ข้ามไปเนื้อหา

เยเรมิ ปิโน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก เยเรมี ปิโน)
เยเรมิ ปิโน
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม เยเรมิ เฆซุส ปิโน ซานโตส
วันเกิด (2002-10-20) 20 ตุลาคม ค.ศ. 2002 (22 ปี)
สถานที่เกิด ลัสปัลมัสเดกรันกานาเรีย สเปน
ส่วนสูง 1.72 เมตร (5 ฟุต 8 นิ้ว)
ตำแหน่ง กองหน้า
ข้อมูลสโมสร
สโมสรปัจจุบัน
บิยาร์เรอัล
หมายเลข 21
สโมสรเยาวชน
บาร์ริโออัตลันติโก
2011–2014 อูรากัน
2014–2017 ลัสปัลมัส
2017–2019 บิยาร์เรอัล
สโมสรอาชีพ*
ปี ทีม ลงเล่น (ประตู)
2019–2020 บิยาร์เรอัล เซ 20 (3)
2020– บิยาร์เรอัล 68 (10)
ทีมชาติ
2018 สเปน รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี 5 (1)
2018–2019 สเปน รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี 18 (2)
2019–2020 สเปน รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี 9 (2)
2021– สเปน รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี 6 (3)
2021– สเปน 6 (1)
เกียรติประวัติ
ฟุตบอลชาย
ตัวแทนของ ธงชาติสเปน สเปน
ยูฟ่าเนชันส์ลีก
รองชนะเลิศ อิตาลี 2021
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น
ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 17 ตุลาคม 2021
‡ ข้อมูลการลงเล่นและประตูให้แก่ทีมชาติล่าสุด
ณ วันที่ 10 ตุลาคม 2021

เยเรมิ เฆซุส ปิโน ซานโตส (สเปน: Yeremi Jesús Pino Santos; เกิด 20 ตุลาคม ค.ศ. 2002) บางครั้งเรียกว่า เยเรมิ เป็นนักฟุตบอลชาวสเปน ปัจจุบันลงเล่นในตำแหน่งกองหน้า ให้กับบิยาร์เรอัล สโมสรในลาลิกา และทีมชาติสเปน

ปิโนเกิดในลัสปัลมัสเดกรันกานาเรีย เขาเข้าร่วมทีมเยาวชนของบิยาร์เรอัล เมื่ออายุ 15 ปี ก่อนถูกพัฒนาขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ และเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ชนะเลิศยูฟ่ายูโรปาลีก ในปี ค.ศ. 2021 รวมถึงการผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในปีถัดมา

เขาเริ่มต้นลงเล่นให้กับทีมชาติสเปนชุดใหญ่มาตั้งแต่ ค.ศ. 2021 ในยูฟ่าเนชันส์ลีก รอบสุดท้าย ซึ่งจบลงด้วยการเป็นทีมรองชนะเลิศ เขายังเป็นตัวแทนของสเปนในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์

สโมสรอาชีพ

[แก้]

เยเรมิเกิดที่ลัสปัลมัสในแคว้นกานาเรียส เขาเข้าร่วมทีมเยาวชนของอูเด ลัสปัลมัส ในปี ค.ศ. 2014 หลังจากเคยอยู่กับอาเด อูรากัน และบาร์ริโออัตลันติโก[1] ในวันที่ 22 มิถุนายน ค.ศ. 2017 เขาย้ายร่วมทีมบิยาร์เรอัล หลังจากปฏิเสธข้อเสนอจากบาร์เซโลนา[2]

เยเรมิได้รับเลือกให้ลงเล่นกับบิยาร์เรอัล เซ (ทีมสำรองระดับที่สองในเตร์เซราดิบิซิออน) ครั้งแรกในวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 2019 ซึ่งออกไปเยือนเรกัมบิโอส โกลอง เซเด จากการเปลี่ยนตัวในครึ่งเวลาหลังลงมาแทนเฟร์นันโด นิญโญ เขายังทำประตูที่สามช่วยให้ทีมเอาชนะ 3–0[3] หลังจากจบฤดูกาล 2019–20 เขาทำสามประตูจากการลงเล่น 20 นัด และได้รับโอกาสให้ไปลงเล่นกับบิยาร์เรอัล เบ (ทีมสำรองระดับแรก) ในเซกุนดาดิบิซิออนเบฤดูกาลหน้า

หลังจากใช้เวลาช่วงปรีซีซั่นกับทีมชุดใหญ่ภายใต้การคุมทีมของอูไน เอเมรี เขาได้ลงเล่นกับทีมชุดใหญ่อย่างเป็นทางการในวันที่ 22 ตุลาคม ค.ศ. 2020 ในนัดที่เอาชนะ ซิวาสสปอร์ 5–3 ในรายการยูฟ่ายูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม จากการเปลี่ยนตัวลงมาแทนฟร็องซิส กอเกอแล็ง ในนาทีที่ 79 ที่เดลาเซรามิกา[4] ในอีกสามวันถัดมา เขาได้ลงเล่นในลาลิกาเป็นนัดแรก ในนัดเยือนที่เสมอกับกาดิซ 0–0 จากการเปลี่ยนตัวลงมาแทนปาโก อัลกาเซร์ ในช่วง 4 นาทีสุดท้าย[5] เขาทำประตูแรกให้กับเอดำน้ำสีเหลืองได้ในอีก 4 วันถัดมาในนัดที่พบกับคาราบัก ที่บากู หลังเปลี่ยนตัวลงมาแทนปาโก อัลกาเซร์ ในนาทีที่ 74 และทำประตูได้ในอีก 6 นาทีต่อมา ช่วยให้ทีมตีเสมอเป็น 1–1 ก่อนที่สุดท้ายพวกเขาจะแซงเอาชนะ 1–3[6] ในัวนที่ 12 พฤศจิกายน เขาได้ทำการต่อสัญญาของเขากับบิยาร์เรอัลออกไปจนถึงปี ค.ศ. 2024[7] ในวันที่ 5 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน เขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริงให้กับทีมเป็นครั้งแรกในนัดที่พบกับมัคคาบีเทลอาวีฟ และได้ลงเล่นจนจบเกมช่วยให้ทีมเอาชนะไป 4–0 ในวันที่ 22 พฤศจิกายน เขาทำประตูแรกในลาลิกาได้สำเร็จ โดยเกิดขึ้นในเกมเหย้ากับอัตเลติกบิลบาโอ ในนาทีที่ 74 หลังถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทนฆวน ฟอยต์ได้เพียง 8 นาที ซึ่งเป็นประตูตีเสมอ 1–1 ทำให้เกมจบลงด้วยผลคะแนนนี้

ในวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 เขาได้ลงเล่นในรอบชิงชนะเลิศของฟุตบอลยูฟ่ายูโรปาลีก ทำให้เขากลายเป็นนักฟุตบอลชาวสเปนที่อายุน้อยที่สุดที่ได้ลงเล่นในรอบชิงชนะเลิศของการแข่งขันฟุตบอลระดับทวีปยุโรป ด้วยวัย 18 ปีกับอีก 218 วัน ทำลายสถิติเดิมของอิเกร์ กาซิยัส ซึ่งลงเล่นในรอบชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกปี ค.ศ. 2000 ด้วยวัย 19 ปี 4 วัน โดยนัดนี้บิยาร์เรอัลต้องพบกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่ประเทศโปแลนด์ โดยเขาถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 77 และถูกแทนที่ด้วยปาโก อัลกาเซร์ ผลจบลงด้วยชัยชนะของบิยาร์เรอัลในช่วงการดวลลูกโทษ 11–10 หลังเสมอกันหลังจบช่วงต่อเวลาพิเศษ 1–1[8] ทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลระดับทวีปยุโรป ทำลายสถิติเดิมของ โรบิน ฟัน แปร์ซี ที่ชนะเลิศยูฟ่าคัพ ฤดูกาล 2001–02[9]

ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022 เยเรมิ ได้สร้างสถิติในการเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ทำแฮต-ทริกได้ในครึ่งแรกของลาลิกา ด้วยการทำสี่ประตู ในนัดที่เอาชนะแอร์ราเซเด อัสปัญญ็อล  5–1 ที่เอสตาดิโอเดลาเซรามิกา ซึ่งกลายเป็นคนเดียวที่ทำได้ถึงสี่ประตูในลาลิกาฤดูกาลดังกล่าว อีกด้วย[10]

ระดับทีมชาติ

[แก้]

เยเรมิ เป็นตัวแทนของทีมชาติสเปนตั้งแต่ระดับเยาวชน เขายังเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดอายุไม่เกิน 17 ปี ในการแข่งขันชิงแชมป์ยุโรป ในปี ค.ศ. 2019 ซึ่งสุดท้ายพวกเขาตกรอบในรอบรองชนะเลิศ เขายังเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดอายุไม่เกิน 21 ปี ในการแข่งขันชิงแชมป์ยุโรป ในปี ค.ศ. 2021 ที่โปรตุเกส ซึ่งพวกเขาตกรอบในรอบรองชนะเลิศจากการแพ้ต่อทีมเจ้าภาพ[11]

หลังจากการติดเชื้อโควิด-19 ของเซร์ฆิโอ บุสเกตส์ ทำให้ผู้เล่นบางส่วนต้องได้รับการกักตัว จึงจำเป็นต้องใช้ทีมชุดอายุไม่เกิน 21 ปีขึ้นมาลงเล่นในระดับทีมชุดใหญ่แทน ในวันที่ 8 มิถุนายน ค.ศ. 2021 เขาจึงได้ลงเล่นกับทีมชาติสเปนชุดใหญ่ครั้งแรก ซึ่งพบกับลิทัวเนีย โดยพวกเขาเอาชนะไปได้ 4–0 ที่เทศบาลบูร์ตาเก[12] ก่อนที่ ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2021 เขาได้ถูกเรียกติดทีมชุดแข่งขันยูฟ่าเนชันส์ลีก รอบสุดท้าย ที่ประเทศอิตาลี[13] และได้ลงเล่นนัดแรกในรอบรองชนะเลิศวันที่ 6 ตุลาคม ซึ่งเอาชนะอิตาลี 2–1 จากการเปลี่ยนตัวลงมาแทน เฟร์รัน ตอร์เรส ในนาทีที่ 49 ในอีก 4 วันถัดมา เขายังได้ลงเล่นในรอบชิงชนะเลิศกับฝรั่งเศส จากการเปลี่ยนตัวลงมาแทนปาโบล ซาราเบีย ในนาทีที่ 61 โดยสุดท้ายสเปนพ่ายแพ้ไป 1–2 ที่ซานซีโร ในวันที่ 29 เขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริงเป็นครั้งแรกในเกมกระชับมิตร พบกับไอซ์แลนด์ ที่เรียซอร์ เขายังโหม่งทำประตูได้ในนาทีที่ 47 ช่วยให้สเปนเอาชนะ 5–0[14]

ในวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 2022 เขาได้เป็น 1 ใน 26 คนที่มีชื่อติดทีมชาติเพื่อแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์[15]

เกียรติประวัติ

[แก้]

บิยาร์เรอัล

สเปน

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Yéremi: "La Copa Rodagon es un torneo muy especial para mí"" [Yéremi: "The Rodagon Cup is a very special tournament for me"] (ภาษาสเปน). Rodagon Sport. 20 February 2019. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-10-06. สืบค้นเมื่อ 22 November 2020.
  2. García de laSanta, Mario (22 June 2017). "Yéremi rechaza la oferta del Barça y ficha en el Villarreal" [Yéremi refuses the offer of Barça and signs for Villarreal] (ภาษาสเปน). La Provincia.
  3. "El Villarreal CF C demostró sus hechuras y ganó bien en El Perdiguer" [Villarreal C show their size and win comfortably at the El Perdiguer] (ภาษาสเปน). Golsmedia. 24 August 2019. สืบค้นเมื่อ 22 November 2020.
  4. "Villarreal 5–3 Sivasspor". UEFA.com. 22 October 2020. สืบค้นเมื่อ 22 November 2020.
  5. "La única que gana es la lógica" [The only one who wins is logic] (ภาษาสเปน). Marca. 25 October 2020. สืบค้นเมื่อ 22 November 2020.
  6. "Qarabağ 1–3 Villarreal". UEFA.com. 29 October 2020. สืบค้นเมื่อ 22 November 2020.
  7. "El Villarreal renueva y blinda a Baena, Yeremi Pino, Jorgensen y Fer Niño" [Villarreal renew and shield Baena, Yeremi Pino, Jorgensen and Fer Niño] (ภาษาสเปน). Sport. 12 November 2020. สืบค้นเมื่อ 22 November 2020.
  8. 8.0 8.1 "Villarreal 1-1 Manchester United (aet, 11-10 pens): Spanish side win Europa League in marathon shoot-out". UEFA. 26 May 2021.
  9. "Yeremy Pino: Villarreal wonderkid who rejected Barcelona". Goal.com. 26 May 2021.
  10. Martin, Richard (27 February 2022). "Ronaldo, Messi, Suarez, Griezmann and... Yeremy Pino". FourFourTwo. สืบค้นเมื่อ 27 February 2022.
  11. Segovia, Fran (12 December 2019). "Yeremi Pino shines with Spain U18s". Villarreal CF.
  12. "Oficial | Lista de convocados para el encuentro ante Lituania" [Official | Squad list for the match against Lithuania]. Royal Spanish Football Federation (ภาษาสเปน). 6 June 2021. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-10-08. สืบค้นเมื่อ 7 June 2021.
  13. "Italy v Spain game report". FIFA. 6 October 2021.
  14. "Spain 5–0 Iceland". BBC Sport. 29 March 2022. สืบค้นเมื่อ 5 April 2022.
  15. Luis Enrique names Spain's 2022 World Cup squad: Ansu Fati is not missing out marca 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 2022 สืบค้นเมื่อ 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 2022
  16. "France beat Spain to win Nations League". UEFA. Union of European Football Associations. 10 October 2021. สืบค้นเมื่อ 10 October 2021.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]