โฮอันเด็ง

โฮอันเด็ง (ญี่ปุ่น: 奉安殿; โรมาจิ: Hō-an-den) เป็นสิ่งก่อสร้างในสมัยจักรวรรดิญี่ปุ่นระหว่างคริสต์ทศวรรษ 1910 ถึงปี 1945 ที่มีลักษณะเป็นศาลเจ้าหรือวัดขนาดเล็ก มีไว้เพื่อตั้งภาพถ่ายของจักรพรรดิและจักรพรรดินีองค์ปัจจุบันของญี่ปุ่นในเวลานั้น ได้แก่ จักรพรรดิเมจิ, จักรพรรดิไทโช, จักรพรรดิโชวะ, จักรพรรดินีโชเก็ง, จักรพรรดินีเทเม และจักรพรรดินีโคจุง คู่กับพระราชกำหนดหลวงว่าด้วยการศึกษา โดยทั่วไปมักตั้งโฮอันเด็งตามโรงเรียนประถม แต่ก็พบได้ตามสถานที่อื่น ๆ เช่นที่นิคมโรคเรื้อน สถานพักฟื้นทามะเซ็นโชเอ็ง[1] เช่นกัน เป้าหมายของโฮอันเด็งมีไว้เพื่อแสดงความเคารพบูชาแด่จักรพรรดิญี่ปุ่น
ทันทีหลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุด ได้มีการปฏิรูปการศึกษาครั้งใหญ่ภายใต้จีเอชคิว อันประกอบด้วยการห้ามการสนับสนุนลัทธิชินโตในระดับชาติ นับตั้งแต่ 15 พฤศจิกายน และมีคำสั่งให้ส่งคืนภาพถ่ายของจักรพรรดิและจักรพรรดินีทั้งหมดในวันที่ 28 ธันวาคม รวมถึงมีคำสั่งให้ทุบทำลายโฮอันเด็งลง เช่นที่นครคูมาโมโตะ มีคำสั่งให้ทุบโฮอันเด็งลงเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 1946[2] โฮอันเด็งส่วนใหญ่ถูกทุบทำลายหรือนำไปฝัง บางส่วนถูกทิ้งร้าง และบางส่วนถูกนำมาใช้งานใหม่เป็นอนุสรณ์สงคราม นครคูมาโมโตะมีคำสั่งให้ทำลายส่วนหลังคาทิ้ง และห้ามไม่ให้เหลือความรู้สึกในฐานะสถานที่สำหรับการสักการะอีก จากนั้นให้นำมาใช้งานใหม่เป็นโกดังเก็บของแทน[3] พระราชกำหนดหลวงว่าด้วยการศึกษานั้นให้ส่งคืนกระทรวงศึกษาธิการในเดือนกันยายน 1948[4] ในจังหวัดคูมาโมโตะ ภาพถ่ายของจักรพรรดิและจักรพรรดินีถูกเก็บรวบรวมและนำมาเผาในพิธีเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 1946 ที่โรงเรียนประถมเซกิได (Sekidai Elementary School)[5] ส่วนในเมืองมิยาโกจิมะ จังหวัดโอกินาวะ อาจารย์และนักเรียนได้รวมตัวกันนำภาพของจักรพรรดิและจักรพรรดินีมาเผาในวันที่ 31 สิงหาคม 1945[6]
ในปัจจุบัน
[แก้]โฮอันเด็งบางส่วนถูกส่งต่อไปยังสถานที่อื่น ๆ อย่างศาลเจ้าเพื่อใช้งานใหม่ จำนวนหนึ่งถูกใช้เป็นอนุสรณ์ถึงผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว นอกจากนี้ปัจจุบันโฮอันเด็งยังพบได้ในซาคาลิน, ไต้หวัน (ฟอร์โมซาเดิม) และในบราซิล ในจังหวัดคูมาโมโตะมีรายงานโฮอันเด็งห้าแห่ง และโฮอังโกะ (Hō-an-ko; โฮอันเด็งแบบ "ตู้เซฟ") หนึ่งแห่ง ที่ยังคงอยู่[7] ปัจจุบันมีโฮอันเด็งรวมสิบสองแห่งที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของชาติ[8]
รายชื่อโฮอันเด็งและโฮอังโกะในจังหวัดคูมาโมโตะ
[แก้]ตั้งอยู่ภายใน | สร้างขึ้นเมื่อ | สถานะในปัจจุบัน |
---|---|---|
สนามบินคูโรอิชิบารุ (Kuroishibaru Airfield) | ราว 1941 | เหลือแต่อาคารคอนกรีต |
โรงเรียนประถมคาวากามิ (Kawakami Elementary School) | หลัง 1929 | อาคารคอนกรีตถูกส่งมอบให้แก่ศาลเจ้า |
โรงเรียนประถมคิตาซาโตะ (Kitasato Elementary School) | 1931 | อาคารเดิมถูกส่งมอบให้แก่ศาลเจ้า |
โรงเรียนประถมชิตาฮาตะ (Shitahata Elementary School) | 1937 | ส่งมอบให้แก่บุคคลหนึ่งเพื่อใช้เป็นอนุสรณ์ผู้ล่วงลับ |
โรงเรียนประถมอิอิโนะ (Iino Elementary School) | หลัง 1930 | สร้างใหม่ในปี 1952 เพื่อใช้เป็นอนุสรณ์ผู้ล่วงลับให้แก่บุคคลหนึ่ง |
โรงเรียนประถมเคโตกุ (Keitoku Elementary School) | หลัง 1929 | ขึ้นทะเบียนอนุรักษ์โดยนครคูมาโมโตะ |
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ National Hansen's disease Museum[2010:45]
- ↑ Kumamoto City[1997:Tsūshihen, 8, Gendai, 488-491]
- ↑ Kumamoto City[2003:Tsūshihen, 8, Gendai, 489-490]
- ↑ Kumamoto City[1997:Tsushihen, 8, Gendai, 490]
- ↑ Kumamoto City[2003:7-3-pp.1019]
- ↑ Nakasone[1998:]
- ↑ Fumio Uemura2010:49-52,165-166,167,168,169,170
- ↑ "Database of National Cultural Properties (search term: 奉安殿)" (ภาษาญี่ปุ่น). Agency for Cultural Affairs. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 December 2015. สืบค้นเมื่อ 3 June 2012.
- ↑ Uemura[2010:49-52,164-170]
บรรณานุกรม
[แก้]- Fumio Uemura, Kumamoto no Senso Iseki(Remains of War in Kumamoto Prefecture), 2010, Soshisha, ISBN 978-4-902227-10-9
- National Hansen's disease Museum, Japan, Zensei Byoin wo Aruku(Walking inside Zensei Hospital), 2010, National Hansen's disease Museum, Japan.
- Masaji Nakasone, Sakishima no 8 gatsu 15 nichi(August 15, 1945 in Miyakojima) in Ryukyu Shimpo Aug. 14, 1998.
- Kumamoto City, Shin-Kumamoto-shi(New History of Kumamoto City), 2003, Tsū-shi hen Vol. 7, Kinsei 3. Kumamoto City.