ออกญาโกษาธิบดี (จีน)
ออกญาโกษาธิบดี (จีน) | |
---|---|
เสนาบดีกรมพระคลัง | |
ดำรงตำแหน่ง พ.ศ. 2246 – พ.ศ. 2273 | |
กษัตริย์ | สมเด็จพระเจ้าสุริเยนทราธิบดี สมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ |
ก่อนหน้า | เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน)[2] |
ถัดไป | ออกญาพระคลัง (จีน)[note 1] (พ.ศ. 2273 – 2276) |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เสียชีวิต | กรุงศรีอยุธยา อาณาจักรอยุธยา |
เชื้อชาติ | ไทยเชื้อสายจีน |
ออกญาโกษาธิบดี (จีน) เป็นเสนาบดีกรมพระคลังในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าเสือถึงสมเด็จพระเจ้าท้ายสระ และเคยเป็นแม่ทัพไปตีเมืองกัมพูชา
ประวัติ
[แก้]ประชุมพงศาวดาร ฉบับหอสมุดแห่งชาติ กล่าวถึง ออกญาโกษาธิบดี (จีน) ว่า :-
เจ้าพระยาพระคลังคนนี้เป็นคนที่พระเจ้าแผ่นดินที่สวรรคต [สมเด็จพระเจ้าสุริเยนทราธิบดี] โปรดปรานมาก และพระเจ้ากรุงสยามองค์ปัจจุบัน [สมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ] ก็เดินตามรอยพระราชบิดา ก็โปรดมากเหมือนกัน แต่การที่พระยาพระคลังทําตามใจจีนผู้เป็นบริษัทฮอลันดาทุกประการนั้น จึงเป็นการกระทําให้ความคิดของท่านเป็นที่ติดขัดไปหมด[4]: 195
เมื่อสมเด็จพระเจ้าท้ายสระขึ้นครองราชย์ใหม่ ๆ พระองค์มอบงานราชการบ้านเมืองส่วนใหญ่ให้ออกญาโกษาธิบดีเป็นคนจัดการ ออกญาโกษาธิบดีจึงใช้เส้นสายของตนแต่งตั้งคนจีนให้รับราชการในตำแหน่งที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการค้า[5]
บันทึกของมองเซนเยอร์ เดอซีเซ เขียนเมื่อ พ.ศ. 2257 กล่าวถึงออกญาโกษาธิบดี (จีน) รัชกาลสมเด็จพระเจ้าท้ายสระว่า :-
เจ้าพระยาพระคลังได้คิดอุบายหาผู้หญิงจีนเข้าไปไว้ในพระราชวังเพื่อให้คอยรับใช้พระมเหษี และเจ้านายผู้หญิง ส่วนราชการฝ่ายหน้านั้นตําแหน่งใดที่เป็นตําแหน่งสําคัญ ๆ เจ้าพระยาพระคลังก็ตั้งให้พวกจีนเข้ารับตําแหน่งนั้น ๆ และตําแหน่งหน้าที่ที่เกี่ยวด้วยการค้าขาย เจ้าพระยาพระคลังก็ตั้งให้พวกจีนเป็นหัวหน้า เพราะฉนั้นในเวลานี้การค้าขายในเมืองไทยจึงตกอยู่ในมือพวกจีนทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าพวกไทย มอญ แขก มลายู แขก มัว ไม่พอใจอย่างยิ่งในการที่ไทยลําเอียงเข้าข้างจีนเช่นนี้ก็ไม่กล้าพูดจาคัดค้านอย่างใด เพราะทราบอยู่ว่าพระเจ้าแผ่นดินทรงฟังเสียงพวกจีนโดยเจ้าพระยาพระคลังเป็นสาย[4]: 196 [6]: 25
ในปี ค.ศ. 1717 (พ.ศ. 2260) ได้รับพระราชโองการเป็นแม่ทัพเรือเดินทางไปตีเมืองพุทไธมาศของกัมพูชา ที่กำลังเกิดความวุ่นวายขึ้น พร้อมกับออกญาจักรีบ้านโรงฆ้องที่เป็นแม่ทัพบก แต่ด้วยไม่ชำนาญการศึกสงคราม ออกญาโกษาธิบดีจึงถูกกองทัพญวนและเขมรตีแตกพ่ายกลับมา พระเจ้าท้ายสระลงโทษให้ชดใช้อาวุธปืน กระสุนปืน และดินประสิว
ออกญาโกษาธิบดีจีนน่าจะได้เลื่อนเป็นเจ้าพระยาหลังจากนั้น ดังที่ปรากฏหลักฐานคือสนธิสัญญาที่สยามกับสเปนใน ค.ศ. 1718 (พ.ศ. 2261) กล่าวถึง "เจ้าพระยาพระคลัง" (chupahya barcalam)"[7]: 70 เช่นเดียวกับจดหมายที่โกษาธิบดีส่งไปถึงผู้สำเร็จราชการเมืองปัตตาเวียในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1719 (พ.ศ. 2262) ระบุบรรดาศักดิ์ของตนเองว่า "เจ้าพระยาศรีธรรมราชเดชะชาติอำมาตยานุชิตพิพิทรัตนราชโกษาธิบดีอภัยพิริยบรากรมภาหุ เจ้าพระยาพระคลัง (Sjopia Seri Dermaraat Ditsjat Tsjaat Amaat Tiaansjat Pipit Ratna Raat Kosa Tabdie Apia Piri Brakarma Pahok Tsjopia Berkelang)"[8][9]
ต่อมาในปี พ.ศ. 2264 พระเจ้าท้ายสระมีรับสั่งให้ออกญาโกษาธิบดีต่อเรือกำปั่นทอดสมออยู่ ณ วัดมเหยงคณ์ โดยใช้เวลา 5 เดือนจึงแล้วเสร็จเพื่อบรรทุกช้างส่งไปขายที่อินเดียตามความในพระราชพงศาวดารว่า
ทรงพระกรุณาตรัสสั่งโกษาธิบดีให้ต่อกำปั่น 3 หน้า ปากกว้าง 6 วา แล้วทรงพระกรุณาตรัสสั่งให้ติดสมอ ณ วัดมเหยงคณ์ต่อกำปั่น 5 เดือนเศษจึ่งสำเร็จแล้ว ๆ ให้ใช้ใบออกไปณเมืองมฤท แล้วให้ประทุกช้างออกไปจำหน่าย ณ เมืองเทศ 40 ช้าง
ออกญาโกษาธิบดี (จีน) ถูกปลดออกจากตำแหน่งเสนาบดีกรมพระคลัง เมื่อ พ.ศ. 2273 รัชกาลสมเด็จพระที่นั่งท้ายสระปรากฏใน จดหมายเหตุของสังฆราชเตเซียเดอเคราเลว่าด้วยไทยกดขี่บีบคั้นคณะบาทหลวง[10]: 100–102
ในวัฒนธรรมสมัยนิยม
[แก้]ในละครพีเรียดอิงประวัติศาสตร์เรื่องพรหมลิขิต มีการกล่าวถึงออกญาโกษาธิบดี (จีน) ซึ่งผู้ที่รับบทนี้คือ ชาย-ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ
อ้างอิง
[แก้]- หมายเหตุ
- ↑ ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ กล่าวถึง กบฏจีนนายก่ายรัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศว่า :- "การก่อกบฏของจีนในครั้งนี้อาจเกิดขึ้นจากการที่ชาวจีนซึ่งได้ดำรงตำแหน่งพระคลังในสมัยพระเจ้าท้ายสระถูกปลดเมื่อพระเจ้าบรมโกศขึ้นครองราชย์ เพราะพระยาพระคลังผู้นั้นสนับสนุนและฝักใฝ่อยู่ข้างเจ้าฟ้าอภัยและเจ้าฟ้าปรเมศร์"[3]: 117
- เชิงอรรถ
- ↑ มานพ ถาวรวัฒน์สกุล. (2536). ขุนนางอยุธยา. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับ มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์. 298 หน้า. ISBN 974-571-896-3
- ↑ บริหารเทพธานี, พระ. (2496). พงศาวดารชาติไทย เล่ม 5. พระนคร: ส.ธรรมภักดี. หน้า 486.
- ↑ นิธิ เอียวศรีวงศ์. (2547). การเมืองไทยสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี. (พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพฯ: มติชน. 615 หน้า. ISBN 978-974-3-23056-1
- ↑ 4.0 4.1 กรมศิลปากร. (2506). ประชุมพงศาวดาร ฉบับหอสมุดแห่งชาติ เล่ม ๙. พระนคร: ก้าวหน้า. 580 หน้า.
- ↑ Jurairat N. (2566, 31 ตุลาคม). ประวัติ พระยาโกษาธิบดีจีน ผู้ทรงอิทธิพลของชาวจีนในสมัยอยุธยา. Sanook.com. สืบค้นเมื่อ 31 ตุลาคม 2566.
- ↑ ชัย เรืองศิลป์. (2517). ประวัติศาสตร์ไทย สมัย ๒๓๕๒-๒๔๕๓ ตอนที่ ๑ ด้านสังคม. กรุงเทพฯ: บ้านเรืองศิลป์.
- ↑ FERDINAND C. LLANES. (2009). "DROPPING ARTILLERY, LOADING RICE AND ELEPHANTS: A SPANISH AMBASSADOR IN THE COURT OF AYUDHYA IN 1718", New Zealand Journal of Asian Studies, 11(1). (June 2009).
- ↑ "Letter from the Chaophraya Phrakhlang on behalf of King Thai Sa (r. 1709-1733) to the Supreme Government in Batavia, before March 1719, and the answer from Batavia, 18 August 1719 เก็บถาวร 2023-11-23 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน", DAILY JOURNALS OF BATAVIA, 31 MARCH 1719. Treasures from the the 17th and 18th VOC archive. Arship Nasional Republik Indonesia. Retrieved 23 Nov 2023.
- ↑ วิพากษ์ประวัติศาสตร์. (2019, 27 พฤศจิกายน). โกษาธิบดีจีน - อิทธิพลชาวจีนในรัชกาลพระเพทราชาถึงพระเจ้าท้ายสระ...[โพสต์และรูปประกอบ]. สืบค้นเมื่อ 31 ตุลาคม 2566. จาก Facebook @WipakHistory.
- ↑ "จดหมายเหตุของสังฆราชเตเซียเดอเคราเลว่าด้วยไทยกดขี่บีบคั้นคณะบาทหลวง เมื่อ พ.ศ. 2273", ประชุมพงศาวดาร เล่ม ๒๒ (ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๓๖(ต่อ) ๓๗ และ ๓๘) เรื่อง จดหมายเหตุของคณะบาทหลวงฝรั่งเศส ภาคที่ ๔ ตอน แผ่นดินพระเจ้าเสือ และพระเจ้าท้ายสระ. พระนคร: องค์การค้าของคุรุสภา, 2511. 312 หน้า.