ไอโซมอลโตโอลิโกแซ็กคาไรด์
ไอโซมอลโตโอลิโกแซ็กคาไรด์ (Isomaltooligosaccharide, IMO) เป็นสารผสมของคาร์โบไฮเดรตสายโมเลกุลสั้น ซึ่งเป็นพรีไบโอติกส์มีคุณสมบัติถูกย่อยได้บางส่วนในปากและถูกย่อยได้ด้วยเอนไซม์ไอโซมอลเตสในลำไส้เล็กส่วนกลาง (jejunum) โอลิโกแซคคาไรด์ส่วนที่เหลือจะถูกส่งไปที่ลำไส้ใหญ่และเกิดการหมักด้วยแบคทีเรียโปรไบโอติกส์ชนิดไบฟิโดแบคทีเรียม (bifidobacterium) ไอโซมอลโตโอลิโกแซ็กคาไรด์พบได้ตามธรรมชาติในอาหารบางชนิด และยังมีการผลิตในเชิงพาณิชย์โดยวัตถุดิบที่ใช้สำหรับการผลิต IMO คือแป้งซึ่งถูกย่อยด้วยเอนไซม์ได้เป็นสารผสมของไอโซมอลโตโอลิโกแซ็กคาไรด์
เคมี
[แก้]คำว่า "โอลิโกแซ็กคาไรด์" หมายความรวมถึงคาร์โบไฮเดรตทั่วไปที่มีขนาดใหญ่กว่าไดแซ็กคาไรด์ หรือไตรแซ็กคาไรด์ แต่มีขนาดเล็กกว่าพอลิแซ็กคาไรด์ (ขนาดมากกว่า 10 หน่วย) ไอโซมอลโตโอลิโกแซ็กคาไรด์ (IMO) คือกลูโคสโอลิโกเมอร์ที่มีพันธะ α-D-(1,6) ซึ่งประกอบไปด้วย ไอโซมอลโตส, พาโนส, ไอโซมอลโตไตรโอส, ไอโซมอลโตเตตราโอส, ไอโซมอลโตเพนตาโอส, ไนเจอโรส, โคจิบิโอส และโอลิโกแซ็กคาไรด์ที่โครงสร้างมีกิ่งก้านมากกว่า[1] โครงสร้างของโมเลกุล IMO สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยขึ้นอยู่กับวิธีการผลิต แม้ว่าเอนไซม์ในลำไส้ของมนุษย์จะย่อยพันธะไกลโคซิดิก α(1,4) ได้อย่างง่ายดาย แต่การเปลี่ยนแปลง IMO ให้มีโมเลกุลยาวขึ้นเช่น มีจำนวนของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว (monosaccharide) ที่อยู่ในสายพอลิเมอร์ ⩾ 4 (DP4) ด้วยพันธะ α(1,6) จะทำให้ไม่ถูกไฮโดรไลซ์อย่างง่ายดายและแสดงคุณสมบัติต้านทานการย่อยอาหาร ดังนั้น IMO ที่ถูกเปลี่ยนบางชนิดจึงถูกย่อยเพียงบางส่วนในทางเดินอาหารส่วนบนเท่านั้น
ไอโซมอลโตโอลิโกแซ็กคาไรด์เป็นส่วนประกอบปรกติของอาหารมนุษย์ และเกิดขึ้นตามธรรมชาติในอาหารหมักดอง เช่น ขนมปังซาวโดว์หมักและกิมจิ ไดแซ็กคาไรด์ไอโซมอลโตสยังมีอยู่ในมิโซะจากข้าว (Rice miso), ซอสถั่วเหลือง และสาเก[2][3][4] ไอโซมอลโตสซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนประกอบไดแซ็กคาไรด์ที่มีพันธะ α(1,6) ของ IMO ได้รับการระบุว่าเป็นองค์ประกอบตามธรรมชาติของน้ำผึ้ง ถึงแม้จะเกี่ยวข้องกันทางเคมีแต่น้ำผึ้งก็ไม่ใช่ IMO[5] IMO มีรสหวาน เป็นน้ำเชื่อมที่มีความหนาแน่นสูง ซึ่งสามารถทำให้อยู่ในรูปผงได้โดยการทำแห้งแบบพ่นฝอย
การผลิต
[แก้]สำหรับการผลิต IMO ในเชิงพาณิชย์ อุตสาหกรรมอาหารใช้แป้งที่แปรรูปจากธัญพืช เช่น ข้าวสาลี, ข้าวบาร์เลย์, ถั่วลันเตา, ถั่วแดง, ถั่วเลนทิล, ข้าวโอ๊ต, มันสำปะหลัง, ข้าว, มันฝรั่ง และอื่น ๆ แหล่งที่มาที่หลากหลายนี้อาจเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคที่มีอาการภูมิแพ้หรือภูมิไวเกินกับธัญพืชบางชนิด กระบวนการผลิตจะควบคุมระดับของการเกิดพอลิเมอร์ (degree of polymerization, dp) และพันธะ α(1,6) เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพที่สม่ำเสมอจากแหล่งวัตถุดิบแป้งต่าง ๆ แป้งจะถูกแปลงครั้งแรกโดยวิธีการไฮโดรไลซิสด้วยเอนไซม์อย่างง่ายได้เป็นน้ำเชื่อมมอลโตสที่มีไดแซ็กคาไรด์ ไตรแซ็กคาไรด์ และโอลิโกแซ็กคาไรด์ (กลูโคส 2, 3 หน่วย หรือมากกว่า) ปริมาณสูง ซึ่งมีพันธะไกลโคซิดิก α(1,4) ที่สามารถย่อยได้ง่ายในลำไส้มนุษย์ พันธะไกลโคซิดิก α(1,4) เหล่านี้ถูกแปลงเพิ่มเติมเป็นพันธะไกลโคซิดิก α(1,6) ที่ทนต่อการย่อย ซึ่งสร้างพันธะแบบ "ไอโซ" ระหว่างโมเลกุลที่มีกลูโคสกึ่งหนึ่งและก่อรูปเป็นไอโซมอลโตโอลิโกแซ็กคาไรด์ (IMO)
โอลิโกแซ็กคาไรด์ส่วนใหญ่ที่พบใน IMO ประกอบด้วยหน่วยโมโนแซ็กคาไรด์ (กลูโคส) สามถึงหกหน่วยที่เชื่อมโยงกัน อย่างไรก็ตาม ไดแซ็กคาไรด์และพอลิแซ็กคาไรด์ที่ยาวกว่า (มากถึงเก้าหน่วยกลูโคส) ก็มีอยู่เช่นกัน ส่วนของไดแซ็กคาไรด์ใน IMO ประกอบด้วยไอโซมอลโตสที่พันธะกับ α(1,6) เป็นหลัก ในขณะที่มอลโตไตรโอส พาโนส และไอโซมอลโตไตรโอสประกอบขึ้นเป็นส่วนไตรแซ็กคาไรด์ ส่วนของผสมของไอโซมอลโตเตตราโอส, ไอโซมอลโตเพนทาโอส, มอลโตเฮกซาโอส, มอลโตเฮปตาโอส และโอลิโกเมอร์จำนวนเล็กน้อยที่มีระดับโพลีเมอไรเซชันดีกรี 8 หรือมากกว่า ประกอบรวมเป็นโอลิโกเมอร์ส่วนที่เหลือใน IMO โดยโอลิโกเมอร์ที่ยาวกว่ามีพันธะ α(1,6) ไม่ถึง 100% ซึ่งสัดส่วนของพันธะ α(1,4) และ α(1,6) จะมีความผันแปรต่าง ๆ กัน
ข้ออ้างเรื่องสุขภาพของโอลิโกแซ็กคาไรด์
[แก้]การอ้างประเด็นด้านสุขภาพสำหรับโอลิโกแซ็กคาไรด์ประเภทต่าง ๆ ได้รับการตรวจสอบโดยหน่วยงานตรวจสอบความปลอดภัยด้านอาหารแห่งสหภาพยุโรป (European Food Safety Authority, EFSA) และพบว่ามีหลักฐานไม่เพียงพอ ดังนั้นการกล่าวอ้างคุณประโยชน์ต่อสุขภาพสำหรับโอลิโกแซ็กคาไรด์และพรีไบโอติกส์จึงเป็นสิ่งต้องห้ามในสหภาพยุโรป[6]
ประโยชน์ต่อสุขภาพ
[แก้]IMO เป็นโมเลกุลหลายหน้าที่ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพของทางเดินอาหารมนุษย์ มันทำหน้าที่เป็นพรีไบโอติกส์ ลดอาการท้องอืด มีดัชนีน้ำตาลในเลือดต่ำ และป้องกันโรคฟันผุในสัตว์[7][8][9][10][11]
พรีไบโอติกส์ถูกกำหนดให้เป็น "ส่วนผสมของอาหารที่ไม่สามารถย่อยได้ซึ่งอาจส่งผลดีต่อโฮสต์โดยการกระตุ้นการเติบโตและ/หรือการทำงานของแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่อย่างจำกัด"[12] โอลิโกแซ็กคาไรด์ที่ไม่ถูกย่อยและดูดซึมในลำไส้เล็ก จะส่งผ่านไปยังลำไส้ใหญ่ซึ่งจะถูกหมักโดยไบฟิโดแบคทีเรีย จึงช่วยเพิ่มการแพร่กระจายของแบคทีเรีย ในแง่นี้ โอลิโกแซ็กคาไรด์ที่หมักได้อาจถือเป็นพรีไบโอติกส์ โอลิโกแซ็กคาไรด์ในสารผสม IMO อย่างน้อยบางส่วนถูกหมักโดยแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ ดังนั้นจึงอาจกระตุ้นการเติบโตส่วนหนึ่งของประชากรแบคทีเรีย[13][14][15][16][17]
โอลิโกแซ็กคาไรด์สายสั้นที่ให้คุณสมบัติพรีไบโอติกส์ยังผลิตกรดไขมันสายสั้น (เช่น อะซิเตต, โพรพิโอเนต และบิวทิเรต) เป็นผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายจากการหมัก[16][18] โมเลกุลเหล่านี้ลดค่าพีเอช ภายในโพรงลำไส้ ยับยั้งการเจริญเติบโตและกิจกรรมของจุลินทรีย์ที่เป็นอันตราย (enteropathogens) โดยตรง[7][15] สิ่งนี้ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของไบฟิโดแบคทีเรียซึ่งแข่งขันกับจุลินทรีย์ที่เป็นอันตราย เพื่อหาสารอาหารและพื้นที่ยึดเกาะบริเวณเยื่อบุผิวลำไส้ ผลประโยชน์จาก IMO พบได้ทั้งในทารก, เด็ก และผู้สูงอายุ
โรคฟันผุเกิดจากการก่อตัวของกลูแคน (คราบพลัค) ที่ไม่ละลายน้ำบนผิวฟัน และการผลิตกรดจากแบคทีเรียในคราบพลัค กรดเหล่านี้โจมตีเนื้อเยื่อแข็งของฟัน การศึกษาในสัตว์ทดลองแสดงให้เห็นว่า IMO ไปแทนที่ซูโครสซึ่งช่วยลดปริมาณของคราบจุลินทรีย์ที่เกิดขึ้นและยังช่วยลดปริมาณของกรดที่โจมตีเคลือบฟันที่เกิดขึ้น ดังนั้น IMO จึงทำหน้าที่เป็นสารต้านฟันผุ[19]
ค่าดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index, GI) ที่รายงานสำหรับ IMO คือ 34.66±7.65 (ในมาตราส่วน 1–100) ซึ่งแสดงถึง GI ต่ำ[20] การบริโภค IMO ช่วยปรับปรุงการเคลื่อนไหวของลำไส้ การถ่ายอุจจาระ และการหมักของจุลินทรีย์ในลำไส้ใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่มีผลเสียใด ๆ ในผู้สูงอายุ[21]
สมาคมนักเคมีธัญพืชแห่งอเมริกา (American Association of Cereal Chemists, AACC) นิยามเส้นใยที่ละลายน้ำได้ว่าเป็น "ส่วนที่กินได้ของพืชหรือคาร์โบไฮเดรตที่คล้ายคลึงกันที่ทนต่อการย่อยและการดูดซึมในลำไส้เล็กของมนุษย์ซึ่งมีการหมักทั้งหมดหรือบางส่วนในลำไส้ใหญ่"[22] ใยอาหารประกอบด้วยส่วนประกอบของพืชหลายชนิดรวมทั้งโอลิโกแซ็กคาไรด์ สำหรับสารตั้งต้นในอาหารที่จะจัดเป็นเส้นใยนั้น จะต้องทนต่อการย่อยและการดูดซึมในทางเดินอาหารส่วนบน และทำให้เกิดเป็นมวลในการถ่ายอุจจาระ IMO ถือเป็นเส้นใยอาหารด้วยเหตุผลคือ ประกอบด้วยหน่วยกลูโคสที่เชื่อมโยงกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเชื่อมโยงที่ทนต่อการย่อยอาหารอันมีผลเป็นพรีไบโอติกส์ มีการกักเก็บความชื้นทำให้เกิดการพองตัวและช่วยให้อุจจาระเคลื่อนไปข้างหน้า[23]
การใช้งาน
[แก้]IMO ได้รับการยอมรับจากผู้ผลิตอาหารทั่วโลกสำหรับใช้ในผลิตภัณฑ์อาหารหลากหลายประเภท โดยเฉพาะเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว/ธัญพืชอัดแท่ง ในสหรัฐ IMO ถูกใช้เป็นแหล่งของใยอาหารเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตามยังมีการใช้เป็นสารให้ความหวานแคลอรี่ต่ำในอาหารหลากหลายชนิด เช่น เบเกอรีและผลิตภัณฑ์จากธัญพืช เนื่องจาก IMO มีความหวานประมาณ 50% ของน้ำตาลซูโครส จึงไม่สามารถแทนที่น้ำตาลในอัตราส่วนหนึ่งต่อหนึ่งได้ อย่างไรก็ตาม IMO มีผลข้างเคียงเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับโอลิโกแซ็กคาไรด์อื่น ๆ ในกลุ่มเดียวกัน[24] ดังนั้นโมเลกุลคาร์โบไฮเดรตนี้จึงได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นจากผู้ผลิตอาหารทั่วอเมริกาเหนือและยุโรป
ผลข้างเคียง
[แก้]โดยทั่วไป โอลิโกแซ็กคาไรด์ที่ทนต่อการย่อยอาหารทั้งหมด รวมทั้ง IMO มีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์เมื่อบริโภคในปริมาณที่มากกว่าระดับที่อนุญาต ปริมาณ IMO สูงสุดที่อนุญาตคือ 1.5 กรัม/กิโลกรัมของน้ำหนักตัว ซึ่งสูงกว่าสารทดแทนน้ำตาลอื่น ๆ[24] อย่างไรก็ตาม องค์การอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ได้แนะนำให้บริโภค IMO สูงสุดไม่เกิน 30 กรัม/วัน[25] ปริมาณที่สูงขึ้น (มากกว่า 40 กรัม/วัน) อาจทำให้เกิดอาการในระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องอืด, มีแก๊สในลำไส้, ถ่ายเหลว หรือท้องร่วง
ข้อมูลกฏระเบียบ
[แก้]IMO และโอลิโกแซ็กคาไรด์อื่น ๆ ได้รับการอนุมัติมานานแล้วในประเทศจีนและญี่ปุ่น ในประเทศญี่ปุ่น IMO อยู่ในรายชื่ออาหารเพื่อการใช้เพื่อสุขภาพเฉพาะ (ญี่ปุ่น: 特定保健用食品, FOSHU) มานานกว่า 10 ปี ในปี พ.ศ. 2545 กว่าร้อยละ 50 ของอาหาร FOSHU ในญี่ปุ่นได้รวมโอลิโกแซ็กคาไรด์เป็นส่วนประกอบที่มีคุณสมบัติเฉพาะ[26][27] บัญชีรายการประกอบด้วยอาหารหลายประเภทเช่น น้ำอัดลมและเครื่องดื่มอื่น, โยเกิร์ตแช่แข็ง, ผลิตภัณฑ์ขนม, สารให้ความหวาน, คุกกี้, ส่วนผสมในกาแฟ, ขนมปัง, เต้าหู้, ช็อคโกแลต และผสมในซุป มีการนำเข้า IMO ในประเทศสหรัฐในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ไม่เคยมีการผลิตที่นั่นหรือได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากองค์การอาหารและยาสหรัฐ ในปี พ.ศ. 2552 บริษัทในแคนาดา ไบโอนิวทรา (BioNeutra) ได้รับการอนุมัติจาก FDA ในรายการสสารที่โดยทั่วไปแล้วถือว่าปลอดภัย (GRAS) และจากกระทรวงสาธารณสุขแคนาดา (Health Canada) สำหรับ IMO[28] หน่วยงานตรวจสอบความปลอดภัยด้านอาหารแห่งสหภาพยุโรป (EFSA) เพิ่งอนุญาตให้ไซโลโอลิโกแซ็กคาไรด์ (XOS) เป็นอาหารชนิดใหม่ (NF) ตามระเบียบ (EU) 2015/2283[29]
ความพร้อมใช้งานเชิงพาณิชย์
[แก้]IMO ผลิตในเชิงพาณิชย์ส่วนใหญ่ในประเทศจีนและญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์นี้ส่วนใหญ่บริโภคภายในประเทศหรือส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านในแถบเอเชีย ในประเทศญี่ปุ่น IMO วางตลาดภายใต้ชื่อทางการค้าหลายชื่อ เช่น IMO-900 และ IMO-800 เนื่องจากเป็นส่วนผสมอาหารชนิดใหม่ จึงไม่มีผู้ผลิต IMO ในอเมริกาเหนือและยุโรป จนกระทั่ง BioNeutra เริ่มผลิตผลิตภัณฑ์นี้ ซึ่งได้รับการอนุมัติให้ใช้ในแคนาดาโดยกระทรวงสาธารณสุขแคนาดาในปี พ.ศ. 2555[30] บริษัทในสหรัฐยังผลิตโอลิโกแซ็กคาไรด์ประเภทอื่น ๆ เช่น GOS, FOS และ XOS
อ้างอิง
[แก้]- ↑ PDRNS. (2001). Prebiotics. in: PDR for Nutritional Supplements (1st Ed.). Physicians' Desk Reference (PDR); Demoines, Iowa/Medical Economics Data Production Company; Montvale, New Jersey, pp. 372–375
- ↑ Hondo, S. & Mochizuki, T. (1979). Free Sugars in Miso. Nipon Shokuhin Kogyo Gakkaishi 26(11): 469–472
- ↑ Nishino, R.; Ozawa, Y.; Yasuda, A.; Sakasai, T. 1981. [Oligosaccharides in soy sauce]. Denpun Kagaku 28(2): 125–131 [Japanese with English summary]
- ↑ Tungland, B.C.; Meyer, D. 2002. Nondigestible oligo-and polysaccharides (dietary fiber): Their physiology and role in human health and food. Compr Rev Food Sci Food Safety 3: 73–92
- ↑ White, J.W.; Hoban, N. 1959. Composition of honey. IV. Identification of the disaccharides. Arch Biochem Biophys 80(2):386–392
- ↑ EU Register of nutrition and health claims made on foods
- ↑ 7.0 7.1 Kaneko, T.; Kohmoto, T.; Fukui, F.; Akiba, T.; Suzuki, S.; Hirao, A.; Nakatsuru, S.; Kanisawa, M. 1990. [Acute and chronic toxicity and mutagenicity studies on isomaltooligosaccharides, and the effect on peripheral blood lymphocytes and intestinal microflora]. Shokuhin Eiseigaku Zasshi 31(5): 394–403 [Japanese with English summary]
- ↑ Rycroft, C.E.; Jones, M.R.; Gibson, G.R.; Rastall, R.A. 2001. A comparative in vitro evaluation of the fermentation properties of prebiotic oligosaccharides. J Appl Microbiol 91(5): 878–887
- ↑ Hesta, M., Debraekeleer, J., Janssens, G. P. J. & De Wilde, R. (2001) [The effect of a commercial high-fibre diet and an Isomalto-oligosaccharide-supplemented diet on post-prandial glucose concentrations in dogs] J. Animal Physio. Animal Nutr., 85(7–8): 217
- ↑ Hesta, M, Roosen, W, et al. (2003). Prebiotics affect nutrient digestibility but not fecal ammonia in dogs fed increased dietary protein levels. British Journal of Nutrition 90: 1007–1014
- ↑ Minami T, et al. (1989). Caries-inducing activity of isomaltooligosugar (IMOS) in vitro and rat experiments. Shoni Shikagaku Zasshi 27(4): 1010–7
- ↑ Roberfroid M., "Prebiotics: The Concept Revisited", J. Nutr. 137: 830–837S, 2007
- ↑ Ketabi, A., Dieleman, A. L., and Ganzle, G. M., 2011, [influence of isomaltooligosaccharides on intestinal microbiota in rats], J. Appl. Micro. Biol., 110: 1297–1306
- ↑ Kohmoto, T.; Fukui, F.; Takaku, H.; Machida, Y.; Arai, M.; Mitsuoka, T. 1988. Effect of isomalto-oligosaccharides on human fecal flora. Bifidobacteria Microflora 7(2): 61–69
- ↑ 15.0 15.1 Qing, G.; Yi, Y.; Guohong, J.; Gai, C. 2003. [Study on the regulative effect of Isomaltooligosaccharides on human intestinal flora]. Wei Sheng Yan Jiu 32(1): 54–55 [Chinese with English summary]
- ↑ 16.0 16.1 Kaneko, T.; Komoto, T.; Kikuchi, H.; Shiota, M.; Yatake, T.; lino, H.; Tsuji, K. 1993. [Effects of isomaltooligosaccharides intake on defecation and intestinal environment in healthy volunteers]. Ninon Kasei Gakkaishi 44(4): 245-254 [Japanese with English summary]
- ↑ Kaneko, T., Kohmoto, T., Kikuchi, H., Shito, M., Iino, H. and Mitsuoka, T. (1994) [Effect of isomaltooligosaccharides with different degrees of polymerization on human fecal bifidobacteria] Biosci. Biotech. Biochem. 58(12): 2288–2290
- ↑ Chen, H.-L; Lu, Y.-H.; Lin, J.-J.; Ko, L.-Y. 2001. Effects of isomalto-oligosaccharides on bowel functions and indicators of nutritional status in constipated elderly men. J Am Coll Nutr 20(1): 44–49
- ↑ Minami T, et al. (1989). Caries-inducing activity of isomaltooligosugar (IMOS) in vitro and rat experiments. Shoni Shikagaku Zasshi 27(4): 1010–7
- ↑ Sheng, G. E., Dong-lian, C. A. I. & Wan, Li-li. (2006) [Determination of glycemic index of xylitol and isooligosccharide] Chin. J. Clin. Nutr., 14(4): 235–237
- ↑ Chen, H.-L., et al., 2001. Effects of isomalto-oligosaccharides on bowel functions and indicators of nutritional status in constipated elderly men. J Am Coll Nutr 20(1): 44–49
- ↑ AACC Report, March 2001, Vol. 46, No. 3, page 112
- ↑ Tungland, B.C.; Meyer, D. 2002. Nondigestible oligo-and polysaccharides (dietary fiber): Their physiology and role in human health and food. Compr. Rev. Food Sci. Food Safety 3: 73–92
- ↑ 24.0 24.1 Oku, T.; Nakamura, S., 2002. Digestion, absorption, fermentation, and metabolism of functional sugar substitutes and their available energy. Pure Appl. Chem. 74(7): 1253–1261
- ↑ "Re: GRAS Notice No. GRN 000246" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 26 เมษายน 2012. สืบค้นเมื่อ 13 ธันวาคม 2011.
- ↑ Nakakuki, T., (2003) Development of Functional Oligosaccharides in Japan. Trends in Glycoscience and Glycotechnology 15(82): 62 & 63
- ↑ Yamaguchi, P. & Associates, Inc. (2004) Functional Foods & FOSHU Japan, Market & Product Report
- ↑ "Agency Response Letter GRAS Notice No. GRN 000246". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 มีนาคม 2012. สืบค้นเมื่อ 16 ธันวาคม 2019.
- ↑ Turck, Dominique; Bresson, Jean-Louis; Burlingame, Barbara; และคณะ (2018). "Safety of xylo-oligosaccharides (XOS) as a novel food pursuant to Regulation (EU) 2015/2283" (PDF). EFSA Journal (ภาษาอังกฤษ). 16 (7): e05361. doi:10.2903/j.efsa.2018.5361. ISSN 1831-4732. PMC 7009669. PMID 32625993.
- ↑ "Novel Food Information - Isomalto-oligosaccharide (VitaFiber)". 18 กุมภาพันธ์ 2011.