ข้ามไปเนื้อหา

เจ้าอุตรการโกศล (ศุขเกษม ณ เชียงใหม่)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เจ้าอุตรการโกศล
(ศุขเกษม ณ เชียงใหม่)
ประสูติพ.ศ. 2423[1]
ถึงแก่กรรม20 มีนาคม พ.ศ. 2456 (33 ปี)
ภริยาเจ้าบัวชุม ณ เชียงใหม่
ราชสกุลณ เชียงใหม่
ราชวงศ์ทิพย์จักร
เจ้าบิดาเจ้าแก้วนวรัฐ
เจ้ามารดาเจ้าจามรีวงศ์

ร้อยตรี รองอำมาตย์ตรี[2] เจ้าอุตรการโกศล มีนามเดิมว่า เจ้าน้อยศุขเกษม (ไทยถิ่นเหนือ: ) (พ.ศ. 2423 - พ.ศ. 2456) เป็นราชโอรสองค์ใหญ่ในพลตรีเจ้าแก้วนวรัฐ สมรสกับเจ้าบัวชุม ณ เชียงใหม่ พระญาติในราชวงศ์ทิพย์จักร มีบรรดาศักดิ์เป็น "เจ้าอุตรการโกศล" ถือศักดินา 1,600

เจ้าน้อยศุขเกษม ถูกกล่าวถึงในบทเพลง มะเมี้ยะ ของจรัล มโนเพ็ชร ซึ่งกล่าวถึงตำนานรักต้องห้ามระหว่างเจ้าชายเมืองเหนือกับมะเมียะ สาวชาวพม่า แห่งเมืองมะละแหม่ง ที่จบลงด้วยความเศร้า

ประวัติ

เจ้าน้อยศุขเกษม ประสูติเมื่อปี พ.ศ. 2423 เป็นราชโอรสองค์ใหญ่ในเจ้าแก้วนวรัฐกับแม่เจ้าจามรีมหาเทวี มีน้องสาวและน้องชายร่วมพระมารดา คือ เจ้าบัวทิพย์ และเจ้าวงษ์ตะวัน ในปี พ.ศ. 2441 ในวัย 15 ปีก็ถูกส่งตัวไปศึกษายังโรงเรียนเซนต์แพทริคในเมืองมะละแหม่งของพม่า[3] และได้พบรักกับมะเมียะแม่ค้าสาวชาวพม่าในปี พ.ศ. 2445 จนกระทั่งได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยา ด้วยความสนับสนุนของทางบ้านของมะเมียะ

หลังจากเรื่องเจ้าศุขเกษมไปคบหากับสาวพม่าได้ยินมาถึงคุ้มเชียงใหม่ เจ้าศุขเกษมก็ถูกเรียกกลับเชียงใหม่ในปีพ.ศ. 2446 โดยมะเมียะปลอมตัวเป็นผู้ชายติดตามขบวนมาและให้คนสนิทปิดเรื่องนี้เป็นความลับ[4] หลังจากเรื่องแดง มะเมี๊ยะซึ่งเป็นคนพม่าและมีฐานะยากจน ก็ถูกคุ้มเชียงใหม่บีบบังคับให้แยกทางจากเจ้าศุขเกษมอย่างเด็ดขาด[3] โดยเจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ เคยให้สัมภาษณ์ต่อตำนานดังกล่าว ซึ่งเจ้าดวงเดือนรับฟังมาจากเจ้าแก้วนวรัฐ ความว่า:

ได้ข่าวจากเชียงตุงว่า…ไปเฮียนหนังสือมันก็บ่เฮียน ไปเมาสาวเหีย ถ้ามีลูกมีเต้าจะเยี๊ยะจะได เพราะว่าเขาต้องมาสืบความเป็นเจ้าหลวงต่อนะ มันบ่เฮียนหนังสือ เอามันกลับมาเหีย ก็เลยเอากลับมา มาก็มากันสองคน คนหนึ่งปลอมเป็นผู้ชายมาคือมะเมี๊ยะ มาแล้วก็บอกว่ามันอยู่กันบ่ได้เลย ก็เลยบอกว่าให้เอาอีมะเมี๊ยะไปส่งเหีย[3]

— เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่

มีผู้พยายามเสนอว่า การที่เจ้าศุขเกษมและมะเมียะต้องแยกทางกัน เพราะมะเมียะเป็นคนในบังคับอังกฤษเกรงจะเป็นปัญหาทางการเมืองระหว่างประเทศนั้น นักวิชาการได้ศึกษาค้นคว้าแล้วสรุปว่าไม่มีมูล[3] ดังที่ เจ้าอินทนนท์ ณ เชียงใหม่ สมรสกับเจ้าสุคันธา ณ เชียงตุง ก็ไม่เป็นปัญหาทางการเมืองแต่อย่างใด

เจ้าศุขเกษมได้เข้าพิธีสมรสกับเจ้าบัวชุม ณ เชียงใหม่ เจ้าศุขเกษมมีอุปนิสัยไม่เอาการเอางาน ชอบแต่สุรา ด้วยเหตุฉะนี้จึงได้รับแต่งตั้งเป็นเพียง "เจ้าอุตรการโกศล" ซึ่งไม่มีสิทธิขึ้นครองนครต่อเนื่องจากไม่ใช่ตำแหน่งเจ้าขันห้าใบ เจ้าศุขเกษมถึงแก่กรรมด้วยโรคเส้นประสาทพิการเรื้อรัง เมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2456 สิริอายุ 33 ปี[5] (นับแบบปัจจุบันตรงกับ พ.ศ. 2457) โดยมีพิธีปลงศพ ในวันที่ 31 สิงหาคม ของปีเดียวกัน

ลำดับสาแหรก

อ้างอิง

  1. "เจ้าน้อยศุขเกษม กับนางมะเมียะ". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-01. สืบค้นเมื่อ 2021-08-10.
  2. ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 28 หน้าที่ 2567 วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ร.ศ.130 พระราชทานยศหัวเมืองประจำตำแหน่ง [1]
  3. 3.0 3.1 3.2 3.3 มะเมี๊ยะ : เรื่องเก่าที่ต้องมองใหม่ สมฤทธิ์ ลือชัย. ศิลปวัฒนธรรม ฉบับ 2555. 20 ธันวาคม 2559
  4. วรชาติ มีชูบท, เจ้านายฝ่ายเหนือ และตำนานรักมะเมีย, กรุงเทพฯ : สร้างสรรค์บุ๊ค, 2556
  5. "ข่าวตาย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 30 (ง): 3080. 29 มีนาคม 2456. สืบค้นเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2562. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)

แหล่งข้อมูลอื่น