อรรธนารีศวร
พระอรรธนารีศวร | |
---|---|
พระอรรธนารีศวร | |
ชื่อในอักษรเทวนาครี | अर्धनारीश्वर |
ชื่อในการทับศัพท์ภาษาสันสกฤต | Ardhanārīśvara |
ส่วนเกี่ยวข้อง | ปางรวมของพระศิวะและพระปารวตี |
อาวุธ | ตรีศูล |
พาหนะ | โคนนทิ (โดยทั่วไป), สิงโต (รวมด้วยบางครั้ง) |
พระอรรธนารีศวร (สันสกฤต: अर्धनारीश्वर, Ardhanārīśwara) เป็นรูปรวมเพศ (androgynous) ของเทพเจ้าฮินดูสององค์คือพระศิวะและพระปารวตี (ต่อมามักเรียกว่าเทวี, ศักติหรือศักติ-ศิวา และพระแม่อุมา) ลักษณะกายแบ่งครึ่งตรงกลางตามแนวตั้ง เท่า ๆ กัน ออกเป็นสองส่วน ครึ่งทางขวามือเป็นเพศบุรุษ คือพระศิวะ มีพระลักษณะแบบพระศิวะปางทั่วไป ส่วนฝั่งซ้ายปรากฏเป็นนารีผู้งดงาม คือ พระแม่ปารวตี
รูปเคารพพระอรรธนารีศวรที่เก่าแก่ที่สุดที่พบมาจากยุคจักรวรรดิกุษาณะ ราวคริสต์ศตวรรษที่หนึ่ง รูปเคารพมีการพัฒนาและสมบูรณ์ในยุคจักรวรรดิคุปตะ มีการระบุตำนานและประติมานวิทยาของพระอรรธนารีศวรในปุราณะต่าง ๆ พระอรรธนารีศวรสามารถพบรูปเคารพทั่วไปตามโบสถ์พราหมณ์ส่วนใหญ่ที่มีพระศิวะเป็นองค์ประธาน ถึงแม้ว่าโบสถ์พราหมณ์ที่สร้างโดยมีพระอรรธนารีศวรเป็นองค์ประธานโดยตรงจริง ๆ มีอยู่ไม่มาก
เทวตำนาน
[แก้]ส่วนนี้ไม่มีการอ้างอิงจากเอกสารอ้างอิงหรือแหล่งข้อมูล โปรดช่วยพัฒนาส่วนนี้โดยเพิ่มแหล่งข้อมูลน่าเชื่อถือ เนื้อหาที่ไม่มีการอ้างอิงอาจถูกคัดค้านหรือนำออก |
ในตำนานกล่าวว่า ในสมัยการสร้างจักรวาล กล่าวคือ พระพรหมได้รับภารกิจให้สร้างมนุษย์เพศชายเพียงเพศเดียว แต่เพศชายเพียงอย่างเดียวไม่มีกำลังในการขยายเผ่าพันธุ์ในโลกได้ ครั้งจะสร้างเพศหญิงขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าจะเอาแบบอย่างมาจากไหน พระพรหมจึงต้องบวงสรวง พระศิวะ เพื่อให้เสด็จมาแก้ปัญหาที่ค้างคาใจอยู่ พระพรหมบวงสรวงจนเป็นที่พอใจก็เลยเสด็จมา นับเป็นครั้งแรกที่มาในปางอรรธนารีศวร เพศหญิงและเพศชายที่รวมกันอยู่ในร่างเดียวกัน ทำให้พระพรหมเข้าใจในกำลังเสริมของเพศคู่นี้ อันจะนำมาซึ่งความอุดมสมบูรณ์และชีวิตใหม่
พระนาม
[แก้]คำว่าอรรธนารีศวร แปลตรงตัวว่า "เทพเจ้าบุรุษผู้ครึ่งหนึ่งทรงเป็นสตรี" พระนามอื่น ๆ ที่พบ เช่น อรรธนรนารี (अर्धनरनारी; ครึ่งบุรุษ-สตรี), อรรธนารีนเฏศวร (Ardhanarinateshvara; นฏราชผู้ทรงมีครึ่งหนึ่งเป็นสตรี),[1][2] ปรังคทะ (Parangada),[3] นรนารี (Naranari; บุรุษ-สตรี), อัมมิอัปปัน (Ammiappan; บิดา-มารดา ในภาษาทมิฬ)[4] และ อรรธยุวตีศวร (เทพเจ้าบุรุษที่ทรงมีครึ่งหนึ่งเป็นยุวสตรี ในภาษาอัสสัม)[5] เป็นต้น ในมหิมนสตวา (Mahimnastava) งานเขียนยุคคุปตะ เรียกปางนี้ว่า เทหรธฆัตนะ (dehardhaghatana; เขาและเธอเป็นครึ่งของกายหนึ่งเดียว) ส่วนในพฤหัตสังหิตา (Bṛhat Saṃhitā) เรียกว่า อรธ-เคารีศวร (Ardha-Gaurishvara; เทพเจ้าบุรุษซึ่งครึ่งหนึ่งเป็นผู้ที่ยุติธรรม คำว่า “เคารี” ซึ่งแปลว่าผู้ยุติธรรมในที่นี้คือพระปารวตี)[6] และในวิษณุธรรโมตตรปุราณะ (Vishnudharmottara Purana) เรียกสั้น ๆ เพียง เคารีศวร (Gaurishvara; เทพเจ้าบุรุษ, พระสวามีของพระเคารี[7]
ต้นกำเนิดและรูปเคารพในยุคแรก
[แก้]แนวคิดเรื่องพระอรรธนารีศวรนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากทั้งตัวละครในลักษณะรวมรูปที่พบในวรรณกรรมพระเวท พระยะมะ-ยะมี[8][9], คำอธิบายในพระเวทที่ระบุพระผู้สร้างในยุคแรก วิศวรูป หรือ ปรชปตี กับ เทพเจ้าแห่งไฟ อัคนี เป็น “กระทิงที่เป็นวัวด้วย”[10][11], อาตมัน (วิญญาณ) ในรูปมนุษย์จักรวาลรวมเพศ ปุรุษ ที่ระบุในพริหัถรันยกาอุปนิศัท[8] และตำนานกรีกโบราณที่พูดถึง รูปรวมเพศของเฮอร์มาโพรดิตุสและพริเกียน แอกดิสติส[10][12]
แนวคิดเรื่องพระอรรธนารีศวรนั้นมีต้นกำเนิดในจักรวรรดิกุษาณะและกรีกโบราณตามลำดับ ประติมานวิทยาเริ่มในสมัยกุษาณะ (ค.ศ. 30-375) และสมบูรณ์ในยุคคุปตะ (ค.ศ. 320-600)[13][14] แผ่นจารึกยุคกุษาณะจากยุคกลางศตวรรษที่หนึ่งที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์มฐุราแสดงให้เห็นภาพครึ่งบุรุษ-ครึ่งสตรี ท่ามกลางพระวิษณุ คชลักษมี และ ท้าวกุเวร[9][15] ครึ่งที่เป็นบุรุษมีอวัยวะเพศแข็งตัว (ithyphallic) หรือเรียกว่า “อุรธวลึงค์” ทำมืออภัยมุทรา ส่วนครึ่งสตรีมีหน้าอกกลม เชื่อกันว่าเป็นหลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดที่แสดงภาพของพระอรรธนารีศวร[9][16] ส่วนเศียรเทวรูปพระอรรธนารีศวรที่พบในยุคแรก ๆ ในราชฆัต ปัจจุบันจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์มฐุราเช่นกัน แสดงลักษณะที่ครึ่งหนึ่งทางขวาเป็นบุรุษมีเส้นผมที่พันกันยุ่ง และมีจันทร์เสี้ยวปักอยู่ ส่วนครึ่งทางซ้ายเป็นสตรี หวีผมเรียบร้อย และตกแต่งด้วยดอกไม้ เครื่องประดับ และปัตรกุนทลา (ต่างหู) ทั้งสองหน้ามีตาที่สามร่วมกันตรงกลาง[9]
นักเขียนชาวกรีก โสบีส (Stobaeus; ค.ศ. 500) เคยกล่าวถึงพระอรรธนารีศวร โดยยกคำของบาร์ดาซาเนส (Bardasanes: ค.ศ. 154-222) ผู้เรียนรู้เรื่องนี้มาจากทูตอินเดียที่เดินทางมาซีเรียในรัชสมัยของเอลกาบาลุส (Elgabalus; ค.ศ. 218-22)[8][13]
ตีความกันว่าพระอรรธนารีศวาเป็นความพยายามในการผสานความเชื่อของนิกายหลักของฮินดูสองนิกาย ไศวะ ซึ่งบูชาพระศิวะ และ ศักติ ซึ่งบูชามหาเทวี รูปรวมลัทธิที่คล้ายกันนี้ยังพบในพระหริหระ ปางรวมพระศิวะและพระวิษณุ (บูชาในไวษณพ)[3][17][18][19]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Monier Williams Sanskrit-English Dictionary (2008 revision)". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-05-24. สืบค้นเมื่อ 2021-10-03.
- ↑ Gopal, Madan (1990). K.S. Gautam (บ.ก.). India through the ages. Publication Division, Ministry of Information and Broadcasting, Government of India. p. 69.
- ↑ 3.0 3.1 Garg (ed), pp. 598–9
- ↑ Jordan, Michael (2004). Dictionary of gods and goddesses (2 ed.). Facts on File, Inc. p. 27. ISBN 0-8160-5923-3.
- ↑ Swami Parmeshwaranand p. 57
- ↑ Swami Parmeshwaranand p. 60
- ↑ Collins p. 80
- ↑ 8.0 8.1 8.2 Chakravarti p. 44
- ↑ 9.0 9.1 9.2 9.3 Swami Parmeshwaranand p. 58
- ↑ 10.0 10.1 Kramrisch pp. 200–3, 207–8
- ↑ Srinivasan p.57
- ↑ Daniélou pp. 63–7
- ↑ 13.0 13.1 Swami Parmeshwaranand pp. 55–6
- ↑ Chakravarti p. 146
- ↑ See image in Goldberg pp. 26–7
- ↑ Goldberg pp. 30
- ↑ Chakravarti p. 43
- ↑ Dehejia pp. 37–9
- ↑ Pande, Dr. Alka. "The Icon of Creation – Ardhanarisvara". Official site of author. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 July 2008. สืบค้นเมื่อ 6 February 2011.
บรรณานุกรม
[แก้]- Collins, Charles Dillard (1988). The iconography and ritual of Śiva at Elephanta. SUNY Press. ISBN 0-88706-773-5.
- Chakravarti, Mahadev (1986). The concept of Rudra-Śiva through the ages. Motilal Banarsidass Publ. ISBN 81-208-0053-2.
- Daniélou, Alain (1992). Gods of love and ecstasy: the traditions of Shiva and Dionysus. Inner Traditions International. ISBN 0-89281-374-1.
- Dehejia, Harsha V. (1997). Pārvatīdarpaṇa: an exposition of Kāśmir Śaivism through the images of Śiva and Parvati. Motilal Banarsidass Publ. ISBN 81-208-1484-3.
- Goldberg, Ellen (2002). The Lord who is half woman: Ardhanārīśvara in Indian and feminist perspective. SUNY Press. ISBN 0-7914-5325-1.
- Garg, Ganga Ram, บ.ก. (1992). Encyclopaedia of the Hindu world. Vol. 3: Ar-Az. Concept Publishing Company. ISBN 81-7022-376-8.
- Kramrisch, Stella (1981). The Presence of Siva. Princeton University Press. ISBN 0-691-01930-4.
- Rao, T.A. Gopinatha (1916). Elements of Hindu iconography. Vol. 2: Part I. Madras: Law Printing House.
- Srinivasan, Doris Meth (1997). Many Heads, Arms, and Eyes: Origin, Meaning, and Form of Multiplicity in Indian Art. BRILL. OCLC 208705592.
- Swami Parmeshwaranand (2004). "Ardhanārīśvara". Encyclopaedia of the Śaivism. Vol. 1. Sarup & Sons. ISBN 81-7625-427-4.
- Yadav, Neeta (2000). Ardhanārīśvara in art and literature. D.K. Printworld. ISBN 81-246-0169-0.