ข้ามไปเนื้อหา

เซเลอร์มูน R "สงครามปีศาจดอกไม้จากอวกาศ"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เซเลอร์มูน R "สงครามปีศาจดอกไม้จากอวกาศ"
ภาพตัวอย่างโปสเตอร์ในโรงภาพยนตร์
กำกับคุนิฮิโกะ อิคุฮาระ
เขียนบทนาโอโกะ ทาเคอุจิ,
สุเกะฮิโระ โทมิตะ
อำนวยการสร้างสึโทะมุ โทมาริ
นักแสดงนำญี่ปุ่น โคโตโนะ มิตสึอิชิ
โทรุ ฟุรุยะ

ฮิคารุ มิโดริคาวะ
ยูมิ โทมะ
กำกับภาพโมโตอิ ทากาฮาชิ
ตัดต่อยาสุฮิโระ โยชิคาว่า
ดนตรีประกอบทากะโนริ อาริซะว่า
ผู้จัดจำหน่ายญี่ปุ่น โตเอแอนิเมชัน
ไทย ไทก้า (TIGA)
วันฉายญี่ปุ่น 5 ธันวาคม 2536
ความยาว60 นาที
ประเทศญี่ปุ่น
ภาษาญี่ปุ่น
ไทย
ทำเงิน2,210,000,000 เยน
ก่อนหน้านี้เซเลอร์มูน (อนิเมะ)
ต่อจากนี้เมคอัพ! เซเลอร์เซนชิ
ข้อมูลจาก All Movie Guide
ข้อมูลจาก IMDb

เซเลอร์มูน R สงครามปีศาจดอกไม้จากอวกาศ (ญี่ปุ่น: 劇場版 美少女戦士セーラームーンRโรมาจิGekijōhan Bishōjo Senshi Sailor Moon R) หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า Sailor Moon R the Movie: Promise of the Rose เป็นภาพยนตร์ตอนแรกในเนื้อเรื่องเซเลอร์มูน ซึ่งได้เข้าฉายในประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2536 ฉายพร้อมกับเรื่อง เมคอัพ! เซเลอร์เซนชิ และ หนักแน่นเข้าไว้ สึโยชิ โดยเหตุการณ์ของภาพยนตร์นั้นอยู่ในช่วงกลางเรื่องของเซเลอร์มูน R ในช่วงระหว่างตอนที่ 77 ถึง 82 ส่วนรายได้รวมวันออกฉายของเรื่องคือ 2,210,000,000 เยน ติดอันดับภาพยนตร์ญี่ปุ่นทำรายได้ในประเทศญี่ปุ่นอันดับที่ 7 ในปี พ.ศ. 2537 และติดอันดับที่ 10 ของผลโหวตอนิเมะกรังปรีซ์ ครั้งที่ 17 จาก นิตยสารอะนิเมจ ต่อมาได้ผลิตออกมาในรูปแบบ วิดีโอ เลเซอร์ดิสก์ และวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2547 ก็ผลิตออกมาในรูปแบบดีวีดีบ็อกเซ็ทที่ประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย

เนื้อเรื่อง

[แก้]

ฉากเปิดเรื่องนั้น พวกอุซางิได้ไปเที่ยวที่สวนอุทยานดอกไม้ แต่ได้เกิดพายุดอกไม้ที่รุนแรงจนได้พบ ฟิโอเร ชายหนุ่มจากต่างดาว ซึ่งเกลียดพวกมนุษย์ เพราะเข้าใจว่ามนุษย์ได้ทอดทิ้ง จิบะ มาโมรุ เขาจึงทำร้ายสึคิโนะ อุซางิ แล้วก็หายตัวไป ต่อมาที่ศาลเจ้า ลูน่าและอัลเทมิสได้พบดาวเคราะห์ประหลาด ซึ่งมีลักษณะคล้ายเมล็ดพันธุ์พืช ซึ่งดาวดวงนี้จะมีผลกระทบต่อต้นไม้ แต่ในขณะที่ทุกคนคุยกัน อุซางิก็ได้คิดถึงเรื่องมาโมรุที่อยู่ตัวคนเดียว ไม่มีครอบครัว

ในขณะเดียวกันฟิโอเรได้ส่งปีศาจดอกไม้ลงมาบนโลก Glycina ได้ดูดพลังงานของมนุษย์ในโตเกียว เมื่อพวกอุซางิมาเห็นก็ได้แปลงร่างต่อสู้กับปีศาจ จนมาเจอกับฟิโอเร ฟิโอเรได้ทำร้ายเหล่าอัศวินเซเลอร์จนบาดเจ็บสาหัส และหลังจากนั้นฟิโอเรก็จะทำร้ายเซเลอร์มูน แต่หน้ากากทักซิโด้มาห้ามไว้ พร้อมบอกให้ไว้ใจมนุษย์ แต่ฟิโอเรไม่เชื่อก็เกิดการต่อสู้กัน ในขณะเดียวกันเซเลอร์มูนจะโดนทำร้าย แต่หน้ากากทักซิโด้ปกป้องเซเลอร์มูนจึงได้รับบาดเจ็บสาหัส ฟิโอเรสำนึกผิดจึงนำมาโมรุไปรักษาที่ดาวของตน

ต่อมาพวกอัศวินได้วางแผนที่จะไปช่วยมาโมรุและได้รู้ว่าฟิโอเรได้ถูกดอกเซเนียนควบคุมจิตใจอยู่ แต่ว่าอุซางิเกิดความกลัว อุซางิน้อยจึงสอนให้อุซางิเกิดความกล้าที่จะเผชิญหน้าความจริง ต่อมาทุกคนได้ใช้เซเลอร์เทเลพอร์ต เดินทางไปยังดวงดาวที่ฟิโอเรอยู่ และได้พบกับปีศาจเซเลอร์วีนัสจึตัดสินใจพุ่งชนปีศาจตัวนั้นจนปีศาจสลายร่าง ในขณะที่เซเลอร์มูนจะไปช่วยมาโมรุ ฟิโอเรก็ปรากฏพร้อมกับเรียกสมุนปีศาจดอกไม้ออกมา พวกเซเลอร์มูนจึงได้ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ในขณะที่สู้กันจนกำลังหมด เซเลอร์มาร์สจึงตัดสินใจผลักเซเลอร์มูน เพื่อไม่ให้ปีศาจดอกไม้ถล่มใส่ร่าง ต่อมาฟิโอเรปรากฏขึ้นพร้อมกับเหล่าอัศวินเซเลอร์ทั้ง 4 ที่หมดสติอยู่ เซเลอร์มูนจะลงมือโดยใช้คฑา แต่ฟิโอเรขู่ว่าถ้าทำลายดอกไม้ปีศาจจะทำร้ายเหล่าอัศวินเซเลอร์ แต่แล้วฟิโอเรได้พ่ายแพ้ความอ่อนโยนของเซเลอร์มูนที่มีต่อเพื่อนๆ ต่อมาฟิโอเรก็โดนเซเนียนสะกดจิตอีกครั้งจึงได้มีพลังเพิ่มขึ้นและได้จับและปลดปล่อยพลังงานของเซเลอร์มูน เพื่อให้ดอกไม้ของเซเนียนได้รับพลังงาน (เป้าหมายคือต้องการให้ดอกเซเนียนปกคลุมโลกทั้งใบ) และเมื่อพลังงานของเซเลอร์มูนหมด ฟิโอเรก็จะฆ่าเซเลอร์มูน แต่ว่ามาโมรุมาช่วยไว้ทัน

ทำให้ความตั้งใจของฟิโอเรที่จะมอบดอกไม้ให้มาโมรุ เปลี่ยนมาเป็นนำดาวมาพุ่งชนโลกแทน แต่ว่าอุซางิไม่ยอม อุซางิตื่นขึ้นพร้อมกับแสงผลึกเงินมายา ทำให้ฟิโอเรย้อนไปในอดีตที่มาโมรุเคยให้ดอกกุหลาบ ซึ่งทำให้ฟิโอเรรู้ว่าดอกกุหลาบที่มาโมรุให้ในวัยเด็กนั้นมาจากอุซางิในวัยเด็กนั้นเอง ฟิโอเรซาบซึ้งใจพร้อมกับสลายร่างไปหร้อมกับดอกเซเนียน แต่ทว่าดาวหางนั้นยังคงพุ่งชนโลกต่อไป อุซางิจึงกลายร่างเป็นเจ้าหญิงเซเรนิตี้ และใช้ผลึกเงินมายาบวกกับพลังดวงดาวของอัศวินเซเลอร์ทั้ง 4 เปลียนทิศทางพุ่งชนได้สำเร็จ แต่ว่าผลึกเงินมายานั้นก็ได้แตกออกนั้นหมายความว่า อุซางิต้องเสียชีวิตด้วย ในขณะเดียวกันที่โลกลูน่าห่วงอุซางิมาก แต่อุซางิน้อยก็ปลอบใจพร้อมบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง ต่อมาที่ดาวหางอุซางิได้เสียชีวิตแล้ว แต่ว่าฟิโอเรได้มอบดอกไม้ที่สะสมพลังของเขาทั้งหมดให้มาโมรุ จนอุซางิฟื้นขึ้นด้วยจบของมาโมรุพร้อมกับผลึกเงินมายาได้กลับมารูปร่างเดิม ทำให้ทุกคนดีใจจนน้ำตาไหล

ตัวละครใหม่ในภาพยนตร์

[แก้]
ฟิโอเร (ญี่ปุ่น
フィオレโรมาจิFiore)
ชื่อเต็มคือ ฟิโอริเอล (ญี่ปุ่น: フィオリエイルโรมาจิFiorieiru มาจากคำว่า Fiore (フィオレ) + alien (エイリアン))
หนุ่มน้อยจากต่างดาวที่เป็นเพื่อนของมาโมรุในวัยเด็ก เขาตกมาจากอวกาศด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนแอ จึงได้มารักษาตัวบนโลกมนุษย์ ต่อมาได้เดินทางหาดอกไม้ไปทั่วอวกาศ จนได้พบกับดอกกิเซเนียน และตกเป็นเครื่องมือของมัน (เพราะฟิโอเรสัญญากับมาโมรุว่ากลับมาที่โลกคราวหน้าจะหาดอกไม้มาฝาก) ที่หวังจะให้ดาวโลกถูกปกคลุมไปด้วยดอกกิเซเนียน และฟิโอเรก็เข้าใจผิดคิดว่ามนุษย์ได้ทอดทิ้งมาโมรุ เขาจึงตั้งใจที่จะทำลายโลก (พากย์เสียงโดย ฮิคารุ มิโดริคาวะ)
ข้อสังเกตของฟิโอเรคือ ลักษณะของเขาจะมีความคล้ายคลึงกับเอลและแอน มนุษย์ต่างดาวในซีรีส์ เซเลอร์มูน R ช่วงแรกๆ
ดอกกิเซเนียน (ญี่ปุ่น
キセニアンโรมาจิKisenian)
หรือ เซเนียน (Xenian) ในภาคภาษาอังกฤษ
ดอกกิเซเนียน ไม่สามารถทำอะไรได้ด้วยตนเอง จึงต้องหาร่างที่มีสภาพจิตใจอ่อนแอมาเป็นแขนขา (เช่นฟิโอเร) เพื่อใช้ในการยึดครองดวงดาว โดยในเรื่อง ลูนาร์ได้กล่าวไว้ว่าเป็นดอกไม้ทีอันตรายที่สุดในจักรวาล และอาร์เทมิสก็กล่าวว่าดอกกิเซเนียนเป็นดอกไม้ที่ทำลายดวงดาวมามากกว่า 100 ดวง (พากย์เสียงโดย ยูมิ โทมะ)

นักพากย์

[แก้]
  • สึคิโนะ อุซางิ พากย์โดย มิตสึอิชิ โคโตะโนะ
  • จิบะ มาโมรุ พากย์โดย ฟุรุยะ โทรุ
  • จิบะ มาโมรุ (วัยเด็ก) พากย์โดย เมงุมิ โองะตะ
  • อุซางิน้อย พากย์โดย อารากิ คาเอะ
  • มิซุโนะ อามิ พากย์โดย ฮิซาคะวะ อายะ
  • ฮิโนะ เร พากย์โดย โทมิซะว่า มิจิเอะ
  • คิโนะ มาโกโตะ พากย์โดย ชิโนะฮาระ เอมิ
  • ไอโนะ มินาโกะ พากย์โดย ฟูคามิ ริกะ
  • ลูน่า พากย์โดย ฮัง เคย์โกะ
  • อาร์เทมิส พากย์โดย ทาคาโตะ ยาสุฮิโระ
  • ฟิโอเร พากย์โดย มิโดริคาว่า ฮิคารุ
  • ฟิโอเร (วัยเด็ก) พาย์โดย มารุโอะ โทโมะโกะ
  • กิเซเนีย พากย์โดย โทมะ ยูมิ
  • กิชีน่า พากย์โดย ยามาซากิ วะกะนะ
  • กันพานิวล่า พากย์โดย นิชิคาว่า ฮิโรมิ
  • นักข่าว พากย์โดย โอบะ มาฮิโตะ

เพลงประกอบ

[แก้]
  • เพลงเปิดเรื่อง "ムーンライト伝説" (ตำนานแสงจันทร์)
ขับร้องโดย DALI
  • เพลงปิดเรื่อง "Moon Revenge"
ขับร้องโดย อัศวินเซเลอร์ (โคโตโนะ มิตสึอิชิ, อายะ ฮิซาคาวะ, มิจิเอะ โทมิซาวะ, เอมิ ชิโนฮาระ, ริกะ ฟุคามิ)

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]