อนุสัญญากรุงบัวโนสไอเรส
อนุสัญญาบัวโนสไอเรส เป็นสนธิสัญญาด้านลิขสิทธิ์ ซึ่งลงนามที่กรุงบัวโนสไอเรส เมื่อวันที่ 11 เมษายน ค.ศ. 1910 ซึ่งกำหนดการรับรองลิขสิทธิ์ร่วมกัน แก่ผลงานที่มีข้อความระบุการสงวนสิทธิ์ (ข้อ 3) ซึ่งมักทำโดยการใช้วลี "สงวนลิขสิทธิ์" ติดกับข้อความสงวนลิขสิทธิ์ การนำไปปฏิบัตินั้นแตกต่างกันบ้าง โดยที่กฎหมายสหรัฐอเมริกากำหนดเพียงแต่ให้ระบุผู้ประพันธ์และปีที่พิมพ์เท่านั้น การคุ้มครองลิขสิทธิ์ภายใต้อนุสัญญาสำหรับเงื่อนไขสั้นกว่าของประเทศผู้คุ้มครองและประเทศอันเป็นแหล่งกำเนิดผลงานนั้น ("กฎแห่งเงื่อนไขสั้นกว่า", rule of the shorter term, ข้อ 6 และ 7) ธรรมชาติอันค่อนข้างคลุมเครือของการประกาศสงวนสิทธิ์นั้นนำไปสู่การพัฒนาถ้อยความที่ยาวขึ้นและเป็นภาษากฎหมายมากขึ้น ซึ่งได้ใช้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันแม้มีการพัฒนาในกฎหมายลิขสิทธิ์ระหว่างประเทศก็ตาม
อนุสัญญาดังกล่าวถือไว้โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยอนุสัญญาลิขสิทธิ์สากล เมื่อวันที่ 6 กันยายน ค.ศ. 1952 (ข้อ 18 แห่งรัฐบัญญัติเจนีวา) โดยการบัญญัติล่าสุดมาก่อนในกรณีที่เกิดความขัดแย้ง เพราะอนุสัญญาบัวโนสไอเรสไม่มีการแก้ไขเพิ่มเติม ข้อความสงวนลิขสิทธิ์เรียบง่ายจึงเพียงพอต่อการประกันการรับรองลิขสิทธิ์ระหว่างประเทศซึ่งเป็นภาคีต่ออนุสัญญาลิขสิทธิ์สากล (ยกเว้นเพียงฮอนดูรัสที่ไม่กระทำ) จนถึงวันที่ 23 สิงหาคม ค.ศ. 2000 ทุกภาคีอนุสัญญาบัวโนสไอเรสเป็นภาคีอนุสัญญาเบิร์นว่าด้วยการคุ้มครองงานวรรณกรรมและศิลปกรรม ซึ่งกำหนดให้การรับรองลิขสิทธิ์ระหว่างกันโดยไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองอย่างเป็นทางการไม่ว่าอย่างไรก็ตาม (ข้อ 5.2)
อนุสัญญาบัวโนสไอเรสได้กลายมาเป็น "ความตกลงพิเศษ" ในข้อบทข้อ 20 แห่งอนุสัญญาเบิร์น อนุสัญญาบัวโนสไอเรสยังมีผลใช้บังคับอยู่ ที่สำคัญคือการพิจารณาประเทศแหล่งที่มาของผลงานและข้อบทการคุ้มครอง ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ได้ในประเทศซึ่งใช้ "กฎแห่งข้อบทสั้นกว่า" คือ เมื่อผลงานนั้นตีพิมพ์พร้อมกันในประเทศภาคีอนุสัญญาและที่ไม่ใช่ภาคีอนุสัญญา ประเทศภาคีอนุสัญญาจะถูกถือว่าเป็นประเทศที่มาของผลงานโดยไม่สนใจถึงข้อบทการคุ้มครองในประเทศนอกภาคีอนุสัญญา