เหตุกราดยิงขบวนรถพลเรือนในกูปิยันสก์
เหตุกราดยิงขบวนรถพลเรือนในกูปิยันสก์ | |
---|---|
เป็นส่วนหนึ่งของ การรุกรานยูเครนโดยรัสเซีย พ.ศ. 2565 | |
ผู้เสียชีวิตและรถยนต์ที่เสียหายจากการถูกยิงและเผา | |
สถานที่ | ถนนเลียบทางรถไฟที่เชื่อมระหว่างหมู่บ้านกูรือลิวกากับหมู่บ้านปิชชาแน เขตกูปิยันสก์ แคว้นคาร์กิว ยูเครน |
พิกัด | 49°39′24.4″N 37°44′51.2″E / 49.656778°N 37.747556°E |
วันที่ | 25 กันยายน พ.ศ. 2565 ประมาณ 09:00 น. (UTC+3)[2] |
เป้าหมาย | พลเรือน |
ประเภท | การกราดยิงหมู่ |
อาวุธ | กระสุนระเบิดแรงสูงขนาด 30 และ 45 มม. รวมถึงลูกระเบิดโวก-17 และโวก-25 |
ตาย | 26 คน (รวมเด็ก 13 คนและหญิงมีครรภ์ 1 คน)[3] |
เจ็บ | อย่างน้อย 3 คน (รวมเด็ก 2 คน)[4][5] |
ผู้ก่อเหตุ | กองทัพรัสเซีย |
เมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2565 ระหว่างการรุกรานยูเครนโดยรัสเซีย กองทัพรัสเซียได้กราดยิงขบวนรถพลเรือนยูเครนบนถนนสายเชื่อมระหว่างหมู่บ้านกูรือลิวกากับหมู่บ้านปิชชาแน ใกล้เมืองกูปิยันสก์ แคว้นคาร์กิว ประเทศยูเครน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 26 คน ครึ่งหนึ่งในจำนวนนี้เป็นเด็ก
ในช่วงเวลานั้นถนนสายดังกล่าวอยู่ใน "พื้นที่สีเทา"[6][7] ทหารยูเครนไม่สามารถเข้าถึงจุดเกิดเหตุได้จนกระทั่งวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2565
ภูมิหลัง
[แก้]หมู่บ้านกูรือลิวกาตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองกูปิยันสก์ซึ่งถูกกองทัพรัสเซียเข้ายึดครองเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เพียงสามวันหลังจากเริ่มรุกรานยูเครน[8] พื้นที่บริเวณนี้ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซียเป็นเวลานานกว่า 6 เดือน จนกระทั่งในช่วงปลายเดือนกันยายน พ.ศ. 2565 กองทัพยูเครนเปิดฉากรุกโต้ตอบเพื่อปลดปล่อยดินแดนที่รัสเซียยึดครองในแคว้นคาร์กิว ซึ่งรวมถึงพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองกูปิยันสก์และพื้นที่โดยรอบ
การยิงโต้ตอบกันระหว่างกองกำลังรัสเซียกับกองกำลังยูเครนรุนแรงขึ้น อีกทั้งกองกำลังรัสเซียยังใช้กลยุทธ์ผลาญภพระหว่างหลบหนีการรุกคืบของกองกำลังยูเครน[9][10] ชาวบ้านกูรือลิวกาส่วนหนึ่งจึงตัดสินใจอพยพออกจากพื้นที่ ตลอดเวลาหลายเดือนชาวบ้านใช้ชีวิตอยู่โดยปราศจากสัญญาณโทรทัศน์หรือสัญญาณโทรศัพท์[9] ท่ามกลางหมอกสงคราม พวกเขาเห็นว่าทางเลือกที่น่าจะปลอดภัยที่สุดคือการเดินทางย้อนเข้าไปในพื้นที่ที่รัสเซียยึดครอง[8] จากนั้นค่อยแยกย้ายกันไปตามจุดหมายของแต่ละครอบครัวหรือบุคคล[9] โดยใช้ถนนสายหนึ่งที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นเส้นทางเดียวที่ยังใช้การได้ เนื่องจากหมู่บ้านกูรือลิวกามีลำน้ำและหนองน้ำขนาบอยู่และสะพานข้ามลำน้ำที่ถนนสายอื่นถูกทำลายหมด คนในท้องถิ่นคนหนึ่งรับหน้าที่จัดขบวนอพยพโดยเก็บเงินจากผู้ที่ต้องการอพยพคนละ 6,000 ฮรึวญา[8] และวางแผนออกเดินทางในวันที่ 25 พฤษภาคม
ในวันที่ 27 กันยายน กองทัพยูเครนปลดปล่อยนิคมกูปิยันสก์-วุซลอวึยและหมู่บ้านใกล้เคียงได้สำเร็จ[11] สามวันต่อมา ในวันที่ 30 กันยายน ทหารยูเครนพบศพพลเรือนหลายศพที่บริเวณรอบนอกหมู่บ้านกูรือลิวกา ศพอยู่ในรถเก๋ง 6 คันและรถมินิบัส 1 คันซึ่งถูกยิงและถูกเผาระหว่างเดินทางมุ่งหน้าไปทางหมู่บ้านปิชชาแน[12]
การโจมตี
[แก้]หลังจากที่สื่อยูเครนเผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับการพบร่างผู้เสียชีวิตออกไป พยานในเหตุการณ์ 7 คนที่หนีรอดไปยังนิคมกิวชาริวกาก็ออกมาแสดงตัวและให้ข้อมูล ตามคำให้การของพวกเขา ในเช้าวันที่ 25 กันยายน ขบวนอพยพของพวกเขาซึ่งประกอบด้วยรถเก๋ง 6 คันและรถมินิบัส 1 คัน พร้อมด้วยพลเรือน 48 คน ออกจากหมู่บ้านกูรือลิวกาโดยใช้ถนนเลียบทางรถไฟ มุ่งหน้าไปทางเมืองสวาตอแวในแคว้นลูฮันสก์ซึ่งถูกรัสเซียยึดครองอยู่[9] ที่ท้ายรถมินิบัสมีป้ายเขียนติดไว้ว่า "เด็ก"[9]
เมื่อขบวนรถมาถึงจุดเกิดเหตุในเวลาประมาณ 09:00 น. รถคันหน้าสุดของขบวนถูกซุ่มยิงจากข้างทางโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า จากนั้นรถคันอื่น ๆ ก็ถูกระดมยิงด้วยลูกกระสุนและลูกระเบิด หลังการยิงชุดแรกสงบลง ผู้โดยสารที่รอดชีวิตรีบหนีออกจากรถแล้วคลานเข้าไปหลบหลังคันดินข้างทางรถไฟ สักพักพวกเขาได้ยินเสียงยานพาหนะเคลื่อนตัวจึงพากันคลานเข้าไปซ่อนในดงไม้[8] แต่กลุ่มผู้โจมตีเริ่มยิงใส่พวกเขาต่อ ผู้รอดชีวิตคนหนึ่งเล่าว่า "เรารู้สึกว่ามันไล่ตามเรามา"[8] จากดงไม้ริมทางรถไฟนั้น พวกเขาเดินย้อนกลับไปทิศทางเดิมโดยพยายามซ่อนตัวให้พ้นจากยานพาหนะของกลุ่มผู้โจมตีซึ่งยังคงตามล่าพวกเขา[9]
ผู้เสียชีวิต
[แก้]ระหว่างการกราดยิง ผู้อพยพในขบวนอีก 22 คนรอดชีวิตไปได้[13] ในจำนวนนี้มีเด็กชายอายุ 1 ขวบ และเด็กหญิงอายุ 5 ขวบครึ่ง แต่พ่อแม่ของทั้งสองเสียชีวิตในจุดเกิดเหตุ[14] ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่ามีผู้เสียชีวิตประมาณ 24 คน ในจำนวนนี้มีเด็ก 13 คน และหญิงมีครรภ์ 1 คน จากการตรวจสอบเพิ่มเติมของเจ้าหน้าที่ยูเครน พบศพผู้เสียชีวิตอีกศพหนึ่ง เป็นหญิงอายุ 75 ปีซึ่งคลานหนีเข้าไปในดงไม้ได้ประมาณ 200 เมตร ก่อนจะเสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บ[15] ต่อมาในวันที่ 17 ตุลาคม พบศพผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ศพ เป็นชายอายุ 19 ปีซึ่งเสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บกลางทางเดินในดงไม้หลังจากหนีออกจากจุดเกิดเหตุไปได้ 1.5 กิโลเมตร[14] ทางการยูเครนสรุปยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงครั้งนี้ไว้ที่ 26 คน[14] ผู้เสียชีวิต 12 คนได้รับการระบุตัวตนภายในวันที่ 20 ตุลาคม[13][16]
การสืบสวน
[แก้]หลักฐานทางกายภาพบางส่วน (ร่างผู้เสียชีวิตและรถยนต์) ได้รับการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญชาวฝรั่งเศส พวกเขาพบร่องรอยของการใช้กระสุนระเบิดแรงสูงขนาด 30 มิลลิเมตร และ 45 มิลลิเมตร เช่นเดียวกับลูกระเบิดโวก-17 และโวก-25[17] ออแลกซันดร์ ฟิลชากอว์ อัยการแคว้นคาร์กิว กล่าวว่าชิ้นส่วนกระสุนที่พบในจุดเกิดเหตุเป็นชนิดเดียวกับที่ใช้ในปืนกลหนักที่ติดตั้งบนยานพาหนะหุ้มเกราะของรัสเซีย[17]
อีฮอร์ ชุบ อัยการอีกคนหนึ่งของแคว้นคาร์กิว กล่าวว่าพยานผู้รอดชีวิตต่างให้การสอดคล้องกันว่าทิศทางการยิงมาจากแนวรบฝั่งที่กองกำลังรัสเซียยึดครองอยู่[9] นอกจากนี้ พยานหลายคนยังย้ำว่าก่อนที่ขบวนรถจะไปถึงจุดเกิดเหตุ พวกเขาได้ผ่านด่านตรวจของทหารรัสเซียมาแล้ว 2 ด่านหรือมากกว่านั้น ซึ่งบ่งชี้ว่าบริเวณจุดเกิดเหตุในขณะนั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย[9]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Російські окупанти обстріляли цивільну колону біля Куп'янська — військовий". Суспільне | Новини (ภาษายูเครน). Suspilne. 2022-09-30. สืบค้นเมื่อ 23 October 2022.
- ↑ Федоркова, Тетяна (1 October 2022). "Російський обстріл колони під Куп'янськом на Харківщині: свідчення однієї з уцілілих". Суспільне | Новини (ภาษายูเครน). Suspilne. สืบค้นเมื่อ 23 October 2022.
- ↑ Федоркова, Тетяна (18 October 2022). "Слідчі знайшли ще одного загиблого від російського обстрілу колони під Куп'янськом і двох уцілілих дітей". Суспільне | Новини (ภาษายูเครน). Suspilne. สืบค้นเมื่อ 23 October 2022.
- ↑ Солодовнік, Марія (4 October 2022). "Розстріл колони під Куп'янськом: люди, які вижили, розказали про напад та свій порятунок". Суспільне | Новини (ภาษายูเครน). Suspilne. สืบค้นเมื่อ 23 October 2022.
- ↑ "Двох дітей, які вижили під час розстрілу колони під Куп'янськом, вдалося повернути додому. Ще двоє залишаються в руках окупантів" (ภาษายูเครน). Gordon.ua. 19 October 2022. สืบค้นเมื่อ 24 October 2022.
- ↑ "RUSSIAN OFFENSIVE CAMPAIGN ASSESSMENT, SEPTEMBER 10" (ภาษาอังกฤษ). Institute for the Study of War. September 10, 2022. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-03-25. สืบค้นเมื่อ 2 November 2022.
- ↑ "Обстріл автоколони на Харківщині: 24 загиблих, серед них вагітна і 13 дітей" [Shelling of a motorcade in Kharkiv Region: 24 dead, including a pregnant woman and 13 children]. Ukrainska Pravda (ภาษายูเครน). สืบค้นเมื่อ 2 November 2022.
- ↑ 8.0 8.1 8.2 8.3 8.4 Palikot, Aleksander; Skove, Sam (October 6, 2022). "In Eastern Ukraine, Survivors Of A Deadly Ambush Recall Their Desperate Escape". Radio Free Europe/Radio Liberty. สืบค้นเมื่อ December 10, 2022.
- ↑ 9.0 9.1 9.2 9.3 9.4 9.5 9.6 9.7 Vlasenko, Anna (November 10, 2022). "On Ukraine backroad, children's bodies and wreckage of civilian convoy shelled by Russians". Global News. สืบค้นเมื่อ December 10, 2022.
- ↑ "Знищена краса: Іоанно-Богословська церква в селі Курилівка на Куп'янщині" (ภาษายูเครน). Слобідський край. Хронограф. 16 October 2022.
- ↑ "На Харківщині звільнили Куп'янськ-Вузловий, ще 6% області – під окупацією" [In Kharkiv region, Kupyansk-Vuzlovy was liberated, another 6% of the region is under occupation]. Ukrainska Pravda (ภาษายูเครน). สืบค้นเมื่อ 2 November 2022.
- ↑ Fedorkova, Tatyana (September 30, 2022). "Російські окупанти обстріляли цивільну колону біля Куп'янська — військовий" [Russian occupiers fired at a civilian convoy near Kupyansk — a military one]. Suspilne.
- ↑ 13.0 13.1 "Розстріл автоколони під Куп'янськом: ідентифікували 12 із 26 жертв" [Shooting of a motorcade near Kupyansk: 12 out of 26 victims have been identified]. Ukrinform (ภาษายูเครน). สืบค้นเมื่อ 2 November 2022.
- ↑ 14.0 14.1 14.2 ""Пройшов 1,5 км та помер": правоохоронці виявили 26 жертву розстрілу колони на Харківщині" ["Walked 1.5 km and died": law enforcement officers found the 26th victim of the convoy shooting in the Kharkiv region]. Новини України - #Букви. 18 October 2022. สืบค้นเมื่อ 2 November 2022.
- ↑ "Знайдено 25 жертву розстрілу автоколони на Харківщині: літня жінка проповзла 200 м". Українська Правда. 12 October 2022.
- ↑ "Знайдено 25 жертву розстрілу автоколони на Харківщині: літня жінка проповзла 200 м" [The 25th victim of the motorcade shooting in Kharkiv region was found: an elderly woman crawled 200 miles]. Ukrainska Pravda (ภาษายูเครน). สืบค้นเมื่อ 2 November 2022.
- ↑ 17.0 17.1 "Експерти визначили, з якої зброї окупанти розстріляли колону на Харківщині" [Experts have determined with which weapon the occupiers shot the convoy in the Kharkiv region]. Ukrainska Pravda (ภาษายูเครน). สืบค้นเมื่อ 2 November 2022.