เซอร์คอเนีย
บทความนี้ต้องการการจัดหน้า จัดหมวดหมู่ ใส่ลิงก์ภายใน หรือเก็บกวาดเนื้อหา ให้มีคุณภาพดีขึ้น คุณสามารถปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ได้ และนำป้ายออก พิจารณาใช้ป้ายข้อความอื่นเพื่อชี้ชัดข้อบกพร่อง |
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
ชื่อ | |
---|---|
IUPAC names
Zirconium dioxide
Zirconium(IV) oxide | |
ชื่ออื่น
Zirconia
Baddeleyite | |
เลขทะเบียน | |
ECHA InfoCard | 100.013.844 |
EC Number |
|
ผับเคม CID
|
|
CompTox Dashboard (EPA)
|
|
| |
คุณสมบัติ | |
ZrO 2 | |
มวลโมเลกุล | 123.218 กรัม/โมล |
ลักษณะทางกายภาพ | ผงขาว |
ความหนาแน่น | 5.68 กรัม/เซนติเมตร3 |
จุดหลอมเหลว | 2,715 องศาเซลเซียส (4,919 องศาฟาเรนไฮต์; 2,988 เคลวิน) |
จุดเดือด | 4,300 องศาเซลเซียส (7,770 องศาฟาเรนไฮต์; 4,570 เคลวิน) |
negligible | |
ความสามารถละลายได้ | soluble in HF, and hot H2SO4 |
ดัชนีหักเหแสง (nD)
|
2.13 |
อุณหเคมี | |
Std molar
entropy (S⦵298) |
50.3 J K−1 mol−1 |
Std enthalpy of
formation (ΔfH⦵298) |
–1080 กิโลจูล/โมล |
ความอันตราย | |
GHS labelling: | |
เตือน | |
H315, H319, H335 | |
P261, P264, P271, P280, P302+P352, P304+P340, P305+P351+P338, P312, P321, P332+P313, P337+P313, P362, P403+P233, P405, P501 | |
จุดวาบไฟ | ไม่ติดไฟ |
ปริมาณหรือความเข้มข้น (LD, LC): | |
LD50 (median dose)
|
> 8.8 กรัม/กิโลกรัม (oral, rat) |
เอกสารข้อมูลความปลอดภัย (SDS) | MSDS |
สารประกอบอื่นที่เกี่ยวข้องกัน | |
แอนไอออนอื่น ๆ
|
Zirconium disulfide |
แคทไอออนอื่น ๆ
|
Titanium dioxide Hafnium dioxide |
หากมิได้ระบุเป็นอื่น ข้อมูลข้างต้นนี้คือข้อมูลสาร ณ ภาวะมาตรฐานที่ 25 °C, 100 kPa
|
เซอร์โครเนียม ไดออกไซด์ (อังกฤษ: Zirconium dioxide; ZrO
2) อาจเป็นที่รู้จักในชื่อ เซอร์คอเนีย (อย่าสับสนกับเพทาย) เป็นคริสตัลออกไซด์สีขาวของเซอร์โครเนียม มักพบเป็นรูปโครงสร้างคริสตัลโมโนคลินิกซึ่งเป็นแร่ประเภทแบดเดเลไยต์ ส่วนคิวบิกเซอร์โคเนียเป็นแร่หลากสีที่ใช้เป็นรัตนชาติและเพชรจำลอง.[1]
เซอร์คอเนียทรงลูกบาศก์(Cubic zirconia)
[แก้]มีโครงสร้างผลึกเป็นทรงลูกบาศก์ของเซอร์คอนเนียมไดออกไซด์(ZrO2) วัสดุสังเคราะห์ที่มีความคงทน ไม่มีมลทิน ส่วนใหญ่ใสไม่มีสี แต่สามารถสังเคราะห์ได้หลากหลายสี ซึ่งแตกต่างกับเซอร์คอน(ZrSiO4)ในบางครั้งจะเรียกว่าเซอร์คอเนียมทรงลูกบาศก์(Cubic zirconium) เนื่องจากวัตถุดิบมีราคาถูก,คงทน และเมื่อมองด้วยตาเปล่าใกล้เคียงกับเพชร ดังนั้นเซอร์คอเนียจึงเป็นวัสดุสังเคราะห์ที่เลียนแบบเพชร ในชื่อทางการค้าว่า"Diamonique" ซึ่งยังมีวัสดุสังเคราะห์อื่นๆที่เลียนแบบเพชรเช่น โมนาไซด์สังเคราะห์,YAG
คุณสมบัติเด่น
[แก้]เซอร์คอเนียทรงลูกบาศก์ มีระบบผลึกแบบไอโซเมตริก ซึ่งเป็นลักษณะสำคัญของการเลียนแบบเพชร ขณะที่เซอร์คอเนียมไดออกไซด์สร้างรูปผลึกตามธรรมชาติเป็นMonoclinic ซึ่งรูปผลึกจะเสถียรได้ภายใต้สภาวะความดันบรรยากาศปกติ หากต้องการให้รูปผลึกทรงลูกบาศก์มีความเสถียรภายใต้อุณหภูมิปกติต้องใส่ยัทเทรียมออกไซด์หรือแคลเซียมออกไซด์ ปริมาณที่ใส่ขึ้นอยู่กับบริษัทที่ทำการผลิต ดังนั้นคุณสมบัติทางกายภาพและคุณสมบัติทางแสงจึงหลากหลาย
เซอร์คอเนียเป็นสสารที่หนาแน่น จากค่าความถ่วงจำเพาะระหว่าง 5.6 ถึง 6.0 ต่างจากเพชรเพียง 1.6 คุณสมบัติที่สำคัญอีอย่างหนึ่งคือค่อนข้างแข็ง ความแข็งตามโมส์สเกลคือ 8 ซึ่งแข็งมากกว่าอัญมณีธรรมชาติอื่นๆ ค่าดัชนีหักเหมีค่าสูงอยู่ในช่วง 2.15–2.18 (เมื่อเปรียบเทียบกับเพชร ซึ่งมีค่าดัชนีหักเห 2.42)และวาวแบบเพชร การกระเจิงแสงได้สูงอยูที่ 0.058–0.066 มากกว่าค่าของเพชรมากๆ(0.044) เซอร์คอเนียไม่มีแนวแตกเรียบ(Cleavage)และแสดงรอยแตกแบบก้นหอย เนื่องจากมีความแข็งมากทำให้แตกเปราะ ภายใต้แสงอัตราไวโอเลตที่เป็นคลื่นสั้น เซอร์คอเนียจะเรืองแสงมีเหลือง,เหลืองอมเขียวหรือ สีน้ำตาลอ่อน หินสีอาจแสดงสเปกตรัมการดูดกลืนธาตุที่พบยากบนพื้นผิวโลกที่มีความซับซ้อนและชัดเจน
นอกจากนี้มีออกไซด์ของโลหะที่ทำให้เกิดสีในเซอร์คอเนียทีหลากหลายเช่น ซีเรียม(Cerium)ให้สีเหลือง,ส้มและสีแดง, โครเมียม(Chromium)ให้สีเขียว,นีโอดิเมียม(Neodymium)ให้สีม่วง,เอเบียม(Erbium)ให้สีชมพู และไททาเนียม(Titanium)ให้สีน้ำตาลทอง
ประวัติ
[แก้]ถูกค้นพบเมื่อ ค.ศ.1892 แร่แบดเดเลย์ไอต์(Baddeleyite)มีระบบผลึก Monoclinicสีเหลืองเป็นรูปทรงตามธรรมชาติของเซอร์คอเนียมออกไซด์ มีความสำคัญทางเศรษฐกิจเพียงเล็กน้อยเนื่องจากหายาก จุดหลอมเหลวที่สูงมากของเซอร์คอเนีย(2750°C)ทำให้คุมการเจริญเติบโตของผลึกภายในเป้าหลอมยาก โดยจับวัตถุนั้นขณะถูกหลอมเหลว แต่อย่างไรก็ตามความเสถียรของเซอร์คอเนียมออกไซด์ทรงลูกบาศก์สามารถผลิตเซอร์คอเนียได้และผลิตในปีค.ศ. 1930 แม้ว่าทรงลูกบาศก์ใช้ในรูปของเซรามิกที่เป็นพหุผลึก(a polycrystalline ceramic) ซึ่งใช้เป็นฉนวนไฟฟ้าและทนต่อความร้อนได้มาก(จุดหลอมเหลวสูง) เจ็ดปีที่แล้วนักแร่วิทยาชาวเยอรมันชื่อ M. V. Stackelberg และ K. Chudoba พบเซอร์คอเนียที่เกิดจากธรรมชาติในรูปผลึก ส่งผลให้มีการผลิตโดยกระบวนการ Metamictizationแต่ทั้งสองท่านไม่คิดว่าไม่มีความสำคัญที่จะให้ชื่อทางการ สิ่งที่เป็นตัวพิสูจน์คือการกระเจิงของรังสีเอ็กซ์ ซึ่งต่อมาใช้เป็นวิธีการสังเคราะห์เซอร์คอเนีย
ข้อแตกต่างระหว่างเซอร์คอเนียกับเพชร
[แก้]- การกระเจิงแสง ในเพชรมีค่าการกระเจิง0.044 ส่วนในเซอร์คอเนียมีค่า 0.060l ดังนั้นมีการกระเจิงแสงที่ดีกว่าในเพชรเป็นหระกายมากกว่า
- ความแข็ง ตามโมล์สเกลเพชรแข็ง 10 แต่ เซอร์คอเนียแข็งมากที่สุด 8
- ความถ่วงจำเพาะ เมื่อเทียบในขนาดเดียวกัน เซอร์คอเนียหนักกว่าในเพชร
- ตำนิต่างๆ ในเซอร์คอเนียพบน้อยว่าเพชร ส่วนหนึ่งเนื่องจากเพชรมีแนวแตกเรียบ
- ค่าการหักเหแสง ในเซอร์คอเนียมีค่า 2.176 ส่วนเพชรมีค่า 2.417
- กรเจียระไน ได้รูปแบบที่แตกต่างกัน
- การนำความร้อน เซอร์คอเนียเป็นฉนวนความร้อนแต่เพชรเป็นตัวนำความร้อน
อ้างอิง
[แก้]- ↑ . doi:10.1016/j.progsolidstchem.2012.12.002.
{{cite journal}}
: Cite journal ต้องการ|journal=
(help);|title=
ไม่มีหรือว่างเปล่า (help)