ไททันโนโบอา
ไททันโนโบอา แซร์อาโฮนเอนซิส ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่: สมัยพาลีโอซีนตอนกลางถึงตอนปลาย (Peligran-Itaboraian) ~60–58Ma | |
---|---|
![]() | |
กระดูกสันหลังของไททันโอโบอาในพิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยาJosé Royo y Gómez, Bogotá | |
![]() | |
ภาพวาดของไททันโอโบอา | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordata |
ชั้น: | Reptilia |
อันดับ: | Squamata |
อันดับย่อย: | Serpentes |
วงศ์: | Boidae |
วงศ์ย่อย: | Boinae |
สกุล: | Titanoboa † Head et al., 2009 |
สปีชีส์: | T. cerrejonensis † |
ชื่อทวินาม | |
Titanoboa cerrejonensis † Head et al., 2009 |
ไททันโนโบอา แซร์อาโฮนเอนซิส (ชื่อวิทยาศาสตร์: Titanoboa cerrejonensis, ชื่อย่อ: ไททันโนโบอา (Titanoboa)) เป็นชื่องูขนาดใหญ่ที่ไม่มีพิษ ในวงศ์ Boidae ที่ได้สูญพันธุ์ไปแล้ว ถูกค้นพบโดยคณะนักวิทยาศาสตร์สาขาบรรพชีวินวิทยาจากมหาวิทยาลัยโทรอนโต
นักบรรพชีวินวิทยาเชื่อว่า ไททันโนโบอา มีรูปร่างลักษณะและมีพฤติกรรมคล้ายงูอนาคอนดาซึ่งปัจจุบันพบในป่าดิบชื้นในทวีปอเมริกาใต้ โดยหากินในน้ำ ซึ่งอาหารได้แก่ จระเข้และปลาขนาดใหญ่ มีลักษณะคล้ายคลึงกับงูอนาคอนดา แต่ทว่ามีความยาวกกว่ามาก โดยมีความยาวเฉลี่ยประมาณ 13.5 เมตร และอาจยาวได้ถึง 15 เมตร หนักถึง 2.6 ตัน โดยชื่อของมันเป็นภาษาลาติน แปลได้ว่า "งูยักษ์จากแซร์อาโฮน" (Titanic boa from Cerrejon) ซึ่งมาจากชื่อเมืองแซร์อาโฮน ในประเทศโคลอมเบีย ซึ่งเป็นที่ค้นพบซากฟอสซิลของมันเป็นครั้งแรก
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/3/3c/Eunectes-murinus_-Broghammerus-reticulatus-_-Titanoboa-2.svg/300px-Eunectes-murinus_-Broghammerus-reticulatus-_-Titanoboa-2.svg.png)
ซากฟอสซิลของไททันโนโบอา ที่ค้นพบเป็นกระดูกสันหลัง จำนวน 180 ชิ้น คาดว่าน่าจะเป็นของงูทั้งหมด 12 ตัว ค้นพบครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2007 ซึ่งกระดูกสันหลังนั้นมีขนาดใหญ่กว่ากระดูกสันหลังของงูอนาคอนดาไม่มากนัก[1]
จากการวิเคราะห์อายุชั้นหิน พบว่า ไททันโนโบอา มีชีวิตอยู่เมื่อราว 58 ถึง 60 ล้านปีก่อน ในสมัยพาลีโอซีนตอนกลางถึงตอนปลาย เป็นช่วงหลังจากเหตุการณ์การสูญพันธุ์ยุคครีเทเชียส–พาลีโอจีน ซึ่งมีสภาพเป็นป่าดิบชื้น มีอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีประมาณ 32- 90 องศาเซลเซียส ซึ่งสูงกว่าอุณหภูมิเฉลี่ยของป่าดิบชื้น และสอดคล้องกับสภาพอากาศ ที่คาดว่ามีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศปริมาณมาก[2]
ดูเพิ่ม[แก้]
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/4/4a/Commons-logo.svg/30px-Commons-logo.svg.png)