หมู่บ้านน้ำริดใต้
หมู่บ้านน้ำริดใต้ | |
---|---|
ป้ายหมู่บ้านน้ำริดใต้ ถ่ายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 | |
พิกัด: 17°40′34″N 100°07′19″E / 17.676215°N 100.121886°E | |
อักษรโรมัน | Ban Nam Rit Tai |
จังหวัด | อุตรดิตถ์ |
อำเภอ | เมืองอุตรดิตถ์ |
ตำบล | น้ำริด |
การปกครอง | |
• ผู้ใหญ่บ้าน | ศักดิ์สิทธิ์ สุขมั่น |
ประชากร | |
• ทั้งหมด | 1,262 คน |
รหัสไปรษณีย์ | 53000 |
หมู่บ้านน้ำริดใต้ หรือ บ้านใต้ เป็นหมู่บ้านหนึ่งในตำบลน้ำริด อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ ชาวบ้านส่วนใหญนับถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท มีวัดประจำหมู่บ้าน 1 แห่ง มีโรงเรียน 1 แห่ง ด้านเศรษฐกิจ ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่
ปัจจุบันหมู่บ้านน้ำริดใต้ อยู่ในระดับการปกครองพื้นที่มีหมู่เดียว จำนวนสี่ร้อยกว่าหลังคาเรีอน ปัจจุบันมีนายศักดิ์สิทธิ์ สุขมั่น เป็นผู้ใหญ่บ้านน้ำริดใต้[1]
ประวัติ
[แก้]ความเป็นมาชื่อหมู่บ้าน
[แก้]บ้านน้ำริดใต้ เป็นคำที่มาจากคำว่า “น้ำฤทธิ์” ซึ่งมีประวัติความเป็นมาจากในช่วงของสมัยปราบกบฏเงี้ยวเมืองแพร่ กองทัพสยามจากกรุงเทพ นำทัพโดยแม่ทัพใหญ่ เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสงชูโต) ขณะเดินทัพมาถึง จ.อุตรดิตถ์ เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2445 เพื่อไปปราบพวกกบฏเงี้ยวก่อการจลาจลที่เมืองแพร่ จึงได้ยกทัพมาต้านกองทัพเงี้ยวเอาไว้ ณ บริเวณเขาพลึง และได้อาศัยน้ำจากคลองริดเป็นแหล่งน้ำที่ใช้ อุปโภค – บริโภค ซึ่งในช่วยของการสู้รบกันนั้น ทหารของทัพเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสงชูโต) เกิดหมดแรง แต่เมื่อดื่มน้ำจากคลองริดแล้ว ทำให้มีเรี่ยวแรงมีฤทธิ์ขึ้นมาจากทำให้สามารถสู้รบเอาชนะกองทัพเงี้ยวได้ในที่สุด จึงเรียกว่า “คลองฤทธิ์” กันเรื่อยมา ต่อมาการออกเสียงคำว่า “ฤทธิ์” จึงค่อย ๆ กลายมาเป็นคำว่า “ริด” และใช้คำนี้สืบต่อกันเรื่อยมาจนปัจจุบัน[1]
พัฒนาการทางประวัติศาสตร์
[แก้]น้ำริด เดิมตั้งอยู่ในอำเภอลับแล ชาวบ้านที่อยู่ในตำบลน้ำริดบางส่วนเป็นคนภายในพื้นที่ บางส่วนมาจากอำเภอลับแล และบางส่วนก็อพยพมาจากจังหวัดแพร่ อันเนื่องมาจากภัยสงคราม ต่อมามีลูกหลาน มีประชากรเพิ่มมากขึ้น จึงได้ก่อตั้งมาเป็นแหล่งชุมชนจนถึงปัจจุบันและได้นำชื่อคลองมาตั้งเป็นตำบลน้ำริด และใช้ชื่อนี้มาเป็นชื่อตำบลจนถึงปัจจุบัน ปัจจุบันตำบลน้ำริดมีทั้งหมด 10 หมู่บ้าน
โดยหมู่บ้านน้ำริดใต้ หมู่ 1 นั้น เริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่เมื่อใด ไม่มีหลักฐานปรากฏแน่ชัด ชาวบ้านส่วนใหญ่ในชุมชนมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่นี่ อาศัยอยู่บริเวณริมฝั่งคลอง ประกอบอาชีพการเกษตรเป็นหลัก หลังจากที่กองทัพของเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสงชูโต) เสร็จศึกจากการปราบกองทัพเงี้ยวแล้วนั้น ทหารบางส่วนที่ได้ยกทัพกลับไป บางส่วนก็ได้สร้างหลักปักฐานอยู่บริเวณบ้านน้ำริดแห่งนี้[1]
สภาพด้านสังคม
[แก้]บ้านน้ำริดใต้ มีการบริการขั้นพื้นฐาน ถนน น้ำริด-หัวดง ตัดผ่านชุมชน การเดินทางสะดวก และอยู่ห่างจากอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร มีการบริการขนส่งสาธารณะ มีรถสองแถวประจำทางผ่านตลอดสาย ส่วนการขนส่งผลผลิตการเกษตรนิยมใช้รถไทยแลนด์และรถปิคอัพ เข้าสู่ตลาดหรือแหล่งรับซื้อผลผลิตทางการเกษตร มีสถานบริการเพื่อความสะดวกสำหรับประชาชน เช่น ตู้โทรศัพท์สาธารณะ ที่ทำการไปรษณีย์ หอกระจายข่าว ระบบสาธารณูปโภคทั้งไฟฟ้า น้ำประปา ใช้ครอบทุกครัวเรือน มีตลาดสด และมีแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อใช้ในการอุปโภคด้านต่าง ๆ ได้แก่ คลองริด คลองหวาย คลองผึ้ง และคลองโป่ง นอกจากนี้ยังมีสนามกีฬาซึ่งเป็นสถานที่ออกกำลังกายสำหรับเยาวชน และผู้สูงอายุ[1]
สภาพภูมิศาสตร์
[แก้]บ้านน้ำริดใต้ ตั้งอยู่ไกลจากตัวเมืองอุตรดิตถ์ประมาณ 8.6 กิโลเมตร มีแหล่งน้ำสำคัญคือคลองริดที่ไหลลสสู่แม่น้ำน่าน มีเส้นทางคมนาคมที่สำคัญคือทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 ถนน รพช และถนนลาดยาง เป็นเส้นทางหลัก โดยทั่วไปหมู่บ้านน้ำริดใต้ส่วนใหญ่ของประชากรเป็นพื้นที่ทำนา และพืชไร่เล็กๆ
บ้านน้ำริดใต้ มีอาณาเขตติดต่อกับหมู่บ้านใกล้เคียงดังนี้[1]
- ทิศเหนือ บ้านน้ำริดเหนือ หมู่ที่ 2 ตำบลน้ำริดอำเภอเมืองอุตดิตถ์
- ทิศตะวันออก ตำบลงิ้วงาม อำเภอเมืองอุตดิตถ์
- ทิศใต้ ตำบลท่าเสา อำเภอเมืองอุตดิตถ์
- ทิศตะวันตก บ้านไร่ หมู่ที่ 10 ตำบลน้ำริด และตำบลฝายหลวง อำเภอลับแลอำเภอเมืองอุตรดิตถ์
การปกครอง
[แก้]ทำเนียบผู้ปกครองหมู่บ้านน้ำริดใต้จากอดีตจนถึงปัจจุบัน[1]
- ขุนวารีฤทธิ์ดำรง ระหว่าง พ.ศ. 2483 ถึง พ.ศ. 2498
- ผู้ใหญ่ทอง ปาลาศ ระหว่างพ.ศ. 2499 ถึง พ.ศ. 2505
- ผู้ใหญ่ปา แก้วเปี้ย ระหว่างพ.ศ. 2506 ถึง พ.ศ. 2509
- กำนันปา แก้วเปี้ย ระหว่างพ.ศ. 2510 ถึง พ.ศ. 2518
- ผู้ใหญ่สนิท แก้วเปี้ย ระหว่างพ.ศ. 2519 ถึง พ.ศ. 2528
- ผู้ใหญ่ถนอม แก้วเปี้ย ระหว่างพ.ศ. 2529 ถึง พ.ศ. 2533
- ผู้ใหญ่ปราโมทย์ เทพประเสริฐ ระหว่าง พ.ศ. 2533 ถึง พ.ศ. 2551
- ผู้ใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ สุขมั่น ตั้งแต่ พ.ศ. 2551 ถึงปัจจุบัน
เศรษฐกิจ
[แก้]บ้านน้ำริดใต้ มีพื้นที่ทำการเกษตรเป็นส่วนใหญ่ ต้องอาศัยน้ำฝนเป็นหลัก นอกจากนั้นยังต้องอาศัยคลองริดที่ไหลผ่านหมู่บ้าน ช่วยในการทำนา ปลูกพืชไร่ ประชากรในพื้นที่ส่วนใหญ่จึงมีฐานะยากจน มีอาชีพหลัก 2 ประเภท คือ อาชีพเกษตรกรรมและทำสวน รับจ้างทั่วไป การประกอบอาชีพทางการกษตรได้แก่ การปลูกข้าวและปลูกถั่ว ส่วนอาชีพรับจ้าง จะเป็นการรับจ้างขึ้นต้นลางสาดจะเป็นประเภทการรับจ้างรายวัน[1]
วัฒนธรรมประเพณี
[แก้]ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธเถรวาท ประเพณีต่างๆ ยึดถือปฏิบัติเหมือนกันกับชาวพุทธเถรวาทในแถบใกล้เคียง เช่น บวชพระ ประเพณีแต่งงาน งานศพ ประเพณีสงกรานต์ ประเพณีวันลอยกระทง ประเพณีกองข้าวเปลือก ฯลฯ[1]