เตเฌเว
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
รถไฟเตเฌเวสองขบวนจอดเทียบชานชาลาสถานีการ์เดอเลสต์ในกรุงปารีส | |
ภาพรวม | |
---|---|
ที่ตั้ง | ฝรั่งเศส, เบลเยียม, ลักเซมเบิร์ก, เยอรมนี, สวิตเซอร์แลนด์, อิตาลี และสเปน |
วันที่ให้บริการ | พ.ศ. 2524–ปัจจุบัน |
ข้อมูลเทคนิค | |
ช่วงกว้างราง | 1,435 mm (4 ft 8 1⁄2 in) |
อื่น ๆ | |
เว็บไซต์ | TGV on sncf.com |
เตเฌเว (ฝรั่งเศส: Train à grande vitesse; TGV) เป็นบริการรถไฟความเร็วสูงและรถไฟทางไกลระหว่างเมืองของแอ็สแอนเซแอ็ฟ ผู้ให้บริการเดินรถไฟแห่งชาติฝรั่งเศส ได้รับการพัฒนาขึ้นในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1970 โดยฌีเออเซ-อัลสตอม (บริษัทอัลสตอมในปัจจุบัน) และแอ็สแอนเซแอ็ฟ เดิมถูกออกแบบให้ใช้พลังงานจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากังหันแก๊ส ต่อมารุ่นต้นแบบถูกพัฒนาให้เป็นรถไฟที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากวิกฤตการณ์น้ำมันในปี ค.ศ. 1973 ตามมาด้วยการเดินรถเที่ยวปฐมฤกษ์ระหว่างกรุงปารีสกับเมืองลียงในปี ค.ศ. 1981 ในสาย แอลฌีเวซูว์แด็สต์ (ฝรั่งเศส: LGV Sud-Est; Ligne à Grande Vitesse Sud-Est; รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเฉียงใต้) ซึ่งมีศูนย์กลางของโครงข่ายทางรถไฟดังกล่าวอยู่ที่กรุงปารีส ต่อมามีการขยายโครงข่ายเส้นทางให้บริการสู่เมืองต่าง ๆ ทั่วฝรั่งเศส และสู่ประเทศใกล้เคียงทั้งในรูปแบบรถไฟความเร็วสูงและรถไฟธรรมดา
รถไฟเตเฌเวทำลายสถิติความเร็วของรถไฟล้อเลื่อนแตะระดับความเร็วสูงสุดที่ 574.8 km/h (357.2 mph) ในวันที่ 3 เมษายน ค.ศ. 2007[1] ต่อมากลางปี ค.ศ. 2011 ขบวนรถเตเฌเวที่ให้บริการตามตารางเดินรถปกติให้บริการเดินรถที่ความเร็วสูงสุด 320 km/h (200 mph) ในสายแอลฌีเวเอสต์และสายแอลฌีเวเมดิเตอร์เรเนียน
จากรายงานของนิตยสารเรลเวย์กาเซตต์ (Railway Gazette) ในปี ค.ศ. 2007 เตเฌเวสร้างสถิติให้บริการเดินรถตามตารางปกติที่มีความเร็วตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางเฉลี่ยสูงสุดที่ 279.4 km/h (173.6 mph) ระหว่างช็องปาญ-อาร์เดนน์และลอร์แอน[2][3] จนกระทั่งเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2013 สถิตินี้ก็ถูกทำลายลงโดยรถไฟด่วน ฮาร์โมนีเอ็กซ์เพรส ของจีน[4]
จากความสำเร็จจากการเดินรถไฟแอลฌีเวเชิงพาณิชย์สายแรก เส้นทางสายแอลฌีเวซูว์แด็สต์จึงถูกขยายโครงข่ายไปทางใต้ในสายแอลฌีเวโรนาลป์ และสายแอลฌีเวเมดิเตอร์เรเนียน รวมไปถึงสายทางทิศตะวันตกอย่างแอลฌีเวอัตล็องติก (ฝั่งทะเลแอตแลนติก) สายเหนือแอลฌีเวนอร์ และสายตะวันออกแอลฌีเวแอ็สต์ จากความสำเร็จนี้เองที่ทำให้ประเทศเพื่อนบ้านอย่างอิตาลี, สเปน และเยอรมนี ลอกเลียนและพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงของตัวเองขึ้นมา ซึ่งบริการของเตเฌเวก็ขยายเส้นทางไปสู่ประเทศข้างเคียงทั้งในรูปแบบให้บริการโดยตรง (สวิตเซอร์แลนด์และอิตาลี) และผ่านโครงข่ายการให้บริการรถไฟความเร็วสูงอื่นที่เชื่อมโยงจากฝรั่งเศสสู่เบลเยียม, เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์ (รถไฟตาลิส) เช่นเดียวกับบริการรถไฟความเร็วสูงระหว่างสหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส และเบลเยียมของรถไฟยูโรสตาร์ ปัจจุบันมีการวางแผนขยายเส้นทางและสร้างเส้นทางใหม่หลายเส้นทาง ทั้งที่เป็นเส้นทางในฝรั่งเศสและเส้นทางเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้เตเฌเวยังให้บริการเดินรถไฟชานเมือง (TGV commuter) ที่ให้บริการในเขตชานเมืองรอบกรุงปารีส
ในปี ค.ศ. 2007 แอ็สแอนเซแอ็ฟมีผลประกอบการกำไรกว่า 1.1 พันล้านยูโร (ราว 1.75 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ, 875 ล้านปอนด์) โดยส่วนมากเป็นผลมาจากการให้บริการรถไฟความเร็วสูงในโครงข่ายที่เพิ่มขึ้น[5][6]
ประวัติ
[แก้]ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1960 เป็นช่วงที่ความคิดเรื่องรถไฟความเร็วสูงเกิดขึ้นในฝรั่งเศส โดยในยุคแรกนั้นมีความคิดที่ว่าจะทำรถไฟเป็นแบบใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าจากเครื่องยนต์กังหันแก๊ส (Gas-turbine) เนื่องจากรถไฟของแอ็สแอนเซแอ็ฟนิยมใช้เชื้อเพลิงดังกล่าวและราคาถูก จึงมีการเสนอต่อรัฐบาลฝรั่งเศสในการพัฒนาและวิจัยในด้านนั้น ในปี ค.ศ. 1967 รัฐบาลฝรั่งเศสจึงอนุมัติงบสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงในสายแรก หลังจากนั้นจึงได้เกิดรถไฟต้นแบบของเตเฌเว คือ TGV-001 และ TGV-002 โดยในขบวนรถนั้นประกอบด้วยมอเตอร์ที่ขับเคลื่อนบริเวณหัวและท้ายของขบวน ในขบวนมี 3 ตู้โบกี้ คือตู้ที่นั่งชั้น 1, ตู้ทดลอง และตู้ที่นั่งชั้น 2[7] โดยมอเตอร์จะควบคุมความเร็วรถไฟให้รถไฟมีความเร็วคงที่ตลอดเวลา TGV-001 ถูกทดสอบวิ่งจำนวน 5,227 เที่ยว รวมระยะทางเกือบ 500,000 กิโลเมตร และมีความเร็วเกิน 300 กม./ชม. ในการทดสอบจำนวน 175 เที่ยว ต่อมาในปี ค.ศ. 1974 ได้เกิดวิกฤติการณ์ราคาเชื้อเพลิงขยับสูงขึ้นจึงทำให้ต้องล้มเลิกการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในเตเฌเว และเปลี่ยนเป็นไฟฟ้าแทน ต่อมามีการสร้าง TGV Sud-Est 01 และ 02 โดยมีชื่อเล่นว่า Patrick และ Sophie ซึ่งเป็นตัวทดลองของรุ่น Sud-Est ซึ่งเมื่อทดสอบแล้วพบว่ามีปัญหามาก วิศวกรจึงได้ทำการปรับปรุง จนในวันที่ 25 เมษายน ค.ศ. 1980 ได้มีการนำ 03 มาทดสอบซึ่งได้ผลดีและในปีต่อมาจึงนำไปบริการในเส้นทางปารีส–ลียง
ระบบต่างๆ
[แก้]ระบบรางรถไฟ
[แก้]ในฝรั่งเศส รางรถไฟมีขนาดความกว้าง 1,435 มิลลิเมตร หรือ 1.435 เมตร (Standard gauge) เท่ากันทั้งรางปกติและรางรถไฟความเร็วสูง จึงทำให้เตเฌเวสามารถที่จะวิ่งทั้งในรางรถไฟปกติซึ่งใช้ร่วมกับรถไฟปกติและรางรถไฟความเร็วสูงที่สร้างสำหรับเตเฌเวโดยเฉพาะ ซึ่งในฝรั่งเศสมีเส้นทางรถไฟความเร็วสูงดังนี้
- LGV Sud-Est (LN1)
- LGV Atlantique (LN2)
- LGV Nord (LN3)
- LGV Interconnexion Est
- LGV Rhône-Alpes (LN4)
- LGV Méditerranée (LN5)
- LGV Est européenne (LN6)
- LGV Perpignan - Figueras
- LGV Rhin-Rhône (LN7)
และยังมีเส้นทางรถไฟความเร็วสุงซึ่งอยู่ในการก่อสร้าง ดังนี้
- LGV Est ในเฟสที่ 2
- LGV Sud Europe Atlantique (Tours–Bordeaux)
- LGV Bretagne-Pays de la Loire (Le Mans–Rennes)
- Nîmes-Montpellier bypass
ระบบไฟฟ้า
[แก้]ระบบการจ่ายไฟฟ้าในรางปกติและรางความเร็วสูงมีลักษณะคล้ายคลึงกัน คือใช้ระบบการจ่ายไฟแบบ Overhead Line (จ่ายไฟเหนือรถไฟ) แต่จะมีความแตกต่างที่ระบบทไฟฟ้าที่ป้อนให้ โดยในรางปกติจะใช้ความต่างศักย์ไฟฟ้าที่ 1.5 กิโลโวลต์ (kV) กระแสตรง ส่วนในรางความเร็วสูงจะใช้ที่ความต่างศักย์ 25 กิโลโวลต์ (kV) 50 เฮิรตซ์ (Hz) กระแสสลับ ซึ่งรถไฟสามารถที่ใช้กระแสไฟฟ้าทั้งสองระบบได้ รวมทั้งระบบไฟฟ้าอื่นที่ถูกเพิ่มเติมเข้าไปเพื่อใช้ในต่างประเทศ โดยการรับกระแสไฟฟ้าจากสายไฟฟ้าเหนือรถไฟทำได้โดยใช้แหนบรับไฟ (pantograph) แบบ z ในการรับกระแสไฟฟ้า
ระบบอาณัติสัญญาณ
[แก้]เนื่องจาก เตเฌเว เป็นรถไฟที่ใช้ความเร็วสูง ดังนั้นระบบอาณัติสัญญาณที่ใช้ทั่วไปในระบบรถไฟไม่สามารถใช้ได้ เนื่องจากพนักงานไม่สามารถเห็นป้ายความเร็วหรือแม้กระทั่งสัญญาณไฟที่อยู่บนรางรถไฟได้ จึงทำให้ต้องพัฒนาระบบอาณัติสัญญาณเพื่อที่จะรองรับรถไฟความเร็วสูง โดยฝรั่งเศสได้พัฒนาเป็นระบบ TVM โดยจัดเป็น Cab-Signalling เนื่องจากมีการแสดงผลในห้องคนขับ และคนขับจะปฏิบัติตามคำสั่งตามสัญญาณต่าง ๆ ที่อยู่บริเวณแผงหน้าปัดของรถไฟ โดย TVM จะแสดงผลเป็นรูปแบบตัวเลข สี เสียง หรือสัญญาณอื่น ๆ ว่า ต้องทำอะไรในต่อไปเพื่อลดข้อด้อยความสามารถในการมองเห็นของคนขับ ในการมองเส้นทางรถไฟในความเร็วสูง
รุ่นของ TGV
[แก้]-
TGV Sud-Est
-
TGV Atlantique
-
TGV Postal
-
TGV Réseau
-
TGV Iris 320
-
TGV Duplex
-
TGV TMST
-
TGV Thalys PBKA
-
TGV POS
-
TGV 2N2
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "French Train Hits 357 mph Breaking World Speed Record". foxnews.com. 4 April 2007. สืบค้นเมื่อ 11 February 2010.
- ↑ "World Speed Survey: New lines boost rail's high speed performance". Railway Gazette International. 4 September 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-07-13. สืบค้นเมื่อ 1 May 2009.
- ↑ "Railway Gazette International 2007 World Speed Survey Tables" (PDF). Railway Gazette International. September 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2009-07-31. สืบค้นเมื่อ 2019-11-21.
- ↑ "World Speed Survey 2013: China sprints out in front". Railway Gazette International. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-06-26. สืบค้นเมื่อ 2 July 2013.
- ↑ David Gow (9 July 2008). "Europe's rail renaissance on track". guardian.co.uk. London. สืบค้นเมื่อ 9 February 2010.
- ↑ Ben Fried (15 July 2008). "French Trains Turn $1.75B Profit, Leave American Rail in the Dust". Streetsblog New York City. streetsblog.org. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-03-22. สืบค้นเมื่อ 9 February 2010.
- ↑ http://www.trainweb.org/tgvpages/history.html
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- Official SNCF Website (ภาษาอังกฤษ)
- Official TGV Website (ภาษาอังกฤษ)