ไรเทอร์เด็งค์มาล (วินด์ฮุก)
Reiterdenkmal Südwester Reiter | |
ไรเทอร์เด็งค์มาลแห่งวินด์ฮุก ภาพถ่ายปี 2004 | |
พิกัด | 22°34′07″S 17°05′16″E / 22.56861°S 17.08778°E |
---|---|
ที่ตั้ง | วินด์ฮุก ประเทศนามิเบีย |
ผู้ออกแบบ | อาด็อล์ฟ เคือร์เลอ |
ประเภท | อนุสาวรีย์ |
วัสดุ | ทองสัมฤทธิ์, หินแกรนิต |
ความสูง | 9.5 เมตร (31 ฟุต) |
วันที่อุทิศ | 27 มกราคม ค.ศ. 1912 |
อุทิศแด่ | ทหารและพลเมืองชาวเยอรมันที่เสียชีวิตในสงครามเฮโรโรและนามากวา |
วันที่รื้อ | ค.ศ. 2013 |
อนุสาวรีย์คนขี่ม้า (อังกฤษ: Equestrian Monument) หรือที่รู้จักในชื่อเดิมในภาษาเยอรมัน ไรเทอร์เด็งค์มาล (เยอรมัน: Reiterdenkmal) หรือ ซึดเวสแทร์ไรเทอร์ (เยอรมัน: Südwester Reiter; คนขี่ม้าแห่งตะวันตกเฉียงใต้) เป็นอนุสาวรีย์ที่ในอดีตตั้งอยู่ในวินด์ฮุก ประเทศนามิเบีย อนุสาวรีย์เปิดตัวในวันที่ 27 มกราคม ค.ศ. 1912 ในวาระวันคล้ายวันพระราชสมภพของ จักรพรรดิวิลเฮ็ล์มที่ 2 แห่งเยอรมนี อนุสาวรีย์นี้เป็นการเทิดเกียรติแด่ทหารและพลเมืองฝั่งเยอรมนีที่เสียชีวิตระหว่างสงครามเฮโรโรและนามากวาในระหว่างปี 1904–1907 ซึ่งเป็นสงครามที่มีประเด็นถกเถียงในสังคมอย่างมาก
อนุสาวรีย์ถูกรื้อถอนออกไปในปี 2009 จากตำแหน่งเดิมที่อยู่ตรงข้ามกับคริสทูซคีร์เชอในเขตศูนย์กลางธุรกิจของเมืองวินด์ฮุก ก่อนจะย้ายไปตั้งใหม่ในปี 2010 ห่างไปไม่กี่เมตรในบรืเวณอัลเทอเฟสเทอ กระนั้น อนุสาวรีย์นี้ยังเผชิญกับการต่อต้านจากสาธารณะ และท้ายที่สุดในปี 2013 ได้ถูกรื้อถอนออกจากการตั้งในที่สาธารณะเป็นการถาวร ปัจจุบันอนุสาวรีย์เก็บรักษาอยู่ในโกดังเก็บของในอัลเทอเฟสเทอ
อนุสาวรีย์ไรเทอร์เด็งค์มาลได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนเป็นการส่วนตัวและออกแบบโดยสถาปนิกชาวเบอร์ลิน อาด็อล์ฟ เคือร์เลอ อนุสาวรีย์มีความสูง 4.5 เมตร (15 ฟุต) เมตร ทำมาจากทองสัมฤทธิ์ หล่อขึ้นในเบอร์ลินและขนส่งมายังแอฟริกาตะวันตกเฉียงใต้ของเยอรมนีในปี 1911 โดยขึ้นท่าที่สวาคอปมุนด์และขนส่งทางรถไฟมายังวินด์ฮุก[1] ฐานของอนุสาวรีย์มีความสูง 5 เมตร (16 ฟุต) และทำมาจากหินแกรนิตราว 180 ก้อนจากโอคาฮันเดีย[2] ที่ฐานมีป้ายระลึกถึงทหารและพลเรือนชาวเยอรมันที่เสียชีวิตในสงครามเฮโรโรและนามากวา ปี 1904–1907 และจากการสำรวจทะเลทรายคาลาฮารีในปี 1908 ใจความของแผ่นป้ายระลึกกล่าวถึง[3] “นักรบชาวเยอรมันที่เสียชีวิตเพื่อจักรพรรดิและจักรวรรดิเพื่อปกป้องดินแดน”
ความหมาย
[แก้]นอกจากจะตั้งขึ้นเพื่อระลึกถึงผู้วายชนม์แล้ว อนุสาวรีย์นี้ยังเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะและการอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนแอฟริกาตะวันตกเฉียงใต้[3] เอลเคอ ซอยร์น (Elke Zuern) ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์ วิทยาลัยซาราห์ ลอวเรนซ์ ระบุไว้ว่าอนุสาวรีย์นี้ตั้งขึ้นเพื่อ[4] “เป็นสัญลักษณ์ถึงความยืนยงในการปกครอง” ของเยอรมนีเหนือดินแดนนี้ รวมถึงส่งข้อความ “เตือนแก่ใครก็ตามที่อาจจะยังคงต่อต้าน” การปกครองของเยอรมนี
ความหมายทางการเมืองของอนุสาวรีย์นี้แปรเปลี่ยนไปในสามปีให้หลัง เมื่อสงครามโลกครั้งที่หนึ่งปะทุขึ้น และในปี 1915 แอฟริกาตะวันตกเฉียงใต้ของเยอรมนีถูกโค่นล้ม และ ชุทซ์ทรุพเพอ ยอมแพ้ เยอรมนีสูญเสียอาณานิคมทั้งหมดหลังสงครามสิ้นสุด ระหว่างสงครามโลกทั้งสองครั้ง สุสานชาวเยอรมันที่วาเทอร์แบร์คและอนุสาวรีย์นี้ กลายมาเป็นสองสถานที่ที่สำคัญที่สุดสำหรับการระลึกถึงสงคราม และระลึกถึงชาวเยอรมันซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยของแอฟริกาตะวันตกเฉียงใต้[3] ในปี 1969 ในสมัยการแบ่งสีผิวในแอฟริกาใต้ อนุสาวรีย์นี้ได้รับการประกาศเป็นอนุสรณ์แห่งชาติโดยทางการแอฟริกาใต้[1]
ข้อถกเถียง
[แก้]อนุสาวรีย์ไรเทอร์เด็งค์มาลเป็นประเด็นถกเถียงมาอย่างยาวนาน ในฐานะตัวแทนของความเหนือกว่าของชาวเยอรมัน และการรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตของเยอรมันในทศวรรษแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 20 อย่างเอนเอียงไปฝั่งเดียว ในขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตของชาวเฮโรโร และ ชาวดามารา สูงกว่าราวห้าสิบเท่าในสงครามกับเยอรมนี[5] อนุสาวรีย์กลายมาเป็นประเด็นวิจารณ์ทางการเมืองอย่างมาก โดยเฉพาะตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เรื่อยมา[3]
หลังนามิเบียได้รับเอกราชในปี 1990 พลเรือนผิวขาวชาวนามิเบียที่มีเชื้อสายเยอรมันกังวลว่ารูปปั้นนี้จะถูกทำลายลง กระนั้น รัฐบาลของ SWAPO มีความสนใจไปที่การสร้างอนุสรณ์ของตนเพื่อระลึกถึงการดิ้นรนเพื่อเอกราชมากกว่า[6]
ในปี 2008 มีการประท้วงบริเวณอนุสาวรีย์จำนวนมาก เช่นเมื่อเดือนกรกฎาคม มีการตั้งกางเขนไม้ 51 อันรอบรูปปั้น บนกางเขนไม้เป็นชื่อและคำแสดงอารมณ์เขียนด้วยภาษาโอตจีเฮโรโร ส่วนในเดือนตุลาคม มีการสอดธงชาตินามิเบียเข้าไปในปากกระบอกปืนของรูปปั้น ทุกครั้งที่มีการแสดงออกทางสัญลักษณ์เช่นนี้ ได้เกิดการพูดคุยเกี่ยวกับสถานะและความหมายของอนุสาวรีย์ซึ่งเชิดชูลัทธิล่าอาณานิคมของเยอรมนี เกิดขึ้นไปทั่วสื่อสังคม[7]
ในปี 2001 คณะรัฐมนตรีนามิเบีย ลงคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ว่าจะทำการสร้างพิพิธภัณฑ์เอกราชขึ้นตรงข้ามกับโบสถ์พระคริสต์วินด์ฮุก โดยสร้างขึ้นทับจุดที่อนุสาวรีย์นี้ตั้งอยู่ และการรื้อถอนอนุสาวรีย์ออกได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ[8]
ในปี 2009 ได้เริ่มต้นการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ อนุสาวรีย์ถูกรื้อถอนและนำไปเก็บรักษาในโกดัง[1] ที่ตั้งโกดังถูกเก็บเป็นความลับเพื่อป้องกันการถูกรุกรานโดยคนที่ต้องการจะเก็บสะสมของที่ระลึกจากอนุสาวรีย์นี้[9]
กระทั่งในปี 2010 อนุสาวรีย์ถูกตั้งขึ้นใหม่ที่ด้านหน้าของอัลเทอเฟสเทอ[1] ซึ่งกระตุ้นการพูดคุยถกเถียงเกี่ยวกับอนุสาวรีย์นี้อีกครั้ง[10] ในปลายปี 2013 พื้นที่โดยรอบด้านหน้าของอัลเทอเฟสเทอ ได้ถูกปิดล้อมเพื่อป้องกันสาธารณชนและสื่อมวลชนเข้าไปใกล้อนุสาวรีย์มากจนเกินไป ต่อมามีการยืนยันว่าอนุสาวรีย์จะถูกรื้อถอนออกอีกครั้ง[11] รูปปั้นถูกรื้อถอนออกจากฐานในวันเดียวกันกับที่มีการประกาศยืนยันดังกล่าว[12] และถูกนำไปเก็บรักษาในที่เก็บของของอัลเทอเฟสเทอแทน[10]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 Bause, Tanja (30 มกราคม 2012). "Monument's centenary remembered". The Namibian (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 มีนาคม 2023. สืบค้นเมื่อ 23 มีนาคม 2023.
- ↑ Schreiber, Irmgard (27 มกราคม 2010). "Reiter verbingt Geburtstag im Container". Allgemeine Zeitung (ภาษาเยอรมัน). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 พฤศจิกายน 2011. สืบค้นเมื่อ 23 มีนาคม 2023.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 Zeller, Joachim (2007). "Das Reiterdenkmal in Windhoek/Namibia". www.freiburg-postkolonial.de (ภาษาเยอรมัน). สืบค้นเมื่อ 23 มีนาคม 2023.
- ↑ Zuern, Elke (2010). "Memorial Politics - Challenging Power and Inequity in Namibia (Draft)". www.gc.cuny.edu (ภาษาอังกฤษ). CUNY Graduate Center. p. 2. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (DOC)เมื่อ 16 มิถุนายน 2010. สืบค้นเมื่อ 23 มีนาคม 2023.
- ↑ "Germany admits Namibia genocide". BBC News. 14 สิงหาคม 2004. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 ธันวาคม 2005. สืบค้นเมื่อ 23 มีนาคม 2023.
- ↑ Zuern, Elke (กันยายน 2012). "Memorial politics: challenging the dominant party's narrative in Namibia". The Journal of Modern African Studies. 50 (3): 493–518. doi:10.1017/S0022278X12000225. S2CID 154609786. สืบค้นเมื่อ 23 มีนาคม 2023.
- ↑ Fischer, Stefan (24 ตุลาคม 2008). "Reiter mit Fahne geschmückt". AZ.com (ภาษาเยอรมัน). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 ตุลาคม 2008. สืบค้นเมื่อ 23 มีนาคม 2023.
- ↑ Hofmann, Eberhard (2 ตุลาคม 2009). "Staat verlangt Kommandohöhe". AZ.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 ตุลาคม 2009. สืบค้นเมื่อ 23 มีนาคม 2023.
- ↑ Mach, Marco (11 สิงหาคม 2009). "Pferd hat wohl einen hohlen Bauch" [The horse likely has a hollow body]. Allgemeine Zeitung (ภาษาเยอรมัน). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 สิงหาคม 2009. สืบค้นเมื่อ 10 ธันวาคม 2023.
- ↑ 10.0 10.1 Steynberg, Francoise (27 ธันวาคม 2013). "Ruiter val op heiligste dag". Die Republikein (ภาษาแอฟริกานส์). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 กรกฎาคม 2014. สืบค้นเมื่อ 23 มีนาคม 2023.
- ↑ "Reiterdenkmal gallops again on Christmas". The Namibian. 26 ธันวาคม 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 ธันวาคม 2013. สืบค้นเมื่อ 10 ธันวาคม 2023.
- ↑ "Eilmeldung: Reiterdenkmal ist abgesägt" [Reiterdenkmal has been done away with]. Allgemeine Zeitung (ภาษาเยอรมัน). 26 ธันวาคม 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 พฤษภาคม 2016. สืบค้นเมื่อ 10 ธันวาคม 2023.