โรคนอนไม่หลับมรณะ
โรคนอนไม่หลับมรณะ Fatal insomnia | |
---|---|
การถ่ายภาพกะโหลกของผู้ป่วย FFI จาก MRI มีสัญญาณผิดปกติในบริเวณใต้เปลือกสมองส่วนกลีบหน้าผากและข้างขมับทั้งสองข้าง MRA แสดงให้เห็นหลอดเลือดแดงเลี้ยงเสมองแขนงส่วนปลายที่มีขนาดเล็กลง | |
สาขาวิชา | จิตเวชศาสตร์, เวชศาสตร์การหลับ, ประสาทพยาธิวิทยา |
อาการ | นอนไม่หลับมากขึ้นเรื่อย ๆ จนนำไปสู่ภาวะสมองเสื่อมและเสียชีวิต |
ภาวะแทรกซ้อน | เข้าสู่สภาพเคลิ้มหลับอย่างถาวรในช่วงท้ายโรค |
การตั้งต้น | วัยกลางคน[1] |
ประเภท | Fatal familial insomnia, sporadic fatal insomnia[2] |
สาเหตุ | การกลายพันธุ์ของยีน, ผู้ป่วยแบบเกิดห่าง ๆ พบน้อยมาก |
ปัจจัยเสี่ยง | ประวัติครอบครัว |
วิธีวินิจฉัย | สงสัยจากอาการ ใช้การทดสอบการหลับ เพ็ตสแกนและการทดสอบพันธุกรรม (ถ้าสงสัยแบบในวงศ์ตระกูล)[1] |
โรคอื่นที่คล้ายกัน | โรคอัลไซเมอร์, ภาวะสมองเสื่อมส่วนหน้าผากและขมับ, โรคสมองรูปฟองน้ำที่ติดต่อได้อย่างอื่น[3] |
การป้องกัน | ไม่มี |
การรักษา | การดูแลประคับประคอง[2] |
ยา | ไม่มี |
พยากรณ์โรค | อายุคาดหมายคงชีพ 7 เดือนถึง 6 ปี[2] |
ความชุก | มีน้อยกว่า 40 ตระกูลทั่วโลกที่มียีนสัมพันธ์กับโรคนี้, มีการวินิจฉัยผู้ป่วยแบบเกิดห่าง ๆ 24 ราย (ในปี 2016)[3] |
โรคนอนไม่หลับมรณะ (อังกฤษ: fatal insomnia) เป็นโรคที่หายากยิ่งซึ่งทำให้ผู้ป่วยมีปัญหาเรื่องการหลับอันเป็นอาการเด่นของโรค[2] ปัญหานอนไม่หลับตรงแบบค่อย ๆ เริ่มเป็นและเป็นหนักขึ้นเรื่อย ๆ[3] ส่วนอาการอื่น เช่น ปัญหาการพูด ปัญหาการประสานงานกล้ามเนื้อ และภาวะสมองเสื่อม[4][5] ผู้ป่วยโรคนี้มักเสียชีวิตภายในไม่กี่เดือนถึงปี
จัดเป็นโรคพรีออนของสมอง[2] ปกติเกิดจากการกลายพันธุ์ของยีนที่เข้ารหัสโปรตีน PrPC[2] โรคนี้มีอยู่สองแบบ คือ โรคนอนไม่หลับมรณะในวงศ์ตระกูล (fatal familial insomnia, FFI) ซึ่งมีการถ่ายทอดแบบทายกรรมลักษณะเด่น และโรคนอนไม่หลับมรณะแบบเกิดห่าง ๆ (sporadic fatal insomnia, sFI) ซึ่งเกิดจากการกลายพันธุ์ที่ไม่ได้มีการถ่ายทอดทางพันธุกรรม การวินิจฉัยมาจากอาการ และสนับสนุนด้วยการศึกษาการหลับ เพ็ตสแกน และการตรวจพันธุกรรมถ้าคนในครอบครัวผู้ป่วยมีประวัติโรคนี้ โรคนี้ยืนยันการวินิจฉัยได้แต่วิธีการชันสูตรพลิกศพสมองหลังเสียชีวิตแล้วเท่านั้น เช่นเดียวกับโรคพรีออนแบบอื่น[1]
โรคนอนไม่หลับมรณะนี้ไม่มีทางรักษาที่ทราบ และผู้ป่วยจะมีอาการมากขึ้นเรื่อย ๆ จนนำไปสู่ประสาทหลอน อาการเพ้อ และสภาพสับสนคล้ายภาวะสมองเสื่อม จนเสียชีวิตในที่สุด[6] อายุอยู่รอดเฉลี่ยหลังเริ่มมีอาการคือ 18 เดือน[6] มีบันทึกผู้ป่วยคนแรกในประเทศอิตาลีใน ค.ศ. 1765[7]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 "Fatal familial insomnia". Genetic and Rare Diseases Information Center (GARD) – an NCATS Program. สืบค้นเมื่อ 17 May 2019.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 "Fatal Insomnia - Neurologic Disorders". Merck Manuals Professional Edition (ภาษาอังกฤษแบบแคนาดา). สืบค้นเมื่อ 17 May 2019.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 "Fatal Familial Insomnia". NORD (National Organization for Rare Disorders). สืบค้นเมื่อ 17 May 2019.
- ↑ "What is fatal familial insomnia?". Healthline. 2018-01-26. สืบค้นเมื่อ 4 May 2018.
- ↑ "Fatal Insomnia". Merck Manual. สืบค้นเมื่อ 4 May 2018.
- ↑ 6.0 6.1 Schenkein J, Montagna P (2006). "Self management of fatal familial insomnia. Part 1: what is FFI?". MedGenMed. 8 (3): 65. PMC 1781306. PMID 17406188.
- ↑ Max, D. T. (2007). The Family that Couldn't Sleep: A medical mystery (ภาษาอังกฤษ). New York: Random House Trade Paperbacks. p. 4.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]การจำแนกโรค |
---|
- "AFIFF Fatal Familial Insomnia Families Association". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-10-21. สืบค้นเมื่อ 2021-05-07.