โอซาร์ก (ละครชุด)
โอซาร์ก | |
---|---|
ประเภท |
|
สร้างโดย |
|
แสดงนำ |
|
ผู้ประพันธ์เพลง |
|
ประเทศแหล่งกำเนิด | สหรัฐอเมริกา |
ภาษาต้นฉบับ | อังกฤษ |
จำนวนฤดูกาล | 4 |
จำนวนตอน | 44 (รายชื่อตอน) |
การผลิต | |
ผู้อำนวยการผลิต |
|
สถานที่ถ่ายทำ | รัฐจอร์เจีย |
ความยาวตอน | 52–80 นาที |
บริษัทผู้ผลิต |
|
ออกอากาศ | |
เครือข่าย | เน็ตฟลิกซ์
|
| first_aired = 21 กรกฎาคม ค.ศ. 2017 | last_aired = ค.ศ. 29 เมษายน 2022 | related = }}
โอซาร์ก (อังกฤษ: Ozark) เป็นละครชุดแนวอาชญากรรมของสหรัฐอเมริกา เริ่มเผยแพร่ให้รับชมผ่านระบบสตรีมมิงทางเน็ตฟลิกซ์ ตั้งแต่ปี 2017 สร้างโดย บิล ดูบิวก์ และ มาร์ก วิลเลียมส์ ผลิตโดยเอ็มอาร์ซี[1][2][3] นำแสดงโดย เจสัน เบตแมน และ ลอรา ลินนีย์ ร่วมด้วย จูเลีย การ์เนอร์, เจเน็ต แมคเทียร์, ชาร์ลี ทาฮาน, โซเฟีย ฮับลิตซ์, ลิซา เอเมอรี, จอร์ดานา สปิโร และ ทอม เพลฟรีย์ ในบทบาทนักแสดงสมทบ โดยโอซาร์กเป็นเรื่องราวของ มาร์ตี และ เวนดี เบิร์ด สองสามีภรรยาที่ต้องย้ายครอบครัวจากเมืองชิคาโกมายังชุมชนบริเวณอ่างเก็บน้ำโอซาร์กในรัฐมิสซูรีเพื่อทำการฟอกเงินจำนวน 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับกลุ่มพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่จากประเทศเม็กซิโก[4][5] ซึ่งเจสัน เบตแมน นอกจากจะรับบทนักแสดงนำแล้ว เขายังทำหน้าที่กำกับการแสดงและเป็นหนึ่งในผู้อำนวยการผลิตอีกด้วย[6][7] โดยเนื้อหาในฤดูกาลแรกที่มีจำนวน 10 ตอนถูกนำออกเผยแพร่ให้รับชมเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2017[3][8], ฤดูกาลที่ 2 อีกจำนวน 10 ตอน ถูกนำออกเผยแพร่เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2018[9], ฤดูกาลที่ 3 จำนวน 10 ตอน ถูกนำออกเผยแพร่เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2020[10] และฤดูกาลที่ 4 ซึ่งเป็นฤดูกาลสุดท้าย มีจำนวน 14 ตอน ใน 7 ตอนแรกถูกนำออกเผยแพร่เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2022 และอีก 7 ตอนสุดท้าย ถูกเผยแพร่เมื่อ 29 เมษายน 2022
โอซาร์ก ได้รับคำวิจารณ์เชิงบวกจากนักวิจารณ์ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์จำนวนมาก ทั้งในแง่ของโทนเรื่อง, บทละคร, การแสดง และการกำกับการแสดง โดยได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในละครโทรทัศน์ที่มีผู้ชมทั่วโลกให้คะแนนมากที่สุด 100 อันดับของไอเอ็มดีบี[11] รวมทั้งถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลไพรม์ไทม์เอมมี มากถึง 45 รางวัล จากทั้ง 4 ฤดูกาล โดย เจสัน เบตแมน ได้รับรางวัลไพรม์ไทม์เอมมี สาขาผู้กำกับละครโทรทัศน์ยอดเยี่ยม ประเภทละครดรามา ในปี 2019 และ จูเลีย การ์เนอร์ ได้รับรางวัลไพรม์ไทม์เอมมี สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม ประเภทละครดรามาถึง 3 สมัย ในปี 2019, 2020 และ 2022 จากบท "รูธ แแลงมอร์" นอกจากนี้ละครชุดเรื่องนี้ยังทำให้ เจสัน เบตแมน ได้รับรางวัลแซกอวอร์ดส์ ในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ทางละครโทรทัศน์ประเภทดรามา ในปี 2019 จากบท "มาร์ตี เบิร์ด" และได้รับการเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ทางละครโทรทัศน์ประเภทดรามา 2 สมัยติดต่อกัน
เนื้อเรื่อง
[แก้]มาร์ติน เบิร์ด หรือ "มาร์ตี" (นำแสดงโดย เจสัน เบตแมน) ที่ปรึกษาทางการเงินผู้มีวาทศิลป์และมากด้วยความสามารถ เขาเปิดบริษัทให้คำปรึกษาทางด้านการเงินและการลงทุนร่วมกับ "บรูซ ลิดเดลล์" ที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและหุ้นส่วน ในเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอย วันหนึ่งเขาและบรูซได้ทำการตกลงกับ "กามิโน เดล ริโอ" หรือ "เดล" (นำแสดงโดย อีไซ โมราเลส จาก จาร์เฮด พลระห่ำสงครามนรก 2 และ ก๊วนแสบอำพรางศพ) ซึ่งเป็นสมาชิกระดับสูงในองค์กรของ "โอมาร์ นาบาร์โร" พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่จากประเทศเม็กซิโก ในการที่จะฟอกเงินให้โดยแลกกับค่าจ้างจำนวนมหาศาล แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปหลายปี เดล จับได้ว่า บรูซ หุ้นส่วนของมาร์ตีแอบยักยอกเงินไป 8 ล้านดอลลาร์ ทำให้บรูซและภรรยารวมถึงผู้สมรู้ร่วมคิดในการยักยอกเงินถูกจับไปยิงตายทั้งหมด ซึ่งถึงแม้ว่า มาร์ตี จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการยักยอกเงินแต่ก็ต้องร่วมชดใช้ในความผิดของเพื่อนด้วย ในขณะที่ มาร์ตี กำลังจะถูกยิงเขาได้เอาชีวิตรอดด้วยการขอให้เดลไว้ชีวิตและพูดถึงแผนการลงทุนที่บริเวณอ่างเก็บน้ำโอซาร์ก ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ถูกสร้างขึ้น โดยบริเวณดังกล่าวเป็นสถานที่ท่องเที่ยวตากอากาศแถบเทือกเขาโอซาร์ก รัฐมิสซูรีและเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่ใช้เงินสดทำให้ไร้ข้อมูลทางบัญชีธนาคารและปราศจากการตรวจสอบจากรัฐ โดยหากเลือกฟอกเงินที่สถานที่แห่งนี้จะสามารถทำกำไรขึ้นได้อีกมาก เขาจึงยื่นข้อเสนอโดยจะใช้หนี้ที่บรูซยักยอกไปคืนให้และจะทำการฟอกเงินจำนวนมหาศาลถึง 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับกลุ่มของเดล เป็นการชดใช้ความผิด
หลังจากกลุ่มค้ายาเสพติดตกลงรับข้อเสนอ เขากับ เวนดี เบิร์ด ผู้เป็นภรรยา (นำแสดงโดย ลอรา ลินนีย์ นักแสดงหญิงผู้เคยมีผลงานใน ชีวิตมหัศจรรย์ ทรูแมน โชว์ และ The Squid and the Whale - ครอบครัวนี้ ไม่มีปัญหา?) จึงต้องพาลูกๆทั้งสองย้ายออกจากเมืองชิคาโก เพื่อไปฟอกเงินที่โอซาร์ก แต่เมื่อเดินทางมาถึงเขากลับพบว่า ณ ที่แห่งนี้ครอบครัวของเขากลับต้องเข้าไปเกี่ยวข้องพัวพันกับกลุ่มนักเลงประจำถิ่นอย่างครอบครัวแลงมอร์ ที่ล่วงรู้ความลับเรื่องการเข้ามาฟอกเงินของเขา, ครอบครัวสเนลล์ ซึ่งเป็นเจ้าของไร่ฝิ่นอันกว้างใหญ่และเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเฮโรอีน, เจ้าหน้าที่เอฟบีไอที่ติดตามเขามาจากเมืองชิคาโกและเฝ้าจับตามองความเคลื่อนไหวของเขาอยู่ตลอด และ กลุ่มมาเฟียแคนซัสซิตี ทำให้เกิดสถานการณ์วุ่นวายต่างๆที่ตามมาโดยไม่คาดคิด ทั้งการฆาตกรรม การถูกตามล่า การต้องเข้าหานักการเมืองเพื่อเปิดกาสิโน นอกจากนี้ยังมีเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับภรรยาที่แอบนอกใจไปมีเพศสัมพันธ์กับชายอื่น รวมถึงความสัมพันธ์กับลูกสาวคนโตที่ต่อต้านพ่อแม่ และลูกชายคนเล็กที่เชื่อฟังพ่อแม่แต่มีพฤติกรรมแปลกแยกออกจากสังคม
นักแสดงและตัวละคร
[แก้]ครอบครัวเบิร์ด
[แก้]- เจสัน เบตแมน รับบท มาร์ติน เบิร์ด หรือ "มาร์ตี" เป็นสามีของเวนดี พ่อของชาร์ลอตต์และโจนาห์ ที่ปรึกษาทางการเงินผู้เก่งกาจทางด้านบัญชี มีความสามารถทางวาทศิลป์และการโน้มน้าว เขาเปิดบริษัทให้คำปรึกษาทางการเงินและการลงทุนร่วมกับหุ้นส่วนคนสนิทในชิคาโก ต่อมาเขาได้รับจ้างฟอกเงินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติดให้กับ กามิโน เดล รีโอ ซึ่งเป็นตัวแทนของ โอมาร์ นาบาร์โร ผู้ค้ายาเสพติดข้ามชาติรายใหญ่จากประเทศเม็กซิโก
- ลอรา ลินนีย์ รับบท "เวนดี เบิร์ด" หรือ "เวนดี เดวิส" ภรรยาของมาร์ตี แม่ของชาร์ลอตต์และโจนาห์ อดีตผู้ทำงานด้านการหาเสียงให้กับนักการเมืองในการเลือกตั้ง มีทักษะด้านการเจรจาต่อรองกับนักการเมือง หลังจากการแท้งลูกคนที่ 3 ทำให้เธอตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า เวนดีมีบทบาทสำคัญในการประสานงานกับกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่นให้กับครอบครัวเบิร์ด
- โซเฟีย ฮับลิตซ์ รับบท "ชาร์ลอตต์ เบิร์ด" ลูกสาวคนโตของมาร์ตีและเวนดี เคยเป็นแฟนของไวแอตต์ จากครอบครัวแลงมอร์ ก่อนจะแยกทางกันในภายหลัง ด้วยสถานการณ์ที่ไม่ปกติของครอบครัวในหลายๆเรื่อง ทำให้เธอเคยคิดแยกตัวออกจากครอบครัวและต่อต้านพ่อกับแม่
- สกายลาร์ การ์ทเนอร์ รับบท "โจนาห์ เบิร์ด" ลูกชายคนเล็กของมาร์ตีและเวนดี เป็นเด็กที่มีไหวพริบและความเฉลียวฉลาด แต่ไม่ชอบเข้าสังคม เขาเรียนรู้ทักษะทางการเงินและการเดินบัญชีธนาคารตั้งแต่ยังเด็กจากการสังเกตการทำงานของพ่อและการค้นคว้าข้อมูลด้วยตนเอง
- ทอม เพลฟรีย์ รับบท "เบนจามิน เดวิส" หรือ "เบน“ น้องชายของ ลอรา เป็นน้าของ ชาร์ลอตต์และโจนาห์ มีอาการของโรคไบโพลาร์ โดยเขาย้ายเข้ามาอยู่กับครอบครัวเบิร์ดเพราะถูกไล่ออกจากการเป็นครู เบนเป็นคนรักของ รูธ แลงมอร์ ผู้ช่วยคนสนิทของมาร์ตี และกลายเป็นสมาชิกในบ้านที่เข้ากับโจนาห์ ได้มากที่สุดนับจาก บัดดี เสียชีวิตจากโรคหัวใจ
- แฮร์ริส ยูลิน รับบท "บัดดี ไดเกอร์" ชายชราที่เป็นอดีตทหารผ่านศึกที่มีชื่อเสียงในสงครามเวียดนาม เป็นเจ้าของบ้านในโอซาร์กที่ครอบครัวเบิร์ดอาศัยอยู่ แม้ว่าเขาจะขายบ้านให้ครอบครัวเบิร์ดไปแล้วแต่ก็ยังคงอาศัยอยู่ที่เดิมร่วมกับมาร์ตีและลูกๆ บัดดี ใช้ปืนยิงการ์เซีย ลูกน้องของเดลตายเพื่อช่วยชีวิตโจนาห์ไว้และยังอาศัยเส้นสายเก่าๆสมัยยังมีชื่อเสียงช่วยเหลือมาร์ตีและเวนดีในการต่อรองกับผู้มีอิทธิพลของท้องถิ่น รวมถึงมีส่วนสำคัญในการเผาไร่ฝิ่นของตระกูลสเนลล์เพื่อให้รอดพ้นจากสายตาของเอฟบีไอ บัดดีเป็นคนเดียวในบ้านที่รู้จักการพูดคุยอย่างเข้าอกเข้าใจกับเด็กๆวัยหัวเลี้ยวหัวต่ออย่าง ชาร์ลอตต์และโจนาห์ เขาคอยพูดเตือนสติให้กับคนในครอบครัวเบิร์ด โดยตระกูลเบิร์ดถือว่าบัดดีเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวและได้รับความรักจากโจนาร์และชาร์ลอตต์
ครอบครัวแลงมอร์
[แก้]- เทรเวอร์ ลอง รับบท "เคด แลงมอร์" หัวหน้าครอบครัวแลงมอร์ เป็นพ่อของรูธและลุงของไวแอตต์ อาชญากรท้องถิ่นที่เพิ่งออกจากเรือนจำโดยมีทัณฑ์บน
- จูเลีย การ์เนอร์ รับบท "รูธ แลงมอร์" ลูกสาวคนเดียวของ เคด โดย รูธ ถือเป็นหนึ่งในตัวละครสำคัญของเรื่องตั้งแต่ฤดูกาลที่ 1 มีบทบาทในการเป็นผู้ช่วยของ มาร์ตี เบิร์ด ในการคุมกิจการที่เปิดเพื่อฟอกเงินให้กับ โอมาร์ นาบาร์โร ภายหลังได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นผู้จัดการในสถานกาสิโนของครอบครัวเบิร์ด และเป็นคนรักของ เบนจามิน เดวิส น้องชายของเวนดี
- มาร์ค เมนชาคา รับบท "รัส แลงมอร์" น้องชายของเคด เป็นพ่อของไวแอตต์และทรี นอกจากนี้ยังเป็นอาของรูธ แม้เขาจะมีลูกชายสองคนและอยู่ในครอบครัวที่สมาชิกเป็นอาชญากรแต่ก็ต้องแอบเก็บความเป็นไบเซ็กชวลเอาไว้ โดยไม่ให้ครอบครัวรู้ จนกระทั่งเขาได้รู้จักและมีความสัมพันธ์ทางเพศกับ รอย เพตตี เจ้าหน้าที่สืบสวนของเอฟบีไอที่ต้องมาทำคดีของมาร์ตี ต่อมาเขาได้ร่วมมือกับ รอย ในการเป็นสายให้กับเอฟบีไอจนต้องแตกหักกับ รูธ ซึ่งเป็นหลานสาว
- ชาร์ลี ทาฮาน รับบท "ไวแอตต์ แลงมอร์" เป็นลูกชายคนโตของรัส, หลานของเคด และมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของรูธ ไวแอตต์เรียนอยู่โรงเรียนมัธยมแห่งเดียวกับโจนาร์และชาร์ลอตต์ โดยเขาเคยคบหาเป็นแฟนกับชาร์ลอตต์ แต่เลิกรากันไปเพราะต้องไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย ภายหลังเขาได้ทำงานในไร่ฝิ่นของครอบครัวสเนลล์ และมีความสัมพันธ์แบบชู้สาวกับ ดาร์ลีน ภรรยาของจาคอบ ที่มีอายุพอๆกับแม่ของเขา
- คาร์สัน โฮล์ม รับบท "ทรี แลงมอร์" ลูกชายคนเล็กของรัสและเป็นน้องชายของไวแอตต์
- คริสโตเฟอร์ เจมส์ เบเกอร์ รับบท "บอยด์ แลงมอร์" น้องชายของเคดและรัส เป็นอาของ รูธ, ไวแอตต์ และ ทรี
ครอบครัวสเนลล์
[แก้]- ปีเตอร์ มุลแลน รับบท "จาคอบ สเนลล์" หัวหน้าครอบครัวสเนลส์คนปัจจุบัน เป็นเจ้าของไร่ฝิ่นขนาดใหญ่ที่ใช้ผลิตเฮโรอีนเพื่อจำหน่าย ตกลงทำธุรกิจร่วมกับกลุ่มของ โอมาร์ นาบาร์โร
- ลิซา เอเมอรี รับบท "ดาลีน สเนลล์" ภรรยาของจาคอบ หญิงหัวขบถที่หยิ่งในศักดิ์ศรีของตระกูล เธอไม่เห็นด้วยกับจาคอบในการตกลงทำธุรกิจร่วมกับกลุ่มของ นาบาร์โร ภายหลังเป็นผู้รับเลี้ยงลูกชายของเมสัน ยัง และรับ ไวแอตต์ แลงมอร์ เข้ามาอยู่ด้วยที่ไร่จนทั้งสองมีความสัมพันธ์กันแบบคู่รักต่างวัย
- ไมเคิล ทูเรค รับบท "แอช" ลูกน้องในไร่ของครอบครัวสเนลล์ที่ได้รับความไว้ใจจากดาลีนมากที่สุด เขาเป็นผู้กระจายเฮโรอีนของครอบครัวสเนลล์ทางน้ำ
กลุ่มนาบาร์โร
[แก้]- เฟลิกซ์ โซลิส รับบท "โอมาร์ นาบาร์โร" ผู้นำสูงสุดของกลุ่มค้ายาเสพติดข้ามชาติรายใหญ่จากประเทศเม็กซิโก
- อีเซ โมราเลส รับบท "กามิโน เดล รีโอ" หรือ "เดล" สมาชิกระดับสูงของกลุ่มนาบาร์โร ผู้ทำการว่าจ้างมาร์ตีให้ฟอกเงินจำนวนมหาศาลที่โอซาร์ก อันเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด
- เจเน็ต แมคเทียร์ รับบท "เฮเลน เพียร์ซ" ทนายสาวจากชิคาโก มีหน้าที่ดูแลเรื่องผลประโยชน์และการตกลงทางธุรกิจให้กับกลุ่มนาบาร์โร ได้รับมอบหมายให้ตรวจสอบการดำเนินการของมาร์ตีและจัดการกับคนที่ทำผิดข้อตกลงขององค์กรด้วยวิธีการที่เด็ดขาดและเลือดเย็น ในขณะเดียวกันเธอก็ใช้วิธีการนั้นในการช่วยเหลือพวกมาร์ตีในสถานการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะการต้องเผชิญหน้ากับครอบครัวสเนลล์รวมถึงการปกป้องครอบครัวเบิร์ดจาก เคด แลงมอร์ ภายหลังเฮเลน มีความสนิทสนมกับเวนดีและย้ายจากชิคาโกมาที่โอซาร์ก โดย เอริน เพียร์ซ ลูกสาวของเธอเป็นเพื่อนกับ ชาร์ลอตต์ เบิร์ด
- ฌูแซ็ป เมเลนเดส รับบท "การ์เซีย" ลูกน้องมือขวาของเดล มีหน้าที่นำเงินสดจากเดลมาให้มาร์ตี ฟอกที่โอซาร์กและเฝ้าจับตามองพวกเขาอย่างใกล้ชิด ต่อมาเขาจับได้ว่า เวนดี กำลังจะพาลูกๆหลบหนีออกจากเมือง จึงได้บุกไปในบ้านของครอบครัวเบิร์ดและถูก บัดดี ยิงตาย
- อัลฟอนโซ เอร์เรรา รับบท "ฆาบิเอร์ เอลิซอนโด นาร์บาโร" หรือ "ฆาบี" หลายชายของ โอมาร์ นาร์บาโร ผู้ซึ่งได้รับการไว้วางใจให้สืบทอดตำแหน่งของโอมาร์ในอนาคต เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการหายตัวไปของนายอำเภอนิกซ์
- เบโรนิกา ฟัลกอน รับบท "กามิลา เอลิซอนโด" พี่สาวของโอมาร์ นาบาร์โร และเป็นแม่ของ "ฆาบี" เป็นสตรีที่มีอิทธิพลสูงสุดของกลุ่มนาบาร์โร มีบทบาทสำคัญในฤดูกาลที่ 4
เอฟบีไอและเจ้าหน้าที่รัฐ
[แก้]- เจสัน บัตเลอร์ ฮาร์เนอร์ รับบท "รอย เพตตี" เจ้าหน้าที่สืบสวนของเอฟบีไอผู้มีความมุ่งมั่นในการตามสืบคดีค้ายาเสพติดและฟอกเงินของโอมาร์ นาบาร์โร เขาติดตามมาร์ตีมาจากเมืองชิคาโกและแฝงตัวอยู่ที่โอซาร์กโดยปลอมตัวเป็นนักตกปลา บ่อยครั้งที่เขาทำผิดระเบียบแบบแผนราชการและใช้วิธีการที่รุนแรงในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้งานสำเร็จ เมื่อเขาได้สืบทราบมาว่าสมาชิกครอบครัวแลงมอร์เป็นผู้ล่วงรู้ความลับในการฟอกเงินของมาร์ตี จึงได้แฝงตัวเข้าไปทำความรู้จักจนกระทั่งเลยเถิดมีความสัมพันธ์แบบชายรักชายกับ รัส แลงมอร์ พ่อของไวแอตต์ และดึงเขามาเป็นสายให้เอฟบีไอ
- แม็คคินเลย์ เบลเชอร์ ที่ 3 รับบท "เทรเวอร์ อีแวนส์" เจ้าหน้าที่เอฟบีไอผิวสี ได้รับมอบหมายให้ทำคดีร่วมกับแพตตี เขาไม่นิยมใช้วิธีการที่รุนแรง มีหน้าที่คอยติดตามและคอยตามสืบพฤติกรรมของ เวนดี เบิร์ด โดยในอดีตเทรเวอร์เคยมีความสัมพันธ์ทางเพศแบบชายรักชายกับ รอย แพตตี ที่ทำงานด้วยกัน
- เจสสิกา ฟรานเซส ดุคส์ รับบท "มายา มิลเลอร์" เจ้าหน้าที่เอฟบีไอตำแหน่งนักบัญชีนิติการผู้ทำหน้าที่ตรวจสอบความผิดปกติทางบัญชีการเงิน ได้รับมอบหมายให้ตรวจสอบบัญชีการเงินทั้งหมดในสถานกาสิโนของมาร์ตี เบิร์ด ภายหลังมีบทบาทสำคัญในการวางแผนเพื่อควบคุมตัว โอมาร์ นาบาร์โร
- โรเบิร์ต เทรเวเลอร์ รับบท "จอห์น นิกซ์" นายอำเภอประจำเมืองโอซาร์ก เป็นลูกหนี้ของครอบครัวสเนลล์ซึ่งเป็นเจ้าของไร่ฝิ่นสำหรับผลิตเฮโรอีน
- คริสตินา ซี กัสติโย รับบท "ลีห์ เกร์เรโร" นายอำเภอสาวผู้ทำหน้าที่รักษาราชการแทน นายอำเภอจอห์น นิกซ์
- อดัม โรเธนเบิร์ก รับบท "เมล ซัทเทม" อดีตเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ ซึ่งถูกไล่ออกจากราชการเพราะถูกจับได้ว่านำยาเสพติดของกลางไปเสพ หลังถูกไล่ออกได้หันมาทำธุรกิจนักสืบเอกชน ถูกว่าจ้างให้สืบค้นเรื่องราวของ เฮเลน เพียร์ซ ทนายความของโอมาร์ นาบาร์โร และ เบน เดวิส น้องชายของเวนดี เบิร์ด
บุคคลในโอซาร์ก
[แก้]- จอร์ดานา สปิโร รับบท "ราเชล แกร์ริสัน" เจ้าของกิจการโรงแรมและร้านอาหารริมทะเลสาบชื่อ บลูแคท ที่มาร์ตี ร่วมทุนด้วย ภายหลังเธอหันไปใช้ยาเสพติดและมีใจให้กับมาร์ตี จนตัดสินใจออกไปจากโอซาร์ก ในฤดูกาลสุดท้ายเธอกลับมามีส่วนร่วมในกิจการกาสิโนร่วมกับรูธ แลงมอร์
- อดัม โบเยอร์ รับบท "บ็อบบี ดีน" เจ้าของบาร์เปลื้องผ้า ลิกเกตี สปลิตซ์ กิจการที่เปิดเพื่อฟอกเงินให้กับครอบครัวสเนลล์ ภายหลังเขาพลาดท่าเสียกิจการให้กับ มาร์ตี เบิร์ด จึงถูก ดาร์ลีน สเนลล์ ฆ่าตายและเอาศพโยนทิ้งน้ำ
- ไมเคิล มอสเลย์ รับบท "เมสัน ยัง" ศิษยาภิบาล ผู้มีศรัทธาอย่างแรงกล้าในพระผู้เป็นเจ้า
- เมดิสัน ทอมป์สัน รับบท "เอริน เพียร์ซ" ลูกสาวคนเดียวของ เฮเลน เพียร์ซ ทนายสาวเลือดเย็นแห่งกลุ่มนาร์บาโร เป็นเพื่อนกับ ชาร์ลอตต์ เบิร์ด
การถ่ายทำ
[แก้]การถ่ายทำส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย โดยทีมงานผู้สร้างเลือกใช้สถานที่ถ่ายทำบริเวณอ่างเก็บน้ำอัลลาทูนา ของทบวงทหารบกสหรัฐ และอ่างเก็บน้ำซิดนีย์ ลาเนียร์ มากกว่าการถ่ายทำที่อ่างเก็บน้ำโอซาร์ก เพราะเหตุผลเรื่องการลดหย่อนภาษีของรัฐจอร์เจีย นอกจากนี้ในบางฉากเป็นการถ่ายทำในเมืองชิคาโก
การถ่ายทำสำหรับซีซันที่ 4 เริ่มขึ้นในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2020 และมีกำหนดสิ้นสุดในวันที่ 8 ตุลาคม 2021[12]
ฤดูกาล
[แก้]ปี | จำนวนตอน | วันที่เผยแพร่ | |||
---|---|---|---|---|---|
1 | 10 | 21 กรกฎาคม ค.ศ. 2017 | |||
2 | 10 | 31 สิงหาคม ค.ศ. 2018 | |||
3 | 10 | 27 มีนาคม ค.ศ. 2020 | |||
4 | 14 | 7 | 21 มกราคม ค.ศ. 2022 | ||
7 | 29 เมษายน ค.ศ. 2022 |
ฤดูกาลที่ 1 (ค.ศ. 2017)
[แก้]# | ชื่อ | ผู้เขียนบท | ผู้กำกับ | วันที่ออกฉาย | # ตอนที่ | |
---|---|---|---|---|---|---|
1 | "ซูการ์วูด" | บิล ดูบิวก์ และ มาร์ก วิลเลียมส์ | เจสัน เบตแมน | 21 กรกฎาคม ค.ศ. 2017 | 1 | |
มาร์ตี เบิร์ด และ บรูซ ลิดเดลล์ หุ้นส่วนสองคนที่ร่วมกันเปิดบริษัทให้คำปรึกษาทางด้านการเงินและการลงทุน ในเมืองชิคาโก ได้ตกลงร่วมกันรับฟอกเงินให้กับ "กามิโน เดล รีโอ" หรือ "เดล" สมาชิกระดับสูงในองค์การค้ายาเสพติดของ โอมาร์ นาบาร์โร พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่จากประเทศเม็กซิโก เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี เดล จับได้ว่า บรูซ ร่วมมือกับคนขับรถขนเงินแอบยักยอกเงินจากการค้ายาในช่วงที่ผ่านมาไปถึง 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ เดล พร้อมกับพรรคพวกบุกมาตามจับตัวผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดไว้ จากนั้นพวกของเดล ได้ยิงคู่หมั้นของบรูซตายต่อหน้าเพื่อให้บรูซพูดความจริง เมื่อบรูซและคนขับรถขนเงินให้การรับสารภาพ เดล จึงยิงพวกเขาทุกคนจนตาย ส่วน มาร์ตี แม้จะไม่มีส่วนรู้เห็น แต่เนื่องจากเขาเป็นหุ้นส่วนกับ บรูซ จึงต้องถูกลงโทษไปด้วย มาร์ตีได้ขอให้เดลไว้ชีวิตตนเองและภรรยา โดยเขาจะทำการคืนเงิน 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้แทนเพื่อนที่ถูกยิงตายไปแล้ว และเสนอจะทำการบริหารการลงทุนที่ชุมชนบริเวณอ่างเก็บน้ำโอซาร์กเพื่อฟอกเงินจำนวนมากถึง 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้แก่กลุ่มของเดลเป็นการตอบแทน เดล พิจารณารับข้อเสนอของมาร์ตี และให้มาร์ตีพาครอบครัวย้ายไปที่โอซาร์กเพื่อปักหลักทำธุรกิจฟอกเงินให้เขาที่นั่น
มาร์ตี กลับมาบ้านและบอกให้ เวนดี ผู้เป็นภรรยารู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นและบอกให้เธอกับลูกๆย้ายตามเขาไปยังโอซาร์ก เพื่อรักษาชีวิต เมื่อเวนดี ทราบเรื่องจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับ แกรี ซิลเวอร์เบิร์ก หรือ "ซูการ์วูด" ชายสูงวัยที่เธอกำลังแอบคบชู้อยู่ด้วย โดยแกรี ชู้ของเธอแนะนำให้เธอแอบไปถอนเงินในบัญชีธนาคารของมาร์ตีออกมาและพาลูกๆหนีออกไปจากเขา เวนดี จึงไปถอนเงินในบัญชีของสามีออกมาและกลับมาหาชู้ ฝ่ายมาร์ตี ที่ก่อนหน้านี้เขาแอบเก็บความสงสัยในพฤติกรรมของภรรยาได้แอบจ้างนักสืบเอกชนให้สะกดรอยตามภรรยาของเขากับชายชู้มาก่อนหน้านี้แล้ว โดยนักสืบที่เขาว่าจ้างได้เคยส่งคลิปวิดีโอที่บันทึกภาพการร่วมเพศระหว่างเวนดีกับแกรีมาให้มาร์ตีดู แต่เขายังต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมจึงยังเก็บเรื่องนี้ไว้และทำตัวเหมือนปกติกับเวนดีตลอดมา ต่อมาเขาได้รับข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับชู้ของเธอและสถานที่นัดร่วมเพศของคนทั้งคู่อย่างละเอียดจากนักสืบ อีกทั้งเขายังทราบเรื่องจากธนาคารว่าเธอได้แอบไปถอนเงินในบัญชีของเขาออกมา มาร์ตีจึงขับรถไปหาเวนดีที่อพาร์เมนต์หรูของแกรีเพื่อหวังจะเล่นงานคนทั้งคู่โดยไม่ให้พวกเขารู้ตัว ในขณะเดียวกันกลุ่มของเดลเองก็จับได้เหมือนกันว่าเวนดีแอบไปถอนเงินในบัญชีธนาคารของมาร์ตี ทำให้ เดล และพรรคพวกบุกไปยังอพาร์ทเมนต์ของ แกรี เพราะรู้ว่าเวนดี จะกลับมาที่นั่น เมื่อมาร์ตีขับรถไปถึงอพาร์เมนท์หรูของแกรี เขากลับพบว่ากลุ่มของ เดล ได้บุกไปถึงห้องของแกรีก่อนแล้ว และเนื่องจาก แกรี ล่วงรู้ความลับเกี่ยวกับการฟอกเงินของพวกเขาจากการที่เวนดีเล่าให้ฟัง ทำให้ เดล ต้องรักษาความลับขององค์กรด้วยการจับ แกรี โยนลงมาจากระเบียงห้องของเขาบนชั้นที่ 80 จนร่างตกลงมากระแทกพื้นตาย ส่วน เวนดี ถูกเดลควบคุมตัวไว้ฐานที่แอบมาถอนเงินในบัญชีของสามีและได้รับการปล่อยตัวในภายหลังจากการเจรจาของมาร์ตี หลังจากที่มาร์ตี นำเงินในบัญชีธนาคารของตัวเองชดใช้ให้แก่เดลแล้ว เดล จึงได้มอบเงินสดให้แก่มาร์ตีหลายล้านดอลลาร์เพื่อให้นำไปฟอกที่โอซาร์ก เขาและครอบครัวจึงได้ย้ายไปยังโอซาร์ก เพื่อดำเนินการหาแหล่งลงทุนในธุรกิจที่จะสามารถฟอกเงินได้ตามข้อตกลงกับเดล โดยที่ไม่เคยล่วงรู้มาก่อนว่า บรูซ ลิดเดลล์ เพื่อนหุ้นส่วนของเขาที่แอบยักยอกเงินจนถูก เดล ยิงตาย เป็นนกต่อให้กับเจ้าหน้าที่ เอฟบีไอ ที่กำลังสืบสวนเรื่องการค้ายาเสพติดของโอมาร์ นาบาร์โร ซึ่งการหายตัวไปอย่างลึกลับของบรูซและคู่หมั้น ทำให้ตำรวจออกค้นหาและพุ่งเป้าความสนใจมาที่ มาร์ตี ที่มีพฤติการณ์ผิดสังเกตอย่างการเลิกกิจการบริษัทอย่างกะทันหันหลังหุ้นส่วนหายตัวไป, การถอนเงินออกจากบัญชีธนาคารจนหมดในคราวเดียวเพื่อนำมาใช้หนี้เดล, การประกาศขายบ้านในเมืองชิคาโกและพาครอบครัวย้ายไปอยู่ในที่ห่างไกลความเจริญอย่างโอซาร์กแบบเร่งด่วน ส่งผลให้เขาถูกเอฟบีไอติดตามอย่างใกล้ชิด | ||||||
2 | "บลูแคท" | บิล ดูบิวก์ และ มาร์ก วิลเลียมส์ | เจสัน เบตแมน | 21 กรกฎาคม ค.ศ. 2017 | 2 | |
มาร์ตีและเวนดีรวมถึงลูกๆทั้งสองของพวกเขาได้แก่ชาร์ลอตต์และโจนาห์ ได้เดินทางมาถึงโอซาร์ก รัฐมิสซูรี โดยลูกๆของเขายังไม่ทราบถึงสาเหตุอันแน่ชัดที่ครอบครัวต้องย้ายจากเมืองชิคาโกมาที่นี่แบบกะทันหัน รวมทั้งยังไม่ทราบว่าพ่อของเขารับจ้างฟอกเงินให้กลุ่มนักค้ายาเสพติดข้ามชาติรายใหญ่จากเม็กซิโกและแม่ของพวกเขาแอบเล่นชู้
เวนดี ไปหาซื้อบ้านหลังใหม่ในละแวกนี้ตามคำสั่งของมาร์ตี โดยระหว่างนี้พวกเขาต้องเช่าโรงแรมถูกๆอยู่ไปพลางๆก่อน ส่วน มาร์ตี ได้ออกไปเจรจากับผู้คนกลุ่มต่างๆในการร่วมลงทุนในธุรกิจของท้องถิ่นเพื่อเริ่มต้นฟอกเงิน ในระหว่างที่พวกเขาไม่อยู่ในโรงแรม มาร์ตีได้สั่งให้ชาร์ลอตต์และโจนาห์เฝ้าห้องไว้โดยห้ามให้ใครเข้าไปเด็ดขาด แต่ชาร์ล็อตต์และโจนาห์ไม่สนใจคำเตือนของพ่อโดยชาร์ล็อตต์หลงกลอุบายของ รูธและไวแอตต์ ลูกพี่ลูกน้องจากครอบครัวแลงมอร์ ที่เป็นนักเลงประจำท้องถิ่น โดยไวแอตต์ เข้ามาทำความรู้จักและหลอกล่อให้ชาร์ลอตต์นั่งเรือออกไปเที่ยวข้างนอกโรงแรม เพื่อให้ รูธ ที่เป็นพนักงานของโรงแรมแอบเข้าไปในห้องของพวกเขาขณะที่ไม่มีใครอยู่และขโมยกระเป๋าที่มีเงินสดอยู่ 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐออกไป ซึ่งเงินจำนวนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเงินที่มาร์ตีจะต้องนำมาฟอกให้กับเดล เมื่อมาร์ตี ทราบว่าเงินจำนวนมากถูกขโมยจึงออกติดตามครอบครัวแลงมอร์ไปเพื่อเอาเงินคืนและเผชิญหน้ากับ รูธ, ไวแอตต์ และ ครอบครัวแลงมอร์คนอื่นๆ มาร์ตีเปิดเผยให้ครอบครัวแลงมอร์ทราบว่าเงินนั้นเป็นเงินของ โอมาร์ นาบาร์โร พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่เขามีหน้าที่ต้องดูแลและทุกคนจะต้องถูกฆ่าตายหากขโมยเงินนั้นไป ครอบครัวแลงมอร์พอทราบว่าเงินที่ขโมยมาเป็นเงินที่อันตรายจึงไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว รัส แลงมอร์ จึงเรียกเงินจากมาร์ตี 20,000 ดอลลาร์และตัดสินใจคืนเงินที่พวกเขาขโมยมาให้มาร์ตี ส่วนฝ่ายสืบสวนของเอฟบีไอได้พบศพบรูซ และคนอื่นๆ ที่ถูกพรรคพวกของเดลยิงตาย นั่นยิ่งทำให้เอฟบีไอสงสัยในตัวมาร์ตีที่ย้ายออกจากเมืองชิคาโกอย่างกะทันหันมากขึ้น รอย เพ็ตตี้ และ เทรเวอร์ อีแวนส์ เจ้าหน้าที่เอฟบีไอที่ดูแลคดีนี้จึงตัดสินใจออกติดตามมาร์ตีไปที่โอซาร์ก ส่วนมาร์ตีวางแผนจะกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตายเพื่อที่เวนดี้จะได้เงินจากกรมธรรม์ประกันชีวิตและหนีไปกับพวกเด็กๆ แต่สุดท้ายเขาก็เปลี่ยนใจและพบว่าร้านอาหารเล็กๆที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำที่ชื่อ บลูแคท อาจเป็นสถานที่ที่เหมาะสมในการลงทุน เวนดี ได้ซื้อบ้านที่มีเนื้อที่กว้างขวางต่อจาก "บัดดี ไดเกอร์" อดีตทหารผ่านศึกที่เป็นเจ้าของบ้านคนเก่า บัดดี ที่มีมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกิน 1 ปีเพราะอาการป่วยได้ขายบ้านให้ครอบครัวเบิร์ดในราคาถูกโดยมีเงื่อนไขที่ต้องให้เขาอาศัยอยู่ด้วยจนกว่าเขาจะตาย เมื่อเวนดีตกลงจึงพาครอบครัวย้ายมาอยู่ที่นี่ และเธอตัดสินใจบอกลูกๆเรื่องที่ มาร์ตี กำลังฟอกเงิน | ||||||
3 | "นอนเสียหน่อยนะ" | ไรอัน ฟาร์ลีย์ | ดาเนียล แซกไฮม์ | 21 กรกฎาคม ค.ศ. 2017 | 3 | |
ครอบครัวเบิร์ดย้ายมาบ้านหลังใหม่โดยต้องอยู่ร่วมกับ "บัดดี" ชายชราที่เป็นเจ้าของบ้านคนเดิม ฝ่าย เทรเวอร์ อีแวนส์ และ รอย เพตตี สองเจ้าหน้าที่เอฟบีไอได้เดินทางมาที่โอซาร์กเพื่อติดตามมาร์ตีและครอบครัว เทรเวอร์ อีแวนส์ ได้ขับรถมาหามาร์ตีที่บ้านและพูดจาหว่านล้อมเพื่อกดดันให้เขารับสารภาพแต่ก็ไม่เป็นผล ส่วน รอย เพตตี ก็กำลังคิดหาวิธีการอย่างเคร่งเครียดที่จะจับกุมเขาให้ได้ ขณะเดียวกันโจนาห์ก็ทำการค้นหาข้อมูลของกลุ่มนาบาร์โรทางอินเทอร์เน็ตและชาร์ลอตต์ได้สัมภาษณ์เพื่อเข้าทำงานในบริษัทซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ แต่การสัมภาษณ์งานของเธอต้องจบลงเมื่อเธอเห็น ไวแอตต์ แลงมอร์ เดินผ่านมาแถวนั้น เธอจึงวิ่งออกไปชกไวแอตต์เพราะความแค้นเรื่องที่หลอกเธอออกไปข้างนอกโรงแรมเพื่อให้รูธขโมยเงินไปครั้งก่อน
มาร์ตี เจรจาเพื่อร่วมลงทุนกับ "ราเชล แกร์ริสัน" ซึ่งเป็นเจ้าของบลูแคท โดยเธอไม่ทราบว่ามาร์ตีมาเพื่อฟอกเงินให้กับกลุ่มค้ายาเสพติด เมื่อการเจรจาสำเร็จมาร์ตีจึงได้ใช้กิจการของบลูแคทในการเริ่มต้นฟอกเงินในโอซาร์ก ส่วน รูธ แลงมอร์ หวังที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการฟอกเงินของมาร์ตีและวางแผนจะฆ่าเขาแล้วชิงเงินจำนวนมหาศาลมาไว้ในครอบครอง รูธ ไปหามาร์ตีที่บลูแคทและขู่ว่าจะเปิดโปงความลับของเขาเพื่อให้มาร์ตีรับเธอเข้าทำงานที่บลูแคท มาร์ตีจึงต้องจำใจรับเธอเข้าทำงานเป็นเด็กล้างจานแม้จะได้รับการคัดค้านจากราเชล ที่เป็นเจ้าของกิจการ | ||||||
4 | "คืนนี้เราจะด้นสด" | พอล โคลส์บี | ดาเนียล แซกไฮม์ | 21 กรกฎาคม ค.ศ. 2017 | 4 | |
มาร์ตี พยายามเข้าไปติดต่อขอซื้อกิจการบาร์เปลื้องผ้าที่ชื่อ "ลิกเกตี สปลิตซ์" จาก บ็อบบี ดีน ซึ่งเป็นเจ้าของ เพื่อจะนำมาใช้เป็นแหล่งฟอกเงินอีกที่หนึ่งนอกเหนือจากกิจการที่ บลูแคท แต่ถูกบ็อบบีปฏิเสธ ในขณะเดียวกันมาร์ตีและเวนดี ต้องพบเรื่องที่น่ากังวลใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของโจนาห์ เมื่อพวกเขาเห็นโจนาห์ลากซากศพของหมาป่าไคโยตีเข้ามาในบริเวณบ้านและผ่าเอาเครื่องในออกมา โดยมาร์ตีและเวนดีคิดไปว่าโจนาห์กำลังจะกลายเป็นเด็กที่มีพฤติกรรมรุนแรง แม้ภายหลังพวกเขาจะรู้สึกโล่งใจขึ้นเมื่อทราบว่าโจนาห์ทำไปเพราะต้องการศึกษาความเร็วของนกแร้งรอบบริเวณบ้านขณะที่กำลังโฉบลงมากินเหยื่อแต่ก็ทำให้ชาร์ลอตต์ต่อต้านพวกเขามากขึ้นจากการที่พวกเขาระแวงพฤติกรรมของโจนาห์ ทางด้าน รอย เพตตี เจ้าหน้าที่เอฟบีไอที่กำลังสืบสวนคดีฟอกเงินและการตายของบรูซได้ปลอมตัวเข้ามาที่โอซาร์กในคราบนักตกปลาชื่อ โรเบิร์ต พาวเวลล์ โดยเขาเข้ามาตีสนิทกับครอบครัวแลงมอร์ผ่านทาง รัส แลงมอร์ ที่เขาสืบทราบมาว่ามีพฤติกรรมไบเซ็กชวลจากการที่เคยถูกจับกุมในข้อหาซื้อบริการทางเพศเด็กผู้ชาย แพตตี ใช้ความเป็นเกย์ของตัวเองเข้าไปตีสนิทกับ รัส เพื่อความสะดวกในการทำคดี
มาร์ตี ที่กำลังวางแผนยึดครอง ลิกเกตี สปลิตซ์ จาก บ็อบบี ดีน ได้ทำทีเข้าไปเป็นลูกค้าในร้านและได้ล่วงรู้ความลับว่าแท้จริงแล้วบ็อบบี กำลังใช้สถานที่แห่งนี้ในการฟอกเงินให้กับใครบางคน มาร์ตี จึงว่าจ้าง รูธ ผู้มีความสามารถทางด้านการลักทรัพย์ให้แฝงตัวไปขโมยเอกสารการถือครองกรรมสิทธิในกิจการที่อยู่ในตู้นิรภัยออกมา รูธ วางแผนให้ตำรวจบุกเข้ามาจับ บ็อบบี ดีน ฐานเป็นเจ้าของสถานบริการที่เปิดให้มีการค้าประเวณี จากนั้นเธอได้นำเอกสารในตู้นิรภัยมาให้มาร์ตีได้สำเร็จ โดยหลังจากที่ บ็อบบี ดีน ถูกนำตัวไปฝากขังที่สถานีตำรวจ มาร์ตี ได้ยื่นข้อเสนอออกเงินค่าประกันตัวให้ พร้อมยึดเอกสารการถือครองกรรมสิทธิในกิจการมาจากบ็อบบี และบังคับซื้อกิจการต่อจากเขา หลังถูกมาร์ตี ยึดครองกิจการไป บ็อบบี ได้เข้ามาพบกับ จาคอบและดาร์ลีน 2 สามีภรรยาแห่งครอบครัวสเนลล์ ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการผลิตและจำหน่ายเฮโรอีนประจำโอซาร์ก โดยแท้จริงแล้ว บ็อบบี ใช้ ลิกเกตี สปลิตซ์ เพื่อฟอกเงินที่ได้จากการขายเฮโรอีนให้กับครอบครัวสเนลล์ เมื่อครอบครัวสเนลล์ทราบเรื่องที่ ลิกเกตี สปลิตซ์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ฟอกเงินของตนเองถูกมาร์ตี ยึดครองไป อีกทั้งบ็อบบี ยังกลายเป็นผู้ต้องหาที่อยู่ในระหว่างถูกดำเนินคดีอาญา ดาร์ลีนที่ต้องการรักษาความลับในเรื่องนี้ไว้จึงลงมือฆ่าบ็อบบี ดีน และเอาศพไปทิ้งน้ำ | ||||||
5 | "วันชี้ขาด" | มาร์ติน ซิมเมอร์แมน | แอนดรูว์ เบิร์นสตีน | 21 กรกฎาคม ค.ศ. 2017 | 5 | |
ศพของบ็อบบี ลอยขึ้นอืดมาติดที่ท่าน้ำหน้าบ้านของครอบครัวเบิร์ด นายอำเภอนิกซ์ ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับครอบครัวสเนลล์มีความเห็นทางคดีว่าเป็นอุบัติเหตุและไม่มีการสอบสวนใดๆเพิ่มเติม จาคอบ สเนลล์ เดินทางมากดดันมาร์ตีในเรื่องเกี่ยวกับ ลิกเกตี สปลิตซ์ แต่ไม่เป็นผล ต่อมา มาร์ตี ต้องการหาแหล่งฟอกเงินเพิ่มและได้รู้จักกับ เมสัน ยัง ศิษยาภิบาลผู้เผยแพร่ศาสนาคริสต์บนเรือกลางอ่างเก็บน้ำให้กับคนในชุมชนและนักท่องเที่ยว เขาและเวนดีจึงเดินทางไปหาเมสันเพื่อเจรจาสร้างโบสถ์บนพื้นดินให้กับเมสัน โดยมีเจตนาเพื่อเอาเงินไปฟอกในศาสนสถาน ฝ่ายเมสันที่ไม่ทราบว่ามาร์ตีจะมาฟอกเงินได้ตอบตกลง
การตอบรับการสร้างโบสถ์บนพื้นดินของเมสัน สร้างความไม่พอใจให้กับครอบครัวสเนลล์ เพราะครอบครัวสเนลล์ ใช้วิธีการส่งมอบเฮโรอีนให้ลูกค้าผ่านทางเรือในวันที่ เมสัน ยัง ออกเทศน์ โดยทั้งพวกสเนลล์และลูกค้าจะทำทีเป็นคริสตศาสนิกชนที่นั่งเรือมาฟังการเทศน์ของ เมสัน แต่แท้จริงแล้วเป็นการนัดซื้อขายเฮโรอีนกันทางเรือ โดย เมสัน ยัง ที่ยืนเทศน์อยู่ไม่ทราบเรื่อง | ||||||
6 | "บันทึกของรูธ" | ไวท์ แอนเดอร์สัน | แอนดรูว์ เบิร์นสตีน | 21 กรกฎาคม ค.ศ. 2017 | 6 | |
จาคอบ สเนลล์ ให้พรรคพวกไปจับตัวมาร์ตี โดยเขาเปิดเผยความจริงแก่มาร์ตี เรื่องการฟอกเงินของเขาที่ ลิกเกตี สปลิตซ์ และวิธีการซื้อขายเฮโรอีนทางเรือของเขา ซึ่งการยึดครอง ลิกเกตี สปลิตซ์ รวมถึงการสร้างโบสถ์บนพื้นดินของมาร์ตี เป็นการทำลายทั้งแหล่งฟอกเงินและแหล่งจำหน่ายสินค้าของครอบครัวสเนลล์ จาคอบจึงขู่ว่าจะฆ่า "เกรซ จูน" ภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ของเมสัน เพื่อให้มาร์ตีหยุดสร้างโบสถ์
มาร์ตี เมื่อทราบว่าตนเองได้เข้าไปขัดขวางการดำเนินธุรกิจขายเฮโรอีนของครอบครัวสเนลล์ผู้ทรงอิทธิพลประจำท้องถิ่นเข้าโดยไม่รู้ตัว จึงเข้าไปแจ้งกับ เมสัน ยัง ให้หยุดการสร้างโบสถ์ไว้โดยไม่บอกเหตุผลที่แท้จริง รูธ วางแผนฆ่ามาร์ตี โดยการต่อไฟฟ้าลงน้ำ และวางแผนขับเรือไปส่งมาร์ตีที่ท่าน้ำ เพื่อหวังจะให้เขาถูกไฟช็อตตายขณะลงเรือ แต่กลับไม่เป็นไปตามแผน เมื่อรัส อาของเธอที่ได้กลายเป็นสายให้กับเจ้าหน้าที่ รอย เพตตี้ ล่วงรู้แผนนี้เข้าจึงแอบเข้าไปถอดสายไฟออก เพื่อไม่ให้มาร์ตีถูกฆ่าตายก่อนถูกจับกุม | ||||||
7 | "บ้านนก" | อลิสัน เฟลเตส | เอลเลน คูราส | 21 กรกฎาคม ค.ศ. 2017 | 7 | |
เมสัน ไม่ล้มเลิกความตั้งใจในการสร้างโบสถ์ในชุมชน จนมาร์ตีต้องบอกความจริงเรื่องการทำไร่ฝิ่นเพื่อผลิตและขายเฮโรอีนของครอบครัวสเนลล์ ที่ต้องอาศัยการกระจายสินค้าทางน้ำในวันที่เมสันเทศน์บนเรือโดยครอบครัวสเนลล์ไม่ต้องการให้มีโบสถ์และต้องการให้เมสันกลับไปเทศน์กลางอ่างเก็บน้ำเหมือนเดิม ฝ่ายเมสัน ยัง เมื่อทราบความจริงจึงเดินทางไปพบกับ จาคอบและดาร์ลีน สเนลล์ ที่ไร่ฝิ่น และแจ้งให้ครอบครัวสเนลล์หยุดใช้การเทศน์เพื่อเผยแพร่ศาสนาของเขาเป็นเครื่องมือในการลักลอบจำหน่ายเฮโรอีน
เมื่อจาคอบ รู้ว่ามาร์ตี เบิร์ด เปิดเผยความลับของครอบครัวสเนลล์ ให้เมสันทราบ ฝ่ายจาคอบจึงเปิดเผยความลับของครอบครัวมาร์ตีเรื่องการพยายามสร้างโบสถ์เพื่อใช้เป็นแหล่งฟอกเงินที่ได้จากการขายยาเสพติด ให้เมสันทราบด้วยเช่นกัน เมื่อเมสัน ทราบถึงความจริงทั้งหมดจึงลงมือเผาโบสถ์ที่กำลังก่อสร้างทิ้ง ส่วนครอบครัวเบิร์ดได้ให้ชาร์ลอตต์และโจนาห์ เรียนต่อที่โรงเรียนในโอซาร์ก ซึ่งเป็นสถาบันเดียวกันกับที่ไวแอตต์ แลงมอร์ เรียนอยู่ ฝ่าย รอย เพตตี ได้ใช้ความสัมพันธ์แบบชายรักชายพูดจาหว่านล้อมให้ รัส แลงมอร์ ทำทีไปติดต่อร่วมธุรกิจกับ มาร์ตี เพื่อใช้เป็นนกต่อ | ||||||
อ้างอิง
[แก้]
- ↑ Johnson, Julie (March 2, 2016). "New Netflix Series 'Ozark' Starring Jason Bateman Slated to Debut in 2017". Inquisitr. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 27, 2018. สืบค้นเมื่อ March 28, 2016.
- ↑ Andreeva, Nellie (February 25, 2016). "Netflix Picks Up Jason Bateman's Drama Series 'Ozark' From MRC". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 21, 2018. สืบค้นเมื่อ February 25, 2016.
- ↑ 3.0 3.1 Goldberg, Lesley (February 25, 2016). "Netflix Lands Jason Bateman Drama 'Ozark'". The Hollywood Reporter. สืบค้นเมื่อ February 25, 2016.
- ↑ Debnath, Neela (September 1, 2018). "Ozark Season 2 Cast: Who is Lulu Actress Kiley Casciano?". The Daily Express. London, UK. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 9, 2019. สืบค้นเมื่อ September 3, 2018.
- ↑ Petski, Denise (July 27, 2016). "Laura Linney To Star In Jason Bateman's Netflix Drama Series 'Ozark'". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 28, 2016. สืบค้นเมื่อ July 27, 2016.
- ↑ Sciretta, Peter (February 25, 2016). "Jason Bateman's New Series Goes To Netflix, Will Be Dark Dangerous Drama". Slashfilm. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 24, 2019. สืบค้นเมื่อ February 25, 2016.
- ↑ Bartleet, Larry (August 23, 2018). "'Ozark' season 2: trailer, release date, cast, news and everything you need to know". New Musical Express (NME). Southwark, London, England: TI Media Limited. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 23, 2018. สืบค้นเมื่อ September 4, 2018.
- ↑ Loughrey, Clarisse (May 25, 2017). "Ozark trailer: Exclusive look at Netflix's gritty, dark new drug trade drama". The Independent. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 25, 2017. สืบค้นเมื่อ May 25, 2017.
- ↑ Ramos, Dino-Ray (June 21, 2018). "'Ozark' Sets Season Two Premiere Date, Gives First Look At Netflix Drama". Deadline Hollywood (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 25, 2018. สืบค้นเมื่อ June 21, 2018.
- ↑ Pedersen, Erik (January 8, 2020). "'Ozark': Season 3 Premiere Date & First-Look Photo For Jason Bateman-Laura Linney Netflix Drama". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 12, 2020. สืบค้นเมื่อ January 8, 2020.
- ↑ https://m.imdb.com/list/ls057886464/
- ↑ "Film and TV Projects Going Into Production – Ozark". Variety Insight. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 28, 2021. สืบค้นเมื่อ May 1, 2021.