เหตุเพลิงไหม้โรงภาพยนตร์เร็กซ์
เหตุเพลิงไหม้โรงภาพยนตร์เร็กซ์ | |
---|---|
เป็นส่วนหนึ่งของ การปฏิวัติอิหร่าน | |
เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่ภายในโรงภาพยนตร์หลังเกิดเหตุ | |
ชื่อท้องถิ่น | آتشسوزی سینما رکس آبادان |
สถานที่ | ออบอดอน ประเทศอิหร่าน |
วันที่ | 19 สิงหาคม 1978 20:21 (IRST) |
ประเภท | การวางเพลิง, การฆาตกรรมหมู่, การก่อการร้าย |
ตาย | 377–470 ราย[1] |
ผู้ก่อเหตุ | กองกำลังอิลาม[2][1][3] |
จำนวนก่อเหตุ | 4 คน |
เหตุเพลิงไหม้โรงภาพยนตร์เร็กซ์ (เปอร์เซีย: آتشسوزی سینما رکس آبادان; อังกฤษ: Cinema Rex fire) เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 1978 เมื่อโรงภาพยนตร์เร็กซ์ (Cinema Rex) ในเมืองออบอดอน ประเทศอิหร่าน ถูกวางเพลิง เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิตระหว่าง 377[1] ถึง 470 ราย[4] เหตุการณ์นี้ก่อโดยสมาชิกสี่คนของกองกำลังอิสลามหัวรุนแรง[2] ราดน้ำมันเครื่องบินรอบอาคาร จากนั้นจึงจุดไฟเผา[5] เหตุการณ์นี้เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการปฏิวัติอิหร่านในปี 1979 ซึ่งโค่นล้มสถาบันกษัตริย์ของอิหร่าน และมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์รุนแรงไปทั่วอีกจำนวนมาก เหตุการณ์นี้ถือเป็นการก่อการร้ายครั้งที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์โลก กระทั่งปี 1990 ซึ่งเกิดการสังหารหมู่ตำรวจศรีลังกา
ราชวงศ์อิหร่านผู้ปกครองประเทศในเวลานั้นกล่าวโทษผู้ก่อเหตุว่าเป็นกลุ่ม "ลัทธิมากซ์อิสลาม" ในตอนแรก[6] ก่อนที่ต่อมาจะออกรายงานว่าเป็นกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง[7][8][9][10] ในขณะที่ผู้ประท้วงต่อต้านราชวงศ์กล่าวอ้างโทษตำรวจลับของอิหร่านซึ่งไม่เป็นความจริง[2][11][12] และแม้ว่าจะเป็นกองกำลังอิสลามที่เป็นผู้รับผิดชอบเหตุเพลิงไหม้นี้ แต่ฝั่งตรงข้ามของกลุ่มอิสลามก็ได้รับประโยชน์จากเหตุการณ์เช่นกันในแง่ของโฆษณาชวนเชื่อเนื่องจากสังคมในเวลานั้นเกิดความระหองระแหงขึ้น ชาวอิหร่านจำนวนมากในเวลานั้นหลงเชื่อในการให้ข้อมูลเท็จซึ่งยิ่งกระตุ้นให้เกิดแนวคิดต่อต้านกษัตริย์อิหร่านมากยิ่งขึ้น
เหตุการณ์
[แก้]เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 1978 ผู้คนหลายร้อยคนกำลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง The Deer (Gavaznha) ในโรงภาพยนตร์เร็กซ์ (Cinema Rex) ในเมทองออบอดอน ประเทศอิหร่าน[13] กระทั่งเมื่อเวลา 20:21 ชายสี่คนทำการปิดกั้นประตูของโรงภาพยนตร์และทำการราดน้ำมันเครื่องจากกระป๋องจากนั้นจึงจุดไฟโดยการโยนไม้ขีดไฟลงในน้ำมัน ไฟเริ่มลุกลามจากประตูทางเข้าทั้งสามทางไปสู่โถงหลัก ผู้ก่อเหตุหลบหนีจากสถานที่ก่อเหตุพร้อมทั้งปิดกั้นประตูจากทางด้านนอก มีผู้คนหลบหนีออกมาทางหลังคาได้ราว 100 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บไม่ถึงแก่ชีวิต 223 คน ที่เหลือ 377 รายเป็นอย่างน้อย เสียชีวิตในเพลิง[14][15]
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะมีการจุดระเบิดเพลิงในเมืองชีรอซ และเมื่อสองวันก่อนหน้า โรงภาพยนตร์แห่งหนึ่งในมอชอด ก็ถูกวางเพลิงเช่นกัน อันเป็นผลให้มีผู้เสียชีวิตสามราย[15]
ผู้ก่อเหตุ
[แก้]แรกเริ่ม กลุ่มผู้สนับสนุนการปฏิวัติอิหร่านกล่าวโทษตำรวจลับ SAVAK ว่าเป็นผู้ก่อเหตุ แม้ว่าคำกล่าวนี้ไม่เป็นความจริง โดยให้เหตุผลว่าตำรวจลับกำลังติดตามคนชุดหนึ่งซึ่งหลบหนีเข้าไปในโรงภาพยนตร์เพื่อหนีกลืนเข้ากับฝูงชนภายใน ตำรวจลับที่กำลังไล่ล่าจึงปิดขังประตูของโรงภาพยนตร์เพื่อกันไม่ให้หลบหนี ซึ่งทำให้ผู้คนหลายร้อยชีวิตติดอยู่ภายในอาคารและเสียชีวอตจากเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ หนังสือพิมพ์อิหร่าน Sobhe Emruz กล่าวโทษผู้กระทำผิดว่าเป็นพวกอิสลามหัวรุนแรงในบทบรรณาธิการสำหรับหนังสือพิมพ์ Kayhan ซึ่งดำเนินงานโดย Hossein Shariatmadari ผู้เคยได้รับการบรรยายว่าเป็น "คนใกล้ชิดที่ผู้นำสูงสุดอิหร่าน แอลี ฆอเมเนอี วางใจ" และมีความสัมพันธ์กับหน่วยข่าวกรองของอิหร่าน) ใน Sobhe Emruz ระบุว่า "อย่าให้เราต้องเปิดโปงว่าผู้ใดเป็นผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริงของเหตุไฟไหม้โรงภาพยนตร์เร็กซ์เลย" ซึ่งทำหนังสือพิมพ์ถูกสั่งปิดชั่วคราวไม่นานหลังตีพิมพ์[16][5][17]
นักประวัติศาสตร์การทหาร สเปนเซอร์ ซี ทัคเคอร์ระบุยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 422 ราย และระบุว่าหลังเหตุการณ์ "รูฮุลลอฮ์ โคมัยนี กล่าวโทษกษัตริย์อิหร่าน (ชะฮ์) และตำรวจลับ (SAVAK) ว่าเป็นผู้ก่อเหตุ คำกล่าวอ้างนี้มีชาวอิหร่านจำนวนมากหลงเชื่อ มีผู้ประท้วงนับหลายหมื่นคนบนท้องถนนกล่าวตะโกนว่า เผาชะฮ์ซะ! [Burn the shah!] ก่อนที่อีกหลายแสนคนจะกลับมาเข้าร่วมการประท้วงนี้อีกครั้ง"[2]
นักประวัติศาสตร์ Firoozeh Kashani-Sabet ระบุว่า "แม้นักวิชาการในภายหลังจะระบุผู้ก่อเหตุว่าเป็นผู้สนับสนุนการปฏิวัติ แต่รัฐอิสลาม [อิหร่านหลังปฏิวัติ] ปฏิเสธข้อค้นพบเหล่านี้ และยังคงถือว่าตำรวจลับของกษัตริย์ (SAVAK) เป็นผู้ก่อเหตุวางเพลิง"[3]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 Amanat, Abbas (2017). Iran: A Modern History. Yale University Press. p. 719. ISBN 978-0300112542.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 Tucker, Spencer C. (2017). The Roots and Consequences of Civil Wars and Revolutions: Conflicts that Changed World History. ABC-CLIO.
- ↑ 3.0 3.1 Kashani-Sabet, Firoozeh (2023). Heroes to Hostages: America and Iran, 1800-1988. Cambridge University Press. p. 344.
- ↑ "Iran: In with the madding crowd". The Economist. 3 November 2012. สืบค้นเมื่อ 2 March 2014.
- ↑ 5.0 5.1 Amuzegar, Jahangir (1991). Dynamics of the Iranian Revolution: The Pahlavis' Triumph and Tragedy (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). SUNY Press. p. 250. ISBN 978-0-7914-0731-8. สืบค้นเมื่อ 18 August 2018.
- ↑ "BBC فارسی - ايران - گاهشمار انقلاب" (ภาษาเปอร์เซีย). สืบค้นเมื่อ 1 January 2018.
- ↑ Afkhami, R. Gholam (2009) The Life and Times of the Shah University of California Press, pages 465 & 459, ISBN 0-520-25328-0
- ↑ Ansari, M. Ali (2007) Modern Iran: the Pahlavis and after Pearson Education, page 259, ISBN 1-4058-4084-6
- ↑ Federal Research Division (2004) Iran A Country Study Kessinger Publishing, page 78, ISBN 1-4191-2670-9
- ↑ Bahl, Taru, Syed, M. H. (2003) Encyclopaedia of the Muslim World, Anmol Publications PVT. LTD., 2003, page 105, ISBN 81-261-1419-3
- ↑ Daniel, Elton L. and Mahdi, Ali Akbar (2006) Culture and Customs of Iran, Greenwood Press, Westport, Connecticut, page 106, ISBN 0-313-32053-5
- ↑ Hiro, Dilip (1985) Iran Under the Ayatollahs Routledge and K. Paul, London, page 74, ISBN 0-7100-9924-X
- ↑ Steven Gaythorpe (24 July 2015). Cinema. Lulu.com. ISBN 978-1-326-36973-6.[ลิงก์เสีย]
- ↑ Staff Writer. "Cinema Rex Tragedy of 1978 is Recreated in London Exhibition by Mahmoud Bakhshi". Kayhan Life. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 July 2017. สืบค้นเมื่อ 22 January 2017.
- ↑ 15.0 15.1 Branigan, William (August 21, 1978). "Terrorists Kill 377 by Burning Theater in Iran". The Washington Post. ISSN 2641-9599.
- ↑ George Bullen (14 August 2015). Nine Months in Iran. Lulu.com. p. 88. ISBN 978-1-329-43953-5.
- ↑ Sabine Haenni; Sarah Barrow; John White (15 September 2014). The Routledge Encyclopedia of Films. Routledge. p. 244. ISBN 978-1-317-68261-5.