โคเรียนชินโด
โคเรียนชินโดสีแดงเหลือง | |||||||||||||||||||||||||
ชื่ออื่น | ชินโด ชินโดแก หมาชิน ชินโดกู (สะกดแบบฮันจา) | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ประเทศกำเนิด | เกาะชินโด, เกาหลีใต้ | ||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||
หมายเหตุ | ไม่มีมาตรฐานใน AKC และเชื่อมโยงกับ FCI | ||||||||||||||||||||||||
หมา (Canis lupus familiaris) |
โคเรียนชินโด (อังกฤษ: Korean Jindo; เกาหลี: 진돗개; ฮันจา: 珍島狗; อาร์อาร์: Jindotgae; เอ็มอาร์: Chindotgae) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ชินโด เป็นสุนัขสายพันธุ์หนึ่ง มีถิ่นกำเนิดมาจากคาบสมุทรเกาหลี เป็นสุนัขที่มีถิ่นกำเนิดที่เกาะชินโด ซึ่งเป็นพื้นที่ชนบทอยู่นอกชายฝั่งทางตอนใต้ของคาบสมุทรเกาหลี โดยที่เกาะชินโดนั้นจะมีรูปปั้นสุนัขโคเรียนชินโดตั้งอยู่และผู้ที่มาท่องเที่ยวจะนิยมมาถ่ายรูปกับรูปปั้นนี้และได้รับมอบป้ายประกาศ [1]
โคเรียนชินโดจัดเป็นสุนัขล่าเหยื่อและเล่นกิจกรรมประเภทสปิตซ์ มีความซื่อสัตย์ต่อผู้เป็นเจ้าของและใช้เฝ้าบ้านได้เป็นอย่างดี ได้รับการรับรองสายพันธุ์จากสหภาพสมาคมสุนัขเมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1998[2] และสหพันธ์ไซโนลอจิกนานาชาติ เมื่อปี ค.ศ. 2005 [3][4]
ปัจจุบันทางการเกาหลีใต้ได้พยายามที่จะรักษาสายพันธุ์ของสุนัขสายพันธุ์นี้ให้คงความเป็นสายพันธุ์แท้ไว้ โดยได้จดทะเบียนไว้เป็นสายพันธุ์สุนัขแห่งปีตั้งแต่ปี ค.ศ. 1962 และไม่ให้มีการผสมเทียมหรือผสมข้ามสายพันธุ์เกิดขึ้น แต่จะให้ผสมพันธุ์กันตามธรรมชาติ โดยบนเกาะชินโดในปัจจุบัน มีการจัดตั้งศูนย์ทดลองและศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสุนัขโคเรียนชินโดขึ้นมา ที่เกาะแห่งนี้ สุนัขตัวไหนที่มิใช่สายพันธุ์โคเรียนชินโดจะถูกไล่ออกจากเกาะ และก็จะไม่ให้สุนัขเข้ามาบนเกาะเลย นอกจากได้รับการอนุญาต โดยทุกวันนี้ทางศูนย์วิจัยได้ใช้เงินงบประมาณมากถึงปีละ 2,000 ล้านวอน (ประมาณ 61 ล้านบาทไทย) เมื่อลูกสุนัขอายุครบ 6 เดือน จะได้รับการตรวจประเมินอย่างเข้มงวด เช่น ทรงของใบหู, ขา และหาง รวมถึงส่วนหัวเพื่อฝังไมโครชิป และขึ้นทะเบียนไว้เป็นสมบัติของชาติ สุนัขตัวไหนที่ไม่ผ่านการประเมินจะถูกคัดออก
ปัจจุบัน ได้มีการฝึกให้โคเรียนชินโดเป็นสุนัขกู้ภัยและสุนัขตำรวจ เนื่องจากมีสัญชาตญาณนักล่า และเคยมีความเชื่ออยู่ว่าอาจจะสืบสายพันธุ์มาจากสุนัขในญี่ปุ่นหรือจีน แต่ทว่ามีรายงานจากหน่วยงานวิเคราะห์ดีเอ็นเอของรัฐบาลเกาหลีใต้พบว่า แท้จริงแล้วโคเรียนชินโดสืบสายพันธุ์มาจากหมาป่าของคาบสมุทรเกาหลีนี่เอง โดยทำการศึกษาจากสุนัขทั้งหมด 23,000 ตัว จากทั้งหมด 33 คอก และ 3 สายพันธุ์พื้นบ้านของเกาหลีคละกันไป คือ โคเรียนชินโด, ดองเคียง และพุงซาน พบว่าทั้งหมดสืบสายพันธุ์มาจากหมาป่า แต่ทว่าโคเรียนชินโดนั้นมีความเกี่ยวพันกับหมาป่าน้อยที่สุด[5]
ในทางการเมือง โคเรียนชินโดจัดเป็นสุนัขที่เป็นที่รักของบรรดาผู้นำเกาหลีทั้งเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ เช่น คิม แด-จุง อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้เคยมอบโคเรียนชินโดสองตัว ให้แก่รัฐบาลเกาหลีเหนือ เมื่อต้นทศวรรษ 2000 ตามนโยบายตะวันฉาย อันเป็นนโยบายที่จะรื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และโคเรียนชินโดยังถูกนำไปเลี้ยงไว้ในทำเนียบสีน้ำเงิน หรือทำเนียบของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เช่น อี มย็อง-บัก และพัก กึน-ฮเย[1]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 หน้า 10 สารพันต่างแดน, สุนัขจินโด. "สารพันต่างแดน" โดย ฮิวแมน. เดลินิวส์ฉบับที่ 24,685: วันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 แรม 4 ค่ำ เดือน 6 ปีระกา
- ↑ "United Kennel Club breed recognition". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-06-03. สืบค้นเมื่อ 2017-05-14.
- ↑ "FCI Breeds Nomenclature". สืบค้นเมื่อ 8 December 2016.
- ↑ "Jindo to host dog show to promote its own breed" press release by the Korean Culture and Information Service on September 25 2008[ลิงก์เสีย]
- ↑ "Asia Connect". ครอบครัวข่าวเช้า. 2018-02-07. สืบค้นเมื่อ 2018-02-08.[ลิงก์เสีย]
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- โคเรียนชินโด ที่เว็บไซต์ Curlie