เอลิซาเบธ เฟลชแมน
เอลิซาเบธ เฟลชแมน-อัชไฮม์ (อังกฤษ: Elizabeth Fleischman-Aschheim; 5 มีนาคม ค.ศ. 1867 – 3 สิงหาคม ค.ศ. 1905) เป็นนักรังสีการแพทย์ชาวอเมริกันซึ่งถือเป็นผู้บุกเบิกรังสีเอกซ์ เฟลชแมนเป็นผู้หญิงคนแรกที่เสียชีวิตจากผลของการทำงานกับรังสีเอกซ์
ชีวิตช่วงแรก
[แก้]เอลิซาเบธ เฟลชแมน เกิดที่เทศมณฑลเอลโดราโด รัฐแคลิฟอร์เนีย (อาจเป็นที่เมืองแพลเซอร์วิล) เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ค.ศ. 1867 โดยเป็นลูกสาวของผู้อพยพชาวยิวจากออสเตรีย[1][2] แคทเธอรีน เลอซันสกี ซึ่งเป็นแม่ของเธอเกิดที่ปรากและมีสมาชิกในครอบครัวหลายคนที่เป็นแพทย์ในที่ตอนนี้คือสาธารณรัฐเช็ก ส่วนเจค็อบ เฟลชแมน ซึ่งเป็นพ่อของเธอเป็นคนทำขนมปัง[3] โดยเอลิซาเบธเป็นหนึ่งในลูกที่มีอยู่ทั้งหมดห้าคน[1]
โดยใน ค.ศ. 1876 ครอบของเธอครัวย้ายไปอยู่ที่ซานฟรานซิสโก ซึ่งพ่อของเอลิซาเบธ ทำงานเป็นคนทำขนมปังเป็นอาชีพแรก และต่อมาก็กลายเป็นพ่อค้าขายของกระจุกกระจิกและซิการ์ต่าง ๆ เอลิซาเบธ เฟลชแมน เข้าเรียนที่ไฮสกูลสตรี และลาออกในปีสุดท้ายของเธอเมื่อ ค.ศ. 1882 เพื่อช่วยสนับสนุนครอบครัวของเธอ[1] จากนั้นเธอเรียนหลักสูตรการทำบัญชีกับการจัดการสำนักงาน และครั้งหนึ่งเธอทำงานเป็นคนทำบัญชีที่ฟรีดแลนเดอร์แอนด์มิเทา ผู้ผลิตชุดชั้นในซานฟรานซิสโก[4][5]
เมื่อแม่ของเธอเสียชีวิต เฟลชแมนย้ายไปอยู่กับน้องสาวของเธอ เอสเทล ซึ่งแต่งงานกับแพทย์และศัลยแพทย์ชาวอังกฤษ ไมเคิล โจเซฟ เฮนรี วูล์ฟ[6][7] เฟลชแมนทำงานในสำนักงานการแพทย์ของวูล์ฟในฐานะคนทำบัญชี ที่ซึ่งเขาได้แบ่งปันและสนับสนุนความอยากรู้ในเทคโนโลยีใหม่ทางการแพทย์ของรังสีเอกซ์[3]
ผู้บุกเบิกรังสีเอกซ์
[แก้]ใน ค.ศ. 1896 เฟลชแมนได้อ่านการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ของวิลเฮล์ม เรินต์เกน ในด้านการถ่ายภาพรังสีเอกซ์ที่เวียนนา ประเทศออสเตรีย ที่ชื่อ "การค้นพบภาพถ่ายครั้งใหม่" ซึ่งจุดประกายความสนใจของเธอในการถ่ายภาพรังสี[8][9] ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1896 ธอเข้าร่วมการบรรยายในที่สาธารณะและนำเสนอเกี่ยวกับอุปกรณ์รังสีเอกซ์โดยอัลเบิร์ต ฟาน เดอร์ เนลเลน ในซานฟรานซิสโก[10] ต่อมาในปีนั้น เธอลงทะเบียนเรียนในโรงเรียนวิศวกรรมฟาน เดอร์ เนลเลน และเรียนหลักสูตรวิทยาศาสตร์ไฟฟ้า โดยส่วนหนึ่งได้รับอิทธิพลจากการบรรยายของฟาน เดอร์ เนลเลน และกำลังใจจากพี่เขยผู้เป็นแพทย์
เมื่อสำเร็จหลักสูตรการศึกษา เธอยืมเงินจากพ่อของเธอเพื่อจัดซื้อเครื่องรังสีเอกซ์ และรังสีทรรศน์[11][12] เฟลชแมนแสดงความสนใจอย่างรวดเร็ว และมีความเชี่ยวชาญในส่วนเครื่องมือต่าง ๆ ที่จำเป็นในการผลิตรังสีเอกซ์
ภายใน ค.ศ. 1897 หนึ่งปีหลังจากการค้นพบรังสีเอกซ์โดยเรินต์เกน เธอได้ก่อตั้งห้องปฏิบัติการรังสีเอกซ์ที่ซัตเตอร์สตรีต ในซานฟรานซิสโก[13] ที่นั่นเธอได้ตรวจคนไข้ในนามของแพทย์ท้องถิ่น ซึ่งงานนี้ต้องใช้ความเชี่ยวชาญทั้งด้านกายวิภาคและการถ่ายภาพเพื่อให้ได้ภาพที่ชัดเจน[13]
ในปี ค.ศ. 1898 หนังสือพิมพ์อเมริกันรายงานผลงานของเธอในการขายอาหารที่ค้าขายในเชิงพาณิชย์ด้วยรังสีเอกซ์ เพื่อตรวจหาว่ามีหรือไม่มี "การปลอมปน" จากสิ่งเจือปน[14] นอกจากนี้ เธอยังเริ่มถ่ายภาพรังสีเอกซ์ของสัตว์และวัตถุทั่วไป เช่น ภายในรองเท้า[15]
ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1898 เธอเริ่มให้บริการในฐานะผู้ถ่ายภาพบนฟิล์มรังสีเอกซ์ให้แก่กองทัพบกสหรัฐ ซึ่งได้ส่งทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากเขตสงครามแปซิฟิกของสงครามสเปน–อเมริกา กลับไปยังสหรัฐผ่านทางซานฟรานซิสโก[15]
ผลของรังสีและการเสียชีวิต
[แก้]ในช่วงเวลาที่เฟลชแมนทำงานเป็นนักรังสีการแพทย์ นอกจากหลอดรังสีเอกซ์จะไม่มีการป้องกันแล้ว ผู้ปฏิบัติงานยังมักจะวางมือของตนเองไว้ด้านหน้าเครื่องเอกซเรย์เพื่อตรวจสอบการเปิดรับแสงอีกด้วย[7] นอกจากนี้ เฟลชแมนมักจะสัมผัสกับรังสีเอกซ์เพื่อแสดงให้ผู้ป่วยเห็นว่าขั้นตอนนี้ไม่มีความเจ็บปวด[13]
ใน ค.ศ. 1903 ผลสะสมจากการได้รับรังสีเอกซ์โดยไม่ได้รับการป้องกันเป็นเวลาเจ็ดปี และทำงานวันละสิบสองชั่วโมง เริ่มปรากฏให้เห็นเป็นโรคผิวหนังอักเสบจากรังสีเอกซ์ที่มือของเธอ[16][13] โดยเธอเชื่อว่าอาการระคายเคืองนี้เกิดจากสารเคมีที่ใช้ในการล้างแผ่นถ่ายภาพ[13] และในช่วงต้น ค.ศ. 1904 โรคผิวหนังอักเสบดังกล่าวได้ลุกลามจนเธอต้องเข้ารับการรักษาจากแพทย์ แพทย์พบว่า:
"มือทั้งสองข้างมีแผลเป็นอย่างรุนแรง โดยเฉพาะเนื้อเยื่อเหนือกระดูกนิ้วมือกลางและข้อต่อกลาง....พื้นผิวมีแผลเป็นและมีหูด โดยหูดมีลักษณะเป็นแผลเน่าเปื่อยสลับกับแผลเป็น ส่วนต่อมสร้างขนและรูขุมขนถูกทำลายจนผิวหนังแข็ง, แห้ง และแตกได้ง่าย ซึ่งการรักษาด้วยยาขี้ผึ้งและยาล้างทุกรูปแบบไม่ได้ผลถาวร"[16]
เธอยังคงทำงานต่อไปแม้จะมีอาการบาดเจ็บ[17] ซึ่งใน ค.ศ. 1904 เธอได้เป็นผู้รับผิดชอบในการแนะนำมาตรการป้องกันสำหรับผู้ปฏิบัติงานเครื่องรังสีเอกซ์ โดยเธอแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อดีของหน้าจอกระจกแผ่นสองชั้น และโลหะ เช่น ตะกั่ว, อลูมิเนียม, เหล็ก รวมถึงทองแดง ในการ "ต้านทาน" รังสีเอกซ์[18]
เฟลชแมนเป็นคนที่สองและเป็นผู้หญิงคนแรกที่เสียชีวิตเนื่องจากการได้รับรังสีเอกซ์ หลังการเสียชีวิตของคลาเรนซ์ ดาลลี ซึ่งเป็นนักเป่าแก้วชาวอเมริกันและผู้ช่วยทอมัส เอดิสัน ในงานรังสีเอกซ์ ผู้ที่เสียชีวิตเมื่อปีก่อน[19]
สิ่งพิมพ์และการอ้างอิง
[แก้]- Fleischman, Elizabeth. (1898). Description of Plates: Plate LV: American Frog. Archives of the Roentgen Ray. 3(2): 62.
- Borden, William Cline, & Sternberg, George Miller. (1900). The Use of the Röntgen Ray by the Medical Department of the United States Army in the War with Spain. Washington, D.C. Government Printing Office.
- Senn, Nicholas. (1900). The X-ray in Military Surgery. Philadelphia Medical Journal. 5: 36–37.
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 "Elizabeth Fleischmann - A Tribute". www.cla.purdue.edu. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-08-11. สืบค้นเมื่อ 2019-11-08.
- ↑ "No. 923: Elizabeth Fleischmann". www.uh.edu. สืบค้นเมื่อ 2019-11-08.
- ↑ 3.0 3.1 Brown, P (1995-02-01). "American martyrs to radiology. Elizabeth Fleischman Ascheim (1859-1905). 1936". American Journal of Roentgenology. 164 (2): 497–499. doi:10.2214/ajr.164.2.7839997. ISSN 0361-803X.
- ↑ Editor. (1895). Langley's San Francisco Directory. Page 604.
- ↑ Palmquist, Peter E. (1990). Elizabeth Fleischmann: A Tribute. Elizabeth Fleischmann: Pioneer X-Ray Photographer (exhibition catalogue). Judah L. Magnes Museum. Berkeley, California.
- ↑ "Elizabeth Fleischman-Aschheim: Heroic Jewish Radiologist of San Francisco – JMAW – Jewish Museum of the American West" (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2019-11-08.
- ↑ 7.0 7.1 อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ:03
- ↑ Editor. (30 January 1896). Roentgen's System Tested. San Francisco Call. Volume 79. Number 61. San Francisco.
- ↑ Editor. (23 February 1896). The Rontgen Rays. San Francisco Chronicle. Page 10.
- ↑ Editor. (14 August 1896). Professor Van der Naillen's Powerful Apparatus From France. San Francisco Call. 80(75): 10.
- ↑ Brown, Percy. (1936). American Martyrs to Science through the Roentgen Rays. Charles C. Thomas. Springfield, Illinois.
- ↑ Spirt, Beverly A., & Randall, Patricia A. (1995). Radiologic history exhibit. The role of women in wartime radiology. RadioGraphics. 15(3), 641-652.
- ↑ 13.0 13.1 13.2 13.3 13.4 Spirt, B A; Randall, P A (1995-05-01). "Radiologic history exhibit. The role of women in wartime radiology". RadioGraphics. 15 (3): 641–652. doi:10.1148/radiographics.15.3.7624569. ISSN 0271-5333. PMID 7624569.
- ↑ "X-rays turned on the cupboard, Elizabeth Fleischman (1898)". The San Francisco Call. 1898. p. 23. สืบค้นเมื่อ 2017-11-06.
- ↑ 15.0 15.1 Rebekah, Burgess Abramovich (Winter 2015). "Elizabeth Fleischmann-Aschheim". Hektoen International Journal. 7 (1).
- ↑ 16.0 16.1 Brown, P (1995-02-01). "American martyrs to radiology. Elizabeth Fleischman Ascheim (1859-1905). 1936". American Journal of Roentgenology. 164 (2): 497–499. doi:10.2214/ajr.164.2.7839997. ISSN 0361-803X. PMID 7839997.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ:42
- ↑ "Protection for x-ray operators, Elizabeth Fleischman-Aschheim (1904)". The Cook County Herald. 1904-11-19. p. 2. สืบค้นเมื่อ 2017-11-06.
- ↑ Sansare, K; Khanna, V; Karjodkar, F (February 2011). "Early victims of X-rays: a tribute and current perception". Dentomaxillofacial Radiology. 40 (2): 123–125. doi:10.1259/dmfr/73488299. ISSN 0250-832X. PMC 3520298. PMID 21239576.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ เอลิซาเบธ เฟลชแมน