กรกฎาคม 2010[13] ก่อนเริ่มฤดูกาล เวลส์ Mark Hughes 29 กรกฎาคม 2010[14]
แอสตันวิลลา ไอร์แลนด์เหนือ Martin O'Neill ลาออก 9 สิงหาคม 2010[15] ก่อนเริ่มฤดูกาล ฝรั่งเศส Gérard Houllier 22 กันยายน 2010[16]
นิวคาสเซิลยูไนเต็ด สาธารณรัฐไอร์แลนด์ Chris Hughton ถูกไล่ออก 6 ธันวาคม 2010[17] อันดับที่ 11 อังกฤษ Alan Pardew 9 ธันวาคม 2010[18]
แบล็กเบิร์นโรเวิร์ส อังกฤษ Sam Allardyce ถูกไล่ออก 13 ธันวาคม 2010[19] อันดับที่ 13 สกอตแลนด์ สตีฟ คีน 22 ธันวาคม 2010[20]
ลิเวอร์พูล อังกฤษ รอย ฮอดจ์สัน ถูกไล่ออก 8 มกราคม 2011[21] อันดับที่ 12 สกอตแลนด์ เคนนี ดัลกลิช 8 มกราคม 2011[21]
เวสต์บรอมวิชอัลเบียน อิตาลี โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ ถูกไล่ออก 6 กุมภาพันธ์ 2011[22] อันดับที่ 16 อังกฤษ รอย ฮอดจ์สัน 11 กุมภาพันธ์ 2011[23]
เวสต์แฮมยูไนเต็ด อิสราเอล อัฟราม แกรนท์ ถูกไล่ออก 15 May 2011[24] อันดับที่ 20 (ตกชั้น) อังกฤษ เควิน คีน (ชั่วคราว) 15 พฤษภาคม 2011[24]

เปลี่ยนเจ้าของสโมสร

[แก้]
สโมสร เจ้าของใหม่ เจ้าของเก่า เปลี่ยนเมื่อ
ลิเวอร์พูล สหรัฐ New England Sports Ventures สหรัฐ Tom Hicks และ George N. Gillett, Jr. 15 ตุลาคม 2010[25]
แบล็กเบิร์นโรเวิร์ส อินเดีย Venky's (India) Limited อังกฤษ Jack Walker Trust 19 พฤศจิกายน 2010[26]

ตารางคะแนน

[แก้]
อันดับ ทีม เล่น ชนะ เสมอ แพ้ ได้ เสีย ต่าง คะแนน การผ่านเข้ารอบหรือการตกชั้น
1 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (C) 38 23 11 4 78 37 +41 80 ผ่านเข้าสู่ แชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม
2 เชลซี 38 21 8 9 69 33 +36 71
3 แมนเชสเตอร์ซิตี 38 21 8 9 60 33 +27 71
4 อาร์เซนอล 38 19 11 8 72 43 +29 68 ผ่านเข้าสู่ แชมเปียนส์ลีก รอบเพลย์ออฟ
5 ทอตนัมฮอตสเปอร์ 38 16 14 8 55 46 +9 62 ผ่านเข้าสู่ ยูโรปาลีก รอบเพลย์ออฟ
6 ลิเวอร์พูล 38 17 7 14 59 44 +15 58
7 เอฟเวอร์ตัน 38 13 15 10 51 45 +6 54
8 ฟูลัม 38 11 16 11 49 43 +6 49 ผ่านเข้าสู่ ยูโรปาลีก รอบคัดเลือกรอบแรก[a]
9 แอสตันวิลลา 38 12 12 14 48 59 −11 48
10 ซันเดอร์แลนด์ 38 12 11 15 45 56 −11 47
11 เวสต์บรอมมิชอัลเบียน 38 12 11 15 56 71 −15 47
12 นิวคาสเซิลยูไนเต็ด 38 11 13 14 56 57 −1 46
13 สโตกซิตี 38 13 7 18 46 48 −2 46 ผ่านเข้าสู่ ยูโรปาลีก รอบคัดเลือกรอบสาม[b]
14 โบลตันวอนเดอเรอส์ 38 12 10 16 52 56 −4 46
15 แบล็กเบิร์นโรเวอส์ 38 11 10 17 46 59 −13 43
16 วีแกนแอทเลติก 38 9 15 14 40 61 −21 42
17 วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ 38 11 7 20 46 66 −20 40
18 เบอร์มิงแฮมซิตี (R) 38 8 15 15 37 58 −21 39
ผ่านเข้าสู่ ยูโรปาลีก รอบเพลย์ออฟ[c]
ตกชั้นสู่ ฟุตบอลลีกแชมเปียนชิป
19 แบล็กพูล (R) 38 10 9 19 55 78 −23 39 ตกชั้นสู่ ฟุตบอลลีกแชมเปียนชิป
20 เวสต์แฮมยูไนเต็ด (R) 38 7 12 19 43 70 −27 33
แหล่งที่มา : พรีเมียร์ลีก
กฎการจัดอันดับ : 1) คะแนน; 2) ผลต่างประตู; 3) ประตูรวม
(C) ชนะเลิศ; (R) ตกชั้น.
หมายเหตุ :
  1. ฟูลัมในฐานะทีมอันดับสูงสุดจากการจัดอันดับแฟร์เพลย์ และยังไม่ผ่านเข้าไปแข่งขันระดับยุโรป ฟูลัมจึงได้ไปแข่งขันในยูฟ่ายูโรปาลีกในรอบคัดเลือกรอบแรก[27]
  2. สโตกซิตีได้ไปแข่งขันในยูฟ่ายูโรปาลีก รอบคัดเลือกรอบสาม ในฐานะรองชนะเลิศจากการแข่งขัน เอฟเอคัพ รอบชิงชนะเลิศ เนื่องจากแมนเชสเตอร์ซิตีซึ่งเป็นผู้ชนะเลิศ ได้ผ่านเข้าไปแข่งขันในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกแล้ว
  3. เบอร์มิงแฮมซิตีได้ไปแข่งขันในยูฟ่ายูโรปาลีก รอบเพลย์ออฟ ในฐานะผู้ชนะเลิศในรายการ ลีกคัพ แต่เดิมผู้ชนะเลิศจะได้ไปแข่งขันในรอบคัดเลือกรอบสาม แต่เนื่องจากผลการแข่งขันของ เอฟเอคัพ รอบชิงชนะเลิศ ทำให้ได้เลื่อนขึ้นไปแข่งขันในรอบเพลย์ออฟแทน

ผลการแข่งขัน

[แก้]
เหย้า \ เยือน1 ARS AST BIR BLB BLP BOL CHE EVE FUL LIV MCI MUN NEW STK SUN TOT WBA WHU WIG WOL
อาร์เซนอล 1–2 2–1 0–0 6–0 4–1 3–1 2–1 2–1 1–1 0–0 1–0 0–1 1–0 0–0 2–3 2–3 1–0 3–0 2–0
แอสตันวิลลา 2–4 0–0 4–1 3–2 1–1 0–0 1–0 2–2 1–0 1–0 2–2 1–0 1–1 0–1 1–2 2–1 3–0 1–1 0–1
เบอร์มิงแฮมซิตี 0–3 1–1 2–1 2–0 2–1 1–0 0–2 0–2 0–0 2–2 1–1 0–2 1–0 2–0 1–1 1–3 2–2 0–0 1–1
แบล็กเบิร์นโรเวอส์ 1–2 2–0 1–1 2–2 1–0 1–2 1–0 1–1 3–1 0–1 1–1 0–0 0–2 0–0 0–1 2–0 1–1 2–1 3–0
แบล็กพูล 1–3 1–1 1–2 1–2 4–3 1–3 2–2 2–2 2–1 2–3 2–3 1–1 0–0 1–2 3–1 2–1 1–3 1–3 2–1
โบลตันวันเดอเรอส์ 2–1 3–2 2–2 2–1 2–2 0–4 2–0 0–0 0–1 0–2 2–2 5–1 2–1 1–2 4–2 2–0 3–0 1–1 1–0
เชลซี 2–0 3–3 3–1 2–0 4–0 1–0 1–1 1–0 0–1 2–0 2–1 2–2 2–0 0–3 2–1 6–0 3–0 1–0 2–0
เอฟเวอร์ตัน 1–2 2–2 1–1 2–0 5–3 1–1 1–0 2–1 2–0 2–1 3–3 0–1 1–0 2–0 2–1 1–4 2–2 0–0 1–1
ฟูแลม 2–2 1–1 1–1 3–2 3–0 3–0 0–0 0–0 2–5 1–4 2–2 1–0 2–0 0–0 1–2 3–0 1–3 2–0 2–1
ลิเวอร์พูล 1–1 3–0 5–0 2–1 1–2 2–1 2–0 2–2 1–0 3–0 3–1 3–0 2–0 2–2 0–2 1–0 3–0 1–1 0–1
แมนเชสเตอร์ซิตี 0–3 4–0 0–0 1–1 1–0 1–0 1–0 1–2 1–1 3–0 0–0 2–1 3–0 5–0 1–0 3–0 2–1 1–0 4–3
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 1–0 3–1 5–0 7–1 4–2 1–0 2–1 1–0 2–0 3–2 2–1 3–0 2–1 2–0 2–0 2–2 3–0 2–0 2–1
นิวคาสเซิลยูไนเต็ด 4–4 6–0 2–1 1–2 0–2 1–1 1–1 1–2 0–0 3–1 1–3 0–0 1–2 5–1 1–1 3–3 5–0 2–2 4–1
สโตกซิตี 3–1 2–1 3–2 1–0 0–1 2–0 1–1 2–0 0–2 2–0 1–1 1–2 4–0 3–2 1–2 1–1 1–1 0–1 3–0
ซันเดอร์แลนด์ 1–1 1–0 2–2 3–0 0–2 1–0 2–4 2–2 0–3 0–2 1–0 0–0 1–1 2–0 1–2 2–3 1–0 4–2 1–3
ทอตนัมฮอตสเปอร์ 3–3 2–1 2–1 4–2 1–1 2–1 1–1 1–1 1–0 2–1 0–0 0–0 2–0 3–2 1–1 2–2 0–0 0–1 3–1
เวสต์บรอมมิชอัลเบียน 2–2 2–1 3–1 1–3 3–2 1–1 1–3 1–0 2–1 2–1 0–2 1–2 3–1 0–3 1–0 1–1 3–3 2–2 1–1
เวสต์แฮมยูไนเต็ด 0–3 1–2 0–1 1–1 0–0 1–3 1–3 1–1 1–1 3–1 1–3 2–4 1–2 3–0 0–3 1–0 2–2 3–1 2–0
วีแกนแอธเลติก 2–2 1–2 2–1 4–3 0–4 1–1 0–6 1–1 1–1 1–1 0–2 0–4 0–1 2–2 1–1 0–0 1–0 3–2 2–0
วุลเวอร์แฮมป์ตันวันเดอเรอส์ 0–2 1–2 1–0 2–3 4–0 2–3 1–0 0–3 1–1 0–3 2–1 2–1 1–1 2–1 3–2 3–3 3–1 1–1 1–2

แหล่งข้อมูล: Barclays Premier League
1คอลัมน์ด้านซ้ายมือหมายถึงทีมเหย้า
สี: ฟ้า = ทีมเหย้าชนะ; เหลือง = เสมอ; แดง = ทีมเยือนชนะ
สำหรับแมตช์ที่กำลังมาถึง อักษร a หมายถึง มีบทความเกี่ยวกับแมตช์นั้น

สถิติตลอดฤดูกาล

[แก้]

แฮท-ทริคส์

[แก้]
ผู้เล่น ทีม พบกับทีม ผล วันที่
โกตดิวัวร์ Drogba, DidierDidier Drogba Chelsea West Bromwich Albion 6–0 14 สิงหาคม 2010
อังกฤษ Walcott, TheoTheo Walcott Arsenal Blackpool 6–0 21 สิงหาคม 2010
อังกฤษ Carroll, AndyAndy Carroll Newcastle United Aston Villa 6–0 22 สิงหาคม 2010
บัลแกเรีย Berbatov, DimitarDimitar Berbatov Manchester United Liverpool 3–2 19 กันยายน 2010
อังกฤษ Nolan, KevinKevin Nolan Newcastle United Sunderland 5–1 31 ตุลาคม 2010
บัลแกเรีย Berbatov, DimitarDimitar Berbatov5 Manchester United Blackburn Rovers 7–1 27 พฤศจิกายน 2010
อิตาลี Balotelli, MarioMario Balotelli Manchester City Aston Villa 4–0 28 ธันวาคม 2010
สาธารณรัฐไอร์แลนด์ Best, LeonLeon Best Newcastle United West Ham United 5–0 5 มกราคม 2011
บัลแกเรีย Berbatov, DimitarDimitar Berbatov Manchester United Birmingham City 5–0 22 มกราคม 2011
เนเธอร์แลนด์ van Persie, RobinRobin van Persie Arsenal Wigan Athletic 3–0 22 มกราคม 2011
อาร์เจนตินา Tévez, CarlosCarlos Tévez Manchester City West Bromwich Albion 3–0 5 กุมภาพันธ์ 2011
ฝรั่งเศส Saha, LouisLouis Saha4 Everton Blackpool 5–3 5 กุมภาพันธ์ 2011
เนเธอร์แลนด์ Kuyt, DirkDirk Kuyt Liverpool Manchester United 3–1 6 มีนาคม 2011
อังกฤษ Rooney, WayneWayne Rooney Manchester United West Ham United 4–2 2 เมษายน 2011
อาร์เจนตินา Rodríguez, MaxiMaxi Rodríguez Liverpool Birmingham City 5–0 23 เมษายน 2011
อาร์เจนตินา Rodríguez, MaxiMaxi Rodríguez Liverpool Fulham 5–2 9 พฤษภาคม 2011
แคเมอรูน Tchoyi, SomenSomen Tchoyi West Bromwich Albion Newcastle United 3–3 22 พฤษภาคม 2011
  • 4 ผู้เล่นที่ทำได้สี่ประตู
  • 5 ผู้เล่นที่ทำได้ห้าประตู

การทำประตู

[แก้]
  • ประตูแรกของฤดูกาล: นาที่ 15:15, 14 สิงหาคม 2010 – สจวร์ต ดาวนิ่ง ทำประตูให้กับ แอสตันวิลลา ในนัดที่พบกับ เวสต์แฮมยูไนเต็ด[29]
  • ผู้เล่นที่ทำประตูได้เร็วที่สุด: วินาทีที่ 30มักซี โรดรีเกซ ทำประตูให้กับ ลิเวอร์พูล ในนัดที่พบกับ ฟูแลม (9 พฤษภาคม 2011)[30]
  • ชนะด้วยด้วยการทำประตูห่างกันมากที่สุด: 6 ประตู
    • เชลซี 6–0 เวสต์บรอมวิชอัลเบียน (14 สิงหาคม 2010)
    • อาร์เซนอล 6–0 แบล็คพูล (21 สิงหาคม 2010)
    • วีแกนแอธเลติก 0–6 เชลซี (21 สิงหาคม 2010)
    • นิวคาสเซิลยูไนเต็ด 6–0 แอสตันวิลลา (22 สิงหาคม 2010)
    • แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 7–1 แบล็กเบิร์นโรเวิร์ส (27 พฤศจิกายน 2010)
  • ประตูรวมกันมากที่สุด: 8 ประตู
    • แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 7–1 แบล็กเบิร์นโรเวิร์ส (27 พฤศจิกายน 2010)[1]
    • เอฟเวอร์ตัน 5–3 แบล็คพูล (5 กุมภาพันธ์ 2011)[1]
    • นิวคาสเซิลยูไนเต็ด 4–4 อาร์เซนอล (5 กุมภาพันธ์ 2011)[1]
  • ทีมที่ทำประตูได้มากที่สุดในการแข่งขัน: 7 ประตู – แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 7–1 แบล็กเบิร์นโรเวิร์ส (27 พฤศจิกายน 2010)[1]
  • ยิงประตูพลาดน้อยที่สุด: 3 – แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด[1]
  • ยิงประตูพลาดมากที่สุด: 13 – วีแกนแอธเลติก[1]

กติกา

[แก้]
  • Worst overall disciplinary record (1 คะแนนสำหรับใบเหลือง, 3 คะแนนสำหรับใบแดง):
    • แมนเชสเตอร์ซิตี – 89 คะแนน (74 ใบเหลือง & 5 ใบแดง)[28]
  • Best overall disciplinary record:
    • แบล็คพูล – 53 คะแนน (47 ใบเหลือง & 2 ใบแดง)[28]
  • ได้ใบเหลืองมากที่สุด (สโมสร): 75 – นิวคาสเซิลยูไนเต็ด[28]
  • ได้ใบเหลืองมากที่สุด (ผู้เล่น): 14[28]
  • ได้ใบแดงมากที่สุด (สโมสร): 7 – เวสต์บรอมวิชอัลเบียน[28]
  • ได้ใบแดงมากที่สุด (ผู้เล่น): 2[28]
  • ทำฟาลส์มากที่สุด: 115เควิน เดวิส (โบลตันวันเดอเริร์ส)[28]

คลีนชีตส์

[แก้]

รางวัลประจำเดือน

[แก้]
เดือน ผู้จัดการทีมยอดเยื่ยมประจำเดือน ผู้เล่นยอดเยื่ยมประจำเดือน
ผู้จัดการทีม สโมสร ผู้เล่น สโมสร
สิงหาคม[31] อิตาลี Carlo Ancelotti Chelsea อังกฤษ Paul Scholes Manchester United
กันยายน[32] อิตาลี Roberto Di Matteo West Bromwich Albion ไนจีเรีย Peter Odemwingie West Bromwich Albion
ตุลาคม[33] สกอตแลนด์ David Moyes Everton เนเธอร์แลนด์ Rafael van der Vaart Tottenham Hotspur
พฤศจิกายน[34] สาธารณรัฐไอร์แลนด์ Owen Coyle Bolton Wanderers สวีเดน Johan Elmander Bolton Wanderers
ธันวาคม[35] อิตาลี Roberto Mancini Manchester City ฝรั่งเศส Samir Nasri Arsenal
มกราคม[36] สกอตแลนด์ Sir Alex Ferguson Manchester United บัลแกเรีย Dimitar Berbatov Manchester United
กุมภาพันธ์[37] ฝรั่งเศส Arsène Wenger Arsenal อังกฤษ Scott Parker West Ham United
มีนาคม[38] อิตาลี Carlo Ancelotti Chelsea บราซิล David Luiz Chelsea
เมษายน[39][40] อิตาลี Carlo Ancelotti Chelsea ไนจีเรีย Peter Odemwingie West Bromwich Albion

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.00 1.01 1.02 1.03 1.04 1.05 1.06 1.07 1.08 1.09 1.10 1.11 1.12 1.13 1.14 1.15 1.16 "Barclays Premier League Stats - 2010-11". ESPN Soccernet. ESPN. 1 January 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-07-27. สืบค้นเมื่อ 1 January 2011.
  2. "Start date confirmed for new season". premierleague.com. Premier League. 22 December 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-11-08. สืบค้นเมื่อ 12 April 2010.
  3. "Chelsea win Premier League after thrashing Wigan". The Telegraph. Telegraph Media Group. 9 May 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-06-02. สืบค้นเมื่อ 24 May 2010.
  4. Stevenson, Jonathan (14 May 2011). "Live - Saturday football". BBC. สืบค้นเมื่อ 14 May 2011.
  5. "Rooney spot on as United clinch 19th title". ESPN Soccernet. 14 May 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-08-23. สืบค้นเมื่อ 16 May 2011.
  6. Nurse, Howard (14 May 2011). "Blackburn 1 – 1 Man Utd". BBC News. สืบค้นเมื่อ 14 May 2011.
  7. "Pavlyuchenko relegates Birmingham". ESPN Soccernet. 22 May 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-08-23. สืบค้นเมื่อ 24 May 2011.
  8. "Blackpool down after thriller". ESPN Soccernet. 22 May 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-08-23. สืบค้นเมื่อ 24 May 2011.
  9. "Hammers relegated as Wigan fight on". ESPN Soccernet. 15 May 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-08-23. สืบค้นเมื่อ 24 May 2011.
  10. "West Ham sack manager Gianfranco Zola". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. 11 May 2010. สืบค้นเมื่อ 11 May 2010.
  11. "Avram Grant confirmed as West Ham boss". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. 3 June 2010. สืบค้นเมื่อ 3 June 2010.
  12. "Rafa Benitez leaves Liverpool". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. 3 June 2010. สืบค้นเมื่อ 3 June 2010.
  13. 13.0 13.1 "Roy Hodgson leaves Fulham to become Liverpool manager". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. 1 July 2010. สืบค้นเมื่อ 1 July 2010.
  14. "Mark Hughes named new manager of Premier League Fulham". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. 29 July 2010. สืบค้นเมื่อ 5 August 2010.
  15. "Martin O'Neill resigns as Aston Villa boss". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. 9 August 2010. สืบค้นเมื่อ 9 August 2010.
  16. "Gerard Houllier still to sign Aston Villa deal boss". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. 22 September 2010. สืบค้นเมื่อ 28 September 2010.
  17. "Chris Hughton sacked by Newcastle". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. 6 December 2010. สืบค้นเมื่อ 6 December 2010.
  18. "Alan Pardew signs lengthy deal as new Newcastle manager". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. 9 December 2010. สืบค้นเมื่อ 9 December 2010.
  19. "Blackburn Rovers sack Sam Allardyce". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. 13 December 2010. สืบค้นเมื่อ 13 December 2010.
  20. "Kean's for the season". Blackburn Rovers F.C. Blackburn Rovers F.C. 22 December 2010. สืบค้นเมื่อ 22 December 2010.
  21. 21.0 21.1 "Roy Hodgson exits Liverpool & Kenny Dalglish takes over". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. 8 January 2011. สืบค้นเมื่อ 8 January 2011.
  22. "West Brom part company with manager Di Matteo". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. 6 February 2011. สืบค้นเมื่อ 6 February 2011.
  23. "Roy Hodgson named new manager of West Brom". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. 11 February 2011. สืบค้นเมื่อ 11 February 2011.
  24. 24.0 24.1 "West Ham sack manager Avram Grant". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. 15 May 2011. สืบค้นเมื่อ 15 May 2011.
  25. "Liverpool takeover completed by US company NESV". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. 15 October 2010. สืบค้นเมื่อ 15 October 2010.
  26. "Rao family buy Blackburn Rovers from Jack Walker Trust". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. 19 November 2010. สืบค้นเมื่อ 19 November 2010.
  27. "Fulham handed Europa League place". premierleague.com. Premier League. 26 May 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 August 2011. สืบค้นเมื่อ 26 May 2011.
  28. 28.0 28.1 28.2 28.3 28.4 28.5 28.6 28.7 28.8 "Barclays Premier League Statistics". premierleague.com. Premier League. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-12-30. สืบค้นเมื่อ 17 April 2010.
  29. Lyon, Sam (14 August 2010). "Live – Saturday football". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. สืบค้นเมื่อ 14 August 2010.
  30. OptaJoe (9 May 2011). "0:30". Twitter. สืบค้นเมื่อ 10 May 2011.
  31. "Gongs for Ancelotti & Scholes". Sky Sports. 10 September 2010. สืบค้นเมื่อ 10 September 2010.
  32. "Baggies scoop historic Barclays awards double". The Premier League. 1 October 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-10-05. สืบค้นเมื่อ 1 October 2010.
  33. "Moyes & Van der Vaart win Premier League awards". BBC Sport. 8 November 2010. สืบค้นเมื่อ 8 November 2010.
  34. "Bolton duo scoop Barclays awards". The Premier League. 3 December 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-12-06. สืบค้นเมื่อ 3 December 2010.
  35. "Nasri and Mancini receive Barclays awards". The Premier League. 7 January 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-11-06. สืบค้นเมื่อ 7 January 2011.
  36. "United duo scoop Barclays awards". The Premier League. 4 February 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-02-07. สืบค้นเมื่อ 4 February 2011.
  37. "Wenger & Parker win awards". Sky Sports. 4 March 2011. สืบค้นเมื่อ 4 March 2011.
  38. "Top prizes for Blues pair". Sky Sports. 1 April 2011. สืบค้นเมื่อ 1 April 2011.
  39. "Ancelotti seals successive Barclays awards". The Premier League. 6 May 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-08-29. สืบค้นเมื่อ 6 May 2011.
  40. "Odemwingie scoops Barclays award". The Premier League. 6 May 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-08-30. สืบค้นเมื่อ 6 May 2011.