เจ้าหญิงเต่งกะด๊ะ
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
เจ้าหญิงเต่งกะด๊ะ | |||||
---|---|---|---|---|---|
![]() | |||||
เจ้าหญิงแห่งเต่งกะด๊ะ | |||||
ดำรงพระยศ | ราว พ.ศ. 2413– 2418 | ||||
ก่อนหน้า | Hteiktin Kodaw Thant | ||||
ถัดไป | เต่งกะด๊ะมินจี (ขุนนางแห่งเต่งกะด๊ะ) | ||||
เจ้าหญิงแห่งนะเมาะ | |||||
ดำรงพระยศ | พ.ศ. 2418– ? | ||||
เจ้าหญิงแห่งมโหย่ติ | |||||
ดำรงพระยศ | ? – พ.ศ. 2428 | ||||
ถัดไป | ตำแหน่งถูกยกเลิก | ||||
ประสูติ | พ.ศ. 2408 มัณฑะเลย์ | ||||
สวรรคต | พ.ศ. 2495 ย่างกุ้ง สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า (พระชนมายุ 87 พรรษา) | ||||
ฝังพระศพ | พระราชวังมัณฑะเลย์ | ||||
พระสวามี | เจ้าชายกอว์ลิ่น | ||||
| |||||
ราชวงศ์ | โก้นบอง | ||||
พระราชบิดา | พระเจ้ามินดง | ||||
พระราชมารดา | เจ้าจอมมารดาทยาสิ่น |
เจ้าหญิงเต่งกะด๊ะ (พม่า: တိုင်တားမင်းသမီး) ทรงเป็นเจ้าหญิงแห่งราชวงศ์โก้นบอง มีพระนามเดิมคือ เจ้าหญิงสุสิริจันทวดี (พม่า: သုသီရိစန္ဒာဝတီ; บาลี: Susīricandāvatī) เจ้าหญิงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าหญิงเต่งกะด๊ะเมื่อแรกประสูติ ก่อนที่พระราชบิดาจะเปลี่ยนบรรดาศักดิ์เป็น เจ้าหญิงมโหย่ติ (Princess of Myothit) พระองค์ยังเป็นที่รู้จักในนามช่างทองของราชวงศ์ ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านความเชี่ยวชาญการทำงานกับอัญมณีและโลหะมีค่า และทำเครื่องประดับสำหรับราชวงศ์[1]
พระประวัติ
[แก้]
สมัยราชอาณาจักร
[แก้]เจ้าหญิงสุสิริจันทวดี หรือ เจ้าหญิงเต่งกะด๊ะ เป็นพระราชธิดาลำดับที่ 63 ของพระเจ้ามินดง[2] ซึ่งประสูติแต่เจ้าจอมมารดาทยาสิ่น ณ พระราชวังมัณฑะเลย์ ในปี พ.ศ. 2408 มีพระเชษฐภคินีร่วมบิดามารดา 1 พระองค์ และพระขนิษฐาร่วมบิดามารดา 1 พระองค์ ได้แก่
- เจ้าหญิงนองมอญ (พ.ศ. 2402–หลัง พ.ศ. 2464)
- เจ้าหญิงเต่งกะด๊ะ
- เจ้าหญิงเมงหลง (พ.ศ. 2410–2441)
เจ้าหญิงเป็นพระราชธิดาที่ประสูติภายในเศวตฉัตร เจ้าหญิงทรงได้รับพระราชทานศักดินา "เต่งกะด๊ะ" (Taingda) จากพระเจ้ามินดง และกลายเป็นพระนามที่เรียกขานกันว่า "เจ้าหญิงเต่งกะด๊ะ[3] ต่อมา พ.ศ. 2409 พระเจ้ามินดงทรงเปลี่ยนศักดินาของเจ้าหญิงจาก "เต่งกะด๊ะ" เป็น "มโหย่ติ" (Myothit) ดังนั้นจึงมีสถานะเป็น "เจ้าหญิงมโหย่ติ"
ในปี พ.ศ. 2421 ขณะมีพระชนมายุราว 13 พรรษา พระเจ้ามินดง พระราชบิดาได้เสด็จสวรรคต เจ้าหญิงมโหย่ติทรงเป็นหนึ่งในเชื้อพระวงศ์ที่รอดพ้นการปลงพระชนม์หมู่ในเหตุการณ์รัฐประหารวังหลวงพม่า พ.ศ. 2421–2422 ที่ดำเนินการโดยพระนางซินผิ่วมะฉิ่น พระมเหสีตำหนักกลางในพระเจ้ามินดง และอัครมหาเสนาบดีในพระเจ้ามินดง คือ เกงหวุ่นมินจี ซึ่งเป็นพันธมิตรของพระนางซินผิ่วมะฉิ่น และเต่งกะด๊ะมินจี เสนาบดีผู้มีอิทธิพลในสภาลุดต่ออีกคนหนึ่ง[4] การก่อรัฐประหารครั้งนี้เพื่อเปิดทางให้พระเจ้าสีป่อ กษัตริย์พระองค์ใหม่ขึ้นสู่ราชบัลลังก์โก้นบองได้อย่างมั่นคง เหล่าพระเชษฐา อนุชาและพระภคินีต่างมารดาของเจ้าหญิงมโหย่ติที่มีสิทธิในราชบัลลังก์และอิทธิพลสูงในราชสำนักต่างถูกปลงพระชนม์ เจ้าหญิงมโหย่ติ และพระราชธิดาอีกสองพระองค์ของพระเจ้ามินดงที่ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาทยาสิ่น ไม่ได้ถูกปลงพระชนม์ อาจเป็นเพราะพระนางซินผิ่วมะฉิ่นเห็นว่าไม่ได้มีอิทธิพลอะไรในราชสำนัก และต่างยังเยาว์พระชันษา
เจ้าหญิงทั้งสามและเจ้าจอมมารดาทยาสิ่นประทับในพระราชวังหลวงอย่างสงบ ไร้ซึ่งบทบาทในราชสำนัก ภายใต้การปกครองของพระเจ้าสีป่อและพระนางศุภยาลัต พระมเหสีในพระเจ้าสีป่อ ช่วงนี้พม่ากำลังเผชิญภัยคุกคามจากจักรวรรดินิยมอังกฤษ ราชอาณาจักรล่มสลายลงโดยพระเจ้าสีป่อทรงครองราชย์ได้เพียง 7 ปีเท่านั้น พระองค์ทรงพ่ายแพ้ในสงครามอังกฤษ–พม่าครั้งที่สาม กองทัพอังกฤษได้บุกเข้าพระราชวังมัณฑะเลย์เพื่อเรียกร้องให้พระเจ้าสีป่อทรงยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไขภายใน 24 ชั่วโมง[5] และบีบบังคับให้พระเจ้าสีป่อสละราชบัลลังก์ พระองค์พร้อมพระราชินีศุภยาลัตและพระราชธิดาทรงถูกเนรเทศไปยังอินเดียในวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2428
หลังสมัยราชอาณาจักร
[แก้]หลังจากที่สถาบันกษัตริย์ล่มสลาย และพม่าอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ เจ้าหญิงทรงได้รับอนุญาตให้ประทับอยู่ในพม่า ไม่ต้องถูกเนรเทศ เจ้าหญิงเมงหลง พระขนิษฐาได้เสกสมรสกับเจ้าชายกอว์ลิ่น หนึ่งในพระโอรสของพระเจ้ามินดง ซึ่งมีพระชนมายุคราวเดียวกับเจ้าหญิงเมงหลง ทั้งคู่เสกสมรสในวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2437 และได้ย้ายไปพำนักที่ย่างกุ้ง มีพระธิดาร่วมกันสองพระองค์ แต่เจ้าหญิงเมงหลงได้สิ้นพระชนม์หลังมีพระประสูติกาลพระธิดาองค์ที่สอง ในปี พ.ศ. 2441 เจ้าหญิงมโหย่ติที่เสด็จมาประทับด้วยจึงต้องดูแลพระธิดาทั้งสองของพระขนิษฐา และในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2445 เจ้าหญิงมโหย่ติได้เสกสมรสกับเจ้าชายกอว์ลิ่น พระสวามีของพระขนิษฐา ณ ย่างกุ้ง ทั้งสองพระองค์ไม่มีบุตรร่วมกัน
เจ้าหญิง พระสวามีและพระธิดาเลี้ยงประทับร่วมกันที่ย่างกุ้ง เจ้าหญิงมะข่อง พระธิดาเลี้ยงองค์โต สิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2462 เจ้าหญิงนองมอญ พระเชษฐภคินีสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2464 เจ้าชายกอว์ลิ่น พระสวามีได้สิ้นพระชนม์ในวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2466 เจ้าหญิงเต่งกะด๊ะ หรือ เจ้าหญิงมโหย่ติ จึงทรงประทับอยู่กับพระธิดาเลี้ยงองค์ที่สอง คือ เจ้าหญิงมะซู และครอบครัวในย่างกุ้ง
เจ้าหญิงประทับอยู่ในย่างกุ้งเรื่อยมา พระชนมายุที่ยืนยาวทำให้ทรงผ่านพ้นเหตุการณ์สำคัญทั้งสงครามโลกครั้งที่สองที่ก่อให้เกิดการยึดครองพม่าของญี่ปุ่น เหตุการณ์ความตกลงเวียงปางหลวงในปี พ.ศ. 2490 และการประกาศอิสรภาพของพม่าในปี พ.ศ. 2491 เจ้าหญิงเต่งกะด๊ะ หรือ เจ้าหญิงมโหย่ติ สิ้นพระชนม์อย่างสงบ ณ ย่างกุ้ง ในปีพ.ศ. 2495 สิริพระชนมายุ 87 พรรษา
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Maung Than Swe (Dawei) (1999). Konbaung Shindan (Konbaung Explanations). pp. 147–152.
- ↑ http://www.royalark.net/Burma/konbau18.htm
- ↑ http://www.royalark.net/Burma/konbau18.htm
- ↑ H. Fielding (สุภัตรา ภูมิประภาส แปล), "ราชินีศุภยาลัต จากนางกษัตริย์สู่สามัญชน", กรุงเทพฯ:มติชน pp. 49; published 2015; ISBN 978-974-02-1439-7
- ↑ Synge, M.B. (1911). "Annexation of Burma". Growth of the British Empire. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-12-04. สืบค้นเมื่อ 2017-04-27.