เลียม แกลลาเกอร์
เลียม แกลลาเกอร์ | |
---|---|
เลียม แกลลาเกอร์ | |
ข้อมูลพื้นฐาน | |
ชื่อเกิด | วิลเลียม จอห์น พอล แกลลาเกอร์ |
เกิด | 21 กันยายน พ.ศ. 2515 เบอร์นิจ, แมนเชสเตอร์, สหราชอาณาจักร |
แนวเพลง | ร็อก, บริตป็อป, อัลเทอร์เนทีฟ |
อาชีพ | นักร้อง, นักแต่งเพลง, นักออกแบบแฟชั่น |
เครื่องดนตรี | ร้องนำ, กลองเล็ก, กีตาร์, ฮาร์โมนิกา, เปียโน, แทมโบรีน |
ช่วงปี | 1991-ปัจจุบัน |
ค่ายเพลง | Creation, Big Brother, Epic, Beady Eye, Warner Bros. Records |
เว็บไซต์ | http://liamgallagher.com/ |
วิลเลียม จอห์น พอล แกลลาเกอร์ (อังกฤษ: William John Paul Gallagher; 21 กันยายน พ.ศ. 2515) เป็นทั้งนักร้อง นักแต่งเพลง นักดนตรีชาวอังกฤษ ฟร้อนต์แมนวงดนตรีโอเอซิส และอดีตผู้นำวงดนตรีบีดีอาย ด้วยพฤติกรรมคุ้มดีคุ้มร้าย ทัศนคติและท่าทีต่อต้านสังคม ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัญหาความรุนแรงในครอบครัวสมัยวัยเด็ก ส่งผลให้เลียมกลายเป็นประเด็นที่พูดถึงอย่างมากในหนังสือพิมพ์และข่าว ทำให้เขาเป็นบุคคลหนึ่งที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ดนตรีอังกฤษสมัยใหม่[1]
เลียม ยังมีสไตล์การร้องเพลงที่โดดเด่น ในท่าร้องเพลงแหงนหน้าหาไมค์ มือไขว้หลัง หรือที่เรียกว่า "Singing pose"[2] ซึ่งเขามักแสดงเช่นนี้ในทุกคอนเสิร์ตจนกลายเป็นเอกลักษณ์ โดยให้เหตุผลว่าการวางตำแหน่งไมโครโฟนไว้ระหว่างจมูกและปาก พร้อมทั้งย่อเข่ามือไขว้หลังนั้นจะช่วยให้เปล่งเสียงออกได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้แกลลาเกอร์ยังได้รับยกย่องให้เป็นหนึ่งในฟร้อนท์แมนตลอดกาลของวงการเพลงอีกด้วย
ถึงแม้ว่าพี่ชายของเขา โนล แกลลาเกอร์ เป็นผู้ประพันธ์เพลงให้วงโอเอซิสเป็นส่วนใหญ่ แต่เลียมก็มีโอกาสแต่งเพลง "Little James", "Better Man", "Songbird" , "Guess God Thinks I'm Abel", "Love Like A Bomb" และ "I'm Outta Time" เป็นซิงเกิ้ลของวงด้วย[3] ตั้งแต่โนล แกลลาเกอร์ได้ลาออกจากวงในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2552 เลียมยังคงทำผลงานเพลงต่อไปโดยก่อตั้งวงดนตรีร่วมกับอดีตสมาชิกวงโอเอซิส คือ เก็ม อาร์เชอร์, แอนดี เบล, คริส ชาร์ร็อก[4] ด้วยชื่อวงใหม่ "บีดีอาย"[5] ออกอัลบั้มได้เพียงสองชุด เลียมก็ประกาศยุบวงในวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2557
เลียมเป็นแฟนบอลของแมนเชสเตอร์ซิตี โดยมักจะออกมาแขวะแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเป็นประจำ
ประวัติ
[แก้]เลียม แกลลาเกอร์เกิดที่ย่านเบอร์นิจ เมืองแมนเชสเตอร์ เป็นลูกคนที่สามและเป็นลูกคนสุดท้องของครอบครัวชาวไอริช บิดาชื่อ ทอมัส แกลลาเกอร์ และมารดาชื่อเป็กกี้ แกลลาเกอร์ บิดาของแกลลาเกอร์ได้ใช้ความรุนแรงต่อครอบครัวอยู่บ่อยครั้ง โดยโนลพี่ชายของเขาถูกกระทำหนักที่สุด เลียมได้กล่าวว่าการทารุณกรรมของพ่อเป็นแรงผลักดันให้เขาอยากเป็นศิลปิน[6] เมื่อเลียมอายุประมาณ 7 ขวบ[7] เป็กกี้มารดาของเลียมพาลูกของเธอหนีจากสามี แม้ว่าเลียมยังคงติดต่อเป็นระยะ ๆ กับบิดาในช่วงวัยรุ่น แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพ่อยังคงไม่ลงรอยกันจนถึงปัจจุบัน
พอล พี่ชายของเลียม และโนลยังยืนยันอีกว่า เลียมในช่วงวัยรุ่นมีท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อผู้คน โดยเฉพาะกับโนลพี่ชายของเขาเพราะทั้งสองนอนห้องเดียวกัน เลียมถูกไล่ออกจากโรงเรียนเมื่ออายุ 15 ปี เพราะไปมีเรื่องทะเลาะวิวาท โนลกล่าวว่า เลียมเริ่มแสดงความสนใจในด้านดนตรีในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย เขามั่นใจในความสามารถในการร้องของตนเองเป็นอย่างมาก และเริ่มฟังวงดนตรีดัง ๆ ในสมัยนั้น เช่น เดอะสโตนโรสเซส, เดอะฮู, เดอะคิงส์, เดอะแจม, ที. เรกซ์ โดยเฉพาะวง เดอะบีเทิลส์ เลียมคลั่งไคล้จอห์น เลนนอนเป็นอย่างมาก แกลลาเกอร์ยืนยันอีกว่าเขาคือ เลนนอน ที่กลับชาติมาเกิดใหม่ แม้ว่าแกลลาเกอร์จะถือกำเนิดมาแล้ว 8 ปี ก่อนที่เลนนอนจะถูกฆาตกรรมก็ตาม แกลลาเกอร์ยังเป็นแฟนคลับตัวยงของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี อีกด้วย[8]
ชีวิตส่วนตัว
[แก้]เลียม แกลลาเกอร์ผ่านการสมรส 2 ครั้ง มีบุตรทั้งสิ้น 4 คน ได้แก่ลูกสาว 2 คนและลูกชาย 2 คน
แกลลาเกอร์เคยคบหากับ ลิซ่า มูริช นักร้องชาวอังกฤษ มีบุตรสาวคือ มอลลี่ มูริช กำเนิดเมื่อปี พ.ศ. 2540 หลังจากนั้นแกลลาเกอร์แต่งงานกับ แพทซี เคนซิท ดาราและนางแบบชาวอังกฤษ เมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2540 มีบุตรชายด้วยกันคนเดียว คือ เลนนอน ฟรานซิส แกลลาเกอร์ กำเนิดเมื่อปี พ.ศ. 2542 หนึ่งปีหลังจากนั้น แพทซีและแกลลาเกอร์ก็หย่าร้างกัน แกลลาเกอร์ให้กำเนิดบุตรคนที่สามกับ นิโคล แอปเพิลตัน โดยเป็นบุตรชายชื่อว่า ยีน แกลลาเกอร์ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2544 หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2551 แกลลาเกอร์และแอปเพิลตั้นก็แต่งงานกัน โดยที่โนล แกลลาเกอร์และสมาชิกของวง โอเอซิส ไม่มีใครรู้เลยจนกระทั่งพิธีวิวาห์ได้เริ่มขึ้นแล้ว
ต่อมาปี พ.ศ. 2557 แอปเพิลตั้นฟ้องหย่าแกลลาเกอร์อย่างเป็นทางการ หลังจาก ลิซ่า จอร์บานี นักข่าวบันเทิงฟรีแลนซ์ของนิวยอร์กไทม์ส ออกมาเปิดเผยว่าเธอมีบุตรสาววัย 7 เดือนกับแกลลาเกอร์ โดยทั้งคู่รู้จักกันหลังจากที่กอร์บานีได้สัมภาษณ์แกลลาเกอร์เมื่อครั้งเดินทางไปนิวยอร์กเมื่อ พ.ศ. 2553 เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้แอปเพิลตั้นโกรธมาก ต้องฟ้องหย่าในชั้นศาล ช่วงเวลานี้เองที่แกลลาเกอร์ไม่ได้ทำงานเพลง และต้องใช้เวลาอยู่แต่กับนักกฎหมายเป็นเวลาหลายปี ต้องใช้เงินจำนวนมากในการว่าความและขึ้นศาล
ปัจจุบัน แกลลาเกอร์คบหากับ เด็บบี้ กวิเธอร์ อดีตผู้จัดการส่วนตัววงบีดีอาย ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวให้แกลลาเกอร์ในฐานะศิลปินเดี่ยวด้วย[9]
ความสัมพันธ์ของสองพี่น้อง
[แก้]- เลียมกล่าวว่า เขาไม่ค่อยได้พูดคุยกับพี่ชายมากนักแทบที่จะไม่สนิทชิดเชื้อกันเลย ระหว่างทัวร์ครั้งสุดท้ายเขาและพี่ชายพูดคุยกันซึ่งๆหน้าเฉพาะตอนอยู่บนเวทีเท่านั้น
- ระหว่างทีไปทัวร์คอนเสิร์ตที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี พ.ศ. 2537 เลียมได้เปลี่ยนแปลงเนื้อร้องของเพลงโดยเจตนา เพื่อที่จะว่าร้ายทั้ง คนอเมริกา และโนล หลังการแสดงจบสองพี่น้องทะเลาะวิวาทถึงขั้นการปาเก้าอี้ใส่กัน โนลได้ถอนตัวออกจากทัวร์ในภายหลัง
- ระหว่างการบันทึกเสียงอัลบั้ม "(What's the Story) Morning Glory?" สองพี่น้องทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรงอีกครั้ง เนื่องจากเลียมได้เชิญชวนทุกคนในผับท้องถิ่นมาที่สตูดิโอบันทึกเสียงของทางวงโดยตอนนั้นโนลกำลังทำงานอยู่
- ในปี พ.ศ. 2552 ก่อนที่ โอเอซิส จะยุบวง โนลได้บรรยายลักษณะของเลียมไว้ว่า "หยาบคาย หยิ่งยโส อันธพาลและขี้เกียจ เขาเป็นบุคคลที่น่ารังเกียจที่สุดที่ผมเคยพบ เขาก็เหมือนกับส้อมในโลกของซุป" ฟางเส้นสุดท้ายระหว่างเลียมและโนลก็มาถึง เมื่อวงได้ไปแสดงคอนเสิร์ตที่ปารีส เนื่องด้วยความบาดหมางของทั้งสองคนที่มีอยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่คอนเสิร์ทจะเริ่ม ทั้งสองทะเลาะวิวาทกันอีกครั้ง เลียมบันดาลโทสะทำลาย กีต้าร์ ของโนล เป็นเหตุให้โนลประกาศแยกตัวจากวง โอเอซิส ในที่สุด
- ในปี พ.ศ. 2555 สามปีหลังจากที่แทบจะไม่ได้สื่อสารกับพี่ชายเลย มีการเปิดเผยว่าทั้งสองคนได้สื่อสารกันผ่านข้อความทางโทรศัพท์อย่างเป็นมิตร หลังจากที่ สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี ชนะพรีเมียร์ลีก แหล่งข่าววงในของสองพี่น้องกล่าวอีกว่า "ทั้งสองคนตื่นเต้นและมีความสุขมากๆ หลังจากที่ แมนเชสเตอร์ซิตีชนะ พวกเขาส่งข้อความทางโทรศัพท์ถึงกันและกันในที่สุดพวกเขาก็ลดความบาดหมางระหว่างกันและเริ่มติดต่อกันบ้างผ่านข้อความทางโทรศัพท์" หลังจากนั้นทั้งสองคนก็มาร่วมงานปาร์ตี้ของเพื่อนที่กรุง ลอนดอน ตามคำบอกเล่าของโนล ตอนแรกปาร์ตี้เป็นไปได้ด้วยดีแต่ก็จบลงด้วยการเถียงกันของทั้งคู่ เพราะโนลปฏิเสธที่จะรวมวง โอเอซิส ใหม่ภายในปี พ.ศ. 2558[10]
- สำหรับความสัมพันธ์ในทางที่ดีของเขากับโนล เขาเคยแสดงความเป็นมิตรกับพี่ชาย เมื่อถูกสื่อถามว่า "ใครเป็นผู้นำวงที่ดีที่สุด" เขาตอบว่า "โนล แกลลาเกอร์ไง อะไรคือคุณสมบัติของผู้นำวงที่ดีนะเหรอ? ก็คนที่ประพฤติตัวดีและไม่โดดโหยงเหยงไปมาเหมือนคนบ้าไง" "
ผลงาน
[แก้]- "Scorpio Rising" กับ เดทอินเวกัส (2002)
- "Shoot Down" กับ เดอะโพรดิจี อัลบั้ม Always Outnumbered, Never Outgunned (2004)
- "Carnation" กับศิลปินอื่น ๆ อัลบั้ม Fire and Skill: The Songs of the Jam (1999)
- "Love Me and Leave Me" กับ เดอะซีฮอร์ส อัลบั้ม Do It Yourself (1997)
- "Come On" กับ เดอะเวิร์ฟ อัลบั้ม Urban Hymns (1997)
- "Nothing Lasts Forever" กับ เอโค & เดอะบันนีเมน อัลบั้ม Evergreen (1997)
เลียม แกลลาเกอร์ กลับมาสร้างผลงานเพลงอีกครั้งในฐานะศิลปินเดี่ยวครั้งแรก โดยออกเดบิวต์อัลบั้มที่มีชื่อว่า "As You Were" วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560 ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ในแง่บวก พร้อมทั้งได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากแฟนเพลง อัลบั้มขึ้นชาร์ตอันดับ 1 ใน iTune ของ 10 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย มีซิงเกิ้ลฮิตอย่าง "Wall of Glass" , "For What It's Worth" และ "Come Back To Me" แกลลาเกอร์ได้ร่วมเขียนเพลงเอง โดยมี เกร็ก เคอร์สติน เป็นโปรดิวเซอร์ ซึ่งนิตยสารโรลลิ่งสโตนได้จัดอันดับให้อัลบั้ม As You Were ของเลียม แกลลาเกอร์ติด 1 ใน 50 อัลบั้มที่ดีที่สุดของปี 2560 โดยอยู่ลำดับที่ 37 ร่วมกับ "Who Built The Moon" อัลบั้มชุดที่ 3 ของพี่ชาย โนล แกลลาเกอร์
คอนเสิร์ตเลียม แกลลาเกอร์ในประเทศไทย
[แก้]วันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2561 เลียม แกลลาเกอร์ ได้เดินทางมาเล่นคอนเสิร์ต "Liam Gallagher Live In Bangkok 2018" ณ ไบเทคบางนา ฮอลล์ 106 ซึ่งนับว่าเป็นการเดินทางกลับมาเมืองไทยครั้งที่สามในรอบ 12 ปี บัตรขายหมดเกลี้ยงในชั่วโมงสุดท้ายก่อนคอนเสิร์ตจะเริ่ม สำหรับเพลงที่นำมาเล่นนั้น ประกอบด้วยเพลงสมัยวงโอเอซิส, บีดีอาย และเพลงใหม่จากอัลบั้ม As You Were
- Rock N Roll Star
- Morning Glory
- Greedy Soul
- Wall of Glass
- Paper Crown
- Bold
- For What It's Worth
- Soul Love
- Some Might Say
- Slide Away
- Come Back To Me
- You Better Run
- Be Here Now
- Cigarette and Alcohol
- Wonderwall
ทั้งนี้ ในคอนเสิร์ตไม่มีช่วง Encore โดยมีเพลง 2 เพลงที่ถูกตัดออกจากเซ็ทลิสต์ ได้แก่ Universal Gleam และ Live Forever ภายหลังแกลลาเกอร์ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า ขอบคุณชาวกรุงเทพฯสำหรับคอนเสิร์ตเมื่อคืน และเปิดเผยว่าตนหัวเสียกับระบบซาวด์ของทีมงานตัวเอง โดยในวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2561 ภายหลังสิ้นสุดการเล่นคอนเสิร์ตที่อินโดนีเซีย แกลลาเกอร์บินกลับมาพักผ่อนส่วนตัวที่จังหวัดภูเก็ต ประเทศไทย และชอบดื่มน้ำมะพร้าวมาก
ตอบทวิตให้กำลังใจนักฟุตบอลและโค้ช 13 ชีวิตติดถ้ำหลวง
[แก้]หลังจากเกิดเหตุการณ์นักฟุตบอลและโค้ชทีมหมูป่าอะคาเดมี่ ติดในถ้ำหลวง จ.เชียงราย ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2561 จนเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก มีคนดังระดับโลกหลายคนส่งกำลังใจมาให้ทีมกู้ภัยไทยและนานาชาติร่วมกันให้ความช่วยเหลือ จนกระทั่งวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 Liam Gallagher ก็เป็นคนดังอีกหนึ่งคนที่ส่งใจให้ภารกิจสำคัญในครั้งนี้ โดยทางเฟซบุ๊กเพจ All about RKID ระบุว่า
"อดทนไว้นะ ไม่ต้องกลัว"
Liam Gallagher ฟรอนต์แมนวง Oasis โพสทวิตเตอร์ให้กำลังใจ #ทีมหมูป่า หลังจากมีแฟนเพลงชาวไทยที่ใช้ชื่อ Karnbodi Ngamjit เข้าไปถามว่า อยากพูดอะไรกับเด็กไทยที่ติดอยู่ในถ้ำบ้าง?
ส่วนประโยคที่เลียมโพสต์ให้กำลังใจก็คือเนื้อร้องของเพลง 'Stop Crying Your Heart Out' จากอัลบั้ม Heathen Chemistry นั่นเอง
หมายเหตุ: ปกติเวลาที่ เลียม กัลลาเกอร์ ทวิตแต่ละครั้ง จะมีแฟนๆหลักร้อย-หลักพันเข้าไปคอมเม้นท์ โอกาสที่เลียมจะตอบทวิตใครนั้นค่อนข้างน้อยมาก ขึ้นอยู่กับว่าเลียมจะเลือกตอบคำถามไหน
อ้างอิง
[แก้]- ↑ http://www.imdb.com/name/nm0302427/bio
- ↑ 15. There Are Many Things That I Would Like To Say To You[ลิงก์เสีย], tadhgferry.com/ .วันที่ 20 มกราคม 2017
- ↑ [1]
- ↑ http://www.nme.com/news/oasis/48716
- ↑ http://www.nme.com/news/oasis/51231
- ↑ http://www.contactmusic.com/news.nsf/article/gallagher%20abuse%20made%20me%20a%20better%20artist_1051199
- ↑ http://www.nme.com/news/music/liam-gallagher-opens-childhood-abusive-father-2218716
- ↑ http://www.siamsport.co.th/othersports/view.php?code=120920031326
- ↑ [2]
- ↑ http://stopcryingyourheartoutnews.blogspot.gr/2012/05/noel-and-liam-gallagher-are-talking.html
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ เก็บถาวร 2014-07-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ทวิตเตอร์