เหตุโจมตีด้วยขีปนาวุธในแซร์ฮียิวกา
เหตุโจมตีด้วยขีปนาวุธในแซร์ฮียิวกา | |
---|---|
เป็นส่วนหนึ่งของ การรุกรานยูเครนโดยรัสเซีย พ.ศ. 2565 | |
สัตว์เลี้ยงที่ตายจากการถูกโจมตีที่อาคาร 9 ชั้น | |
สถานที่ | นิคมแซร์ฮียิวกา เทศบาลนิคมแซร์ฮียิวกา เขตบิลฮอรอด-ดนิสตรอว์สกึย แคว้นออแดซา ยูเครน |
พิกัด | 46°01′24″N 30°21′23″E / 46.02330°N 30.35652°E |
วันที่ | 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 ประมาณ 00:20 น.[1][2] (UTC+3) |
เป้าหมาย | พลเรือน |
ประเภท | การโจมตีด้วยขีปนาวุธ |
อาวุธ | ขีปนาวุธคา-22[3] |
ตาย | 22 คน[4] (รวมเด็ก 1 คน)[5][6][7] |
เจ็บ | 39 คน (รวมเด็ก 6 คน)[5][6][7] |
ผู้ก่อเหตุ | กองทัพรัสเซีย |
เมื่อเวลาประมาณ 00:20 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ของวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธโจมตีอาคารที่อยู่อาศัยและศูนย์นันทนาการในแซร์ฮียิวกา นิคมตากอากาศริมฝั่งทะเลดำในเทศบาลนิคมแซร์ฮียิวกา เขตบิลฮอรอด-ดนิสตรอว์สกึย แคว้นออแดซา ประเทศยูเครน[8][9] เหตุโจมตีครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 22 คน (รวมถึงเด็กอายุ 11 ปี) และกลายเป็นเหตุโจมตีที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในแคว้นออแดซานับตั้งแต่รัสเซียเริ่มรุกรานยูเครน[1]
ภูมิหลัง
[แก้]นิคมตากอากาศริมฝั่งทะเลดำในแคว้นออแดซาอย่างซันฌีย์กา, ซาตอกา, แซร์ฮียิวกา และแลแบดิวกาเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในช่วงวันหยุดพักร้อนของชาวยูเครนจนกระทั่ง พ.ศ. 2565 เมื่อรัสเซียเข้ารุกรานยูเครน นับแต่นั้นมาชายฝั่งแคว้นออแดซาก็ถูกรัสเซียยิงโจมตีอย่างต่อเนื่อง[10]
การโจมตี
[แก้]ตามข้อมูลเบื้องต้น เครื่องบินตู-22เอม3 จำนวน 3 ลำของกองทัพอากาศรัสเซียบินออกจากแคว้นวอลโกกราดมายังไครเมีย[11] และหลังจากบินมาได้เป็นระยะ 1,200 กิโลเมตร (750 ไมล์) ก็ยิงขีปนาวุธประเภทคา-22 จำนวน 3 ลูกมาทางนิคมแซร์ฮียิวกาในเขตบิลฮอรอด-ดนิสตรอว์สกึย[10]
หลังเที่ยงคืนของวันที่ 1 กรกฎาคม ขีปนาวุธลูกแรกพุ่งเข้าใส่ร้านอุปกรณ์ช่างที่ชั้นล่างของอาคารอยู่อาศัย 9 ชั้น เลขที่ 23 ถนนบูจัก ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิต 15 คน[12] และห้องพักอาศัย 105 ห้องจากทั้งหมด 106 ห้องในอาคารนั้นได้รับความเสียหาย[10] หลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาที ขีปนาวุธอีก 2 ลูกก็พุ่งเข้าใส่ศูนย์นันทนาการและโรงแรม "ฮอจี" ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียง[10] ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิต 6 คน[12]
ผู้เสียชีวิตที่ศูนย์นันทนาการฮอจีรวมถึงนาดียา รุดนึตส์กึย ผู้จัดการศูนย์ฯ, ดมือตรอ รุดนึตส์กึย ลูกชายอายุ 11 ปีของเธอ และออแลกซันดร์ ชึชกอว์ ผู้ฝึกสอนฟุตบอลเยาวชนที่มีชื่อเสียงจากเมืองออแดซา[12] ในเวลานั้นชึชกอว์พักอยู่ที่ศูนย์ฯ ก่อนนัดการแข่งขันฟุตบอลล่วงหน้า 1 วัน[10] ส่วนที่อาคาร 9 ชั้นนั้น นอกจากจะมีคนเสียชีวิตแล้วยังมีสัตว์เลี้ยงที่ตายจากเหตุโจมตีครั้งนี้ด้วย[8]
อาคารอีกหลายหลังภายในรัศมี 2 กิโลเมตรจากพื้นที่เกิดเหตุยังได้รับผลกระทบจากคลื่นแรงระเบิด[10] อาคารศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพเด็กของรัฐบาลมอลโดวาในแซร์ฮียิวกาได้รับความเสียหายเล็กน้อย แต่มีเจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯ เสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บ 5 คน[13]
ปฏิกิริยา
[แก้]ทางการยูเครนประกาศให้วันที่ 2 กรกฎาคมเป็นวันไว้อาลัยในแคว้นออแดซา[14] ในขณะเดียวกันก็ดำเนินการสอบสวนเหตุโจมตีในฐานะอาชญากรรมสงครามที่เข้าข่ายการละเมิดกฎหมายและประเพณีสงครามร่วมกับฆาตกรรมโดยเจตนา[15]
กระทรวงการต่างประเทศมอลโดวาประณามเหตุโจมตีและเผยแพร่ข้อมูลความเสียหายที่เกิดขึ้นกับศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพเด็กของรัฐบาลมอลโดวา[13] กระทรวงสาธารณสุขมอลโดวากล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯ ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ดูแลเด็ก ๆ ในศูนย์ฯ อย่างทุ่มเท และแสดงความเสียใจกับครอบครัวของเจ้าหน้าที่ที่บาดเจ็บและเสียชีวิต[16] โรมาเนียประณามเหตุโจมตีเช่นกัน และกล่าวว่าทางการโรมาเนียจะหารือกับทางการมอลโดวาเกี่ยวกับเหตุที่เกิดขึ้นต่อไป[17]
ชเต็ฟเฟิน เฮเบิสไทรท์ โฆษกรัฐบาลเยอรมนี กล่าวว่า "เหตุการณ์นี้แสดงให้เราเห็นอีกครั้งว่าผู้รุกรานจากรัสเซียเพิกเฉยอย่างจงใจต่อการเสียชีวิตของพลเรือน ... การโจมตีพลเรือนถือเป็นอาชญากรรมสงคราม ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน และผู้มีส่วนร่วมก่อเหตุจะต้องรับผิดชอบ"[18]
วอลอดือมือร์ แซแลนสกึย ประธานาธิบดียูเครน กล่าวว่าเหตุโจมตีครั้งนี้ "เป็นการก่อการร้ายโดยเจตนาของรัสเซีย และไม่ใช่การโจมตีผิดพลาดใด ๆ"[19] เขาตั้งข้อสังเกตว่ากองทัพรัสเซียใช้อาวุธทรงพลังเพื่อโจมตีเป้าหมายพลเรือน "ขีปนาวุธคา-22 เหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อทำลายเรือบรรทุกเครื่องบินและเรือรบขนาดใหญ่อื่น ๆ และกองทัพรัสเซียใช้มันเพื่อโจมตีอาคาร 9 ชั้นธรรมดาที่มีพลเรือนอาศัยอยู่"[20][21]
อีวัน บากานอว์ หัวหน้าหน่วยความมั่นคงยูเครน ระบุว่าการโจมตีเป้าหมายพลเรือนครั้งนี้เป็นการแก้แค้นของกองทัพรัสเซียที่จำต้องถอนกำลังออกจากเกาะงูในทะเลดำเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน (วันก่อนเกิดเหตุโจมตี)[22]
ดมีตรี เปสคอฟ โฆษกประจำทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย ปฏิเสธว่าฝ่ายตนไม่ได้โจมตีเป้าหมายพลเรือนในยูเครนและกล่าวว่าอาคารเป้าหมายเหล่านั้นถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางทหาร[20][21] อย่างไรก็ตาม องค์การแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุและศึกษาภาพถ่ายจากดาวเทียมแล้วไม่พบหลักฐานว่ามีทหารยูเครน อาวุธ เป้าหมายทางทหาร หรือกิจกรรมทางทหารใด ๆ ในพื้นที่ก่อนเกิดเหตุโจมตี[12][20]
ระเบียงภาพ
[แก้]-
สภาพศูนย์นันทนาการฮอจีหลังเกิดเหตุโจมตี
-
สภาพอาคาร 9 ชั้นหลังเกิดเหตุโจมตี
-
ปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยในอาคาร 9 ชั้น
-
สภาพบริเวณอาคาร 9 ชั้นหลังเกิดเหตุโจมตี
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 "Найбільша кількість загиблих від початку вторгнення: що відомо про трагедію в Сергіївці Одеської області. Відео" (ภาษายูเครน). Суспільне Новини. 2022-07-01. สืบค้นเมื่อ 2022-07-01.
- ↑ "Суцільний крах: показали відео знищеного будинку під Одесою" (ภาษายูเครน). Gazeta.ua. 2022-07-01. สืบค้นเมื่อ 2022-07-01.
- ↑ "По Білгород-Дністровському району росіяни вдарили 3 ракетами Х-22 – ОК «Південь»" (ภาษายูเครน). Українська правда. 2022-07-01. สืบค้นเมื่อ 2022-07-01.
- ↑ "Удар по Сергіївці на Одещині: зросла кількість жертв". Українська Правда. 2022-07-09.
- ↑ 5.0 5.1 "Рятувальники працюють на місці ракетного удару в смт Сергіївка на Одещині" (ภาษายูเครน). Офіційний веб-портал ДСНС України. 2022-07-01. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-07-02. สืบค้นเมื่อ 2022-07-01.
- ↑ 6.0 6.1 "Сергіївка на Одещині. Росіяни завдали ракетного удару, багато загиблих та поранених" (ภาษายูเครน). BBC News | Україна. 2022-07-01. สืบค้นเมื่อ 2022-07-01.
- ↑ 7.0 7.1 "Рятувальники виявили 20 загиблих внаслідок ракетного удару по Сергіївці" (ภาษายูเครน). Радіо Свобода. 2022-07-01. สืบค้นเมื่อ 2022-07-01.
- ↑ 8.0 8.1 "Россия обстреляла курорт под Одессой, погиб 21 человек, в том числе один ребенок" (ภาษารัสเซีย). BBC. 2022-07-01. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-07-01.
- ↑ Nazarchuk, Iryna (2022-07-01). "After Snake Island retreat, Russian missile attack kills 21 near Ukraine's Odesa". Reuters.
- ↑ 10.0 10.1 10.2 10.3 10.4 10.5 "Murders while sleeping. How Russian rockets attacked Odessa resorts". ElitExpert. 2022-11-04. สืบค้นเมื่อ 2022-12-02.
- ↑ "Russia-Ukraine War: Russian missiles kill at least 21 in Ukraine's Odesa region". The Times of India. 2022-07-02.
- ↑ 12.0 12.1 12.2 12.3 "Ukraine: Civilians killed by 'reckless' Russian attacks on Serhiivka apartment block and beach resort". Amnesty International. 2022-07-07. สืบค้นเมื่อ 2022-07-08.
- ↑ 13.0 13.1 Botnarenco, Iurii (2022-07-01). "Chișinăul a reacționat la atacul cu rachete rusești din orașul Sergheevca, în care a fost ucis cetățean al R. Moldova". Adevărul (ภาษาโรมาเนีย).
- ↑ "В Одессе и области объявили траур по жертвам трагедии в Сергеевке". USI. 2022-07-01.
- ↑ "Порушення законів війни та умисне вбивство: правоохоронці розпочали розслідування ракетного удару в Одеській області" (ภาษายูเครน). Суспільне Новини. 2022-07-01. สืบค้นเมื่อ 2022-07-01.
- ↑ Simone McCarthy, Rob Picheta, Laura Smith-Spark, Aditi Sangal, Elise Hammond and Adrienne Vogt (2022-07-01). "At least 1 dead and 5 injured after children's medical rehabilitation center near Odesa hit in Russian attack". CNN (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2022-07-01.
{{cite web}}
: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์) - ↑ "România va ajuta R. Moldova după atacul cu rachete de la Sergheevca". Noi.md (ภาษาโรมาเนีย). 2022-07-02.
- ↑ "Правительство ФРГ назвало военным преступлением обстрел Одесской области". Deutsche Welle. 2022-07-01. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-07-02.
- ↑ "Russia-Ukraine war: Zelenskiy accuses Russia of 'deliberate terror'; UK 'condemns exploitation' of captured Britons – latest updates". the Guardian (ภาษาอังกฤษ). 2022-07-02. สืบค้นเมื่อ 2022-07-02.
- ↑ 20.0 20.1 20.2 "Kyiv says at least 21 dead in strike near city of Odessa". The Washington Post. 2022-07-01. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-07-02. สืบค้นเมื่อ 2022-07-02.
- ↑ 21.0 21.1 "Russian missiles kill at least 21 in Ukraine's Odesa region". ABC News (ภาษาอังกฤษ). 2022-07-02. สืบค้นเมื่อ 2022-07-02.
- ↑ "Russian missiles kill at least 21 in Ukraine's Odesa region". The Associated Press. 2022-07-01. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-07-02. สืบค้นเมื่อ 2022-07-02.