หมวกกะปิเยาะ
หมวกกะปิเยาะ (หรือสะกด กะปิเยาะห์) เดิมเป็นสัญลักษณ์แห่งวัฒนธรรมในการสวมใส่หมวกของชาวอาหรับ ซึ่งในประเทศแถบมลายูรวมถึงจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาสของประเทศไทยจะนิยมสวมใส่หมวกที่เรียกกันว่า "ซอเกาะ" มากกว่า หมวกกะปิเยาะเป็นหมวกที่ชาวชาวไทยมุสลิมสวมใส่ประกอบศาสนกิจ (การประกอบพิธีละหมาด) และสวมใส่ประจำวัน เกิดจากการนำผ้าหลายๆชนิดมาตัดเย็บซ้อนกัน 3 ชั้น เย็บด้วยผ้าหลายชนิดทับซ้อนกัน และจะมีลวดลายต่าง ๆ บนหมวก ฝีมือการผลิตประณีต มีลวดลายปักและฉลุหลายแบบ
ลักษณะรูปทรง
[แก้]รูปทรงของหมวกกะปิเยาะก็มีด้วยกันหลากหลาย อาทิ ทรงดาดา ทรงจาบา ทรงเมกกะ ทรงสูง ทรงลายรุ้ง ทรงซอเกาะดำ ทรงมัสยิด และทรงตริดจอแดน แต่ละทรงจะมีความงดงามแตกต่างกันไป ทรงที่ขายดีราคาย่อมเยาเป็นที่นิยมคือ "ทรงซูดาน" ขึ้นอยู่กับการออกแบบ มี 3 ขนาด คือ
- ผู้ใหญ่
- วัยรุ่น
- เด็ก
ส่วนประกอบของกะปิเยาะ
[แก้]ส่วนประกอบของกะปิเยาะ ประกอบไปด้วย 2 ส่วนคือส่วนฐานและส่วนหัว
- ส่วนฐานเรียกตามภาษาอาหรับว่า “จิดา” (Jida) ภาษามลายูเรียกว่า “อีบู”
- ส่วนหัว เรียกตามภาษาอาหรับว่า “เฟาก์” (Fauk) ภาษามลายูเรียกว่า “ตาโป๊ะ”
ประวัติความเป็นมาของหมวกกะปิเยาะ
[แก้]ในอดีตการผลิตหมวกกะปิเยาะเป็นการผลิตงานในครัวเรือน มีจุดเริ่มต้นในปีพ.ศ. 2517 ได้มีการเริ่มผลิตกะปิเยาะเป็นครั้งแรก ในตำบลกะมิยอ อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี โดยกลุ่มผู้ที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ได้ไปรับจ้างเย็บกะปิเยาะอยู่ที่นั่นประมาณจนมีความชำนาญ จึงริเริ่มนำจักรเย็บผ้า ที่เรียกว่าจักร PAFF กลับมาเย็บกะปิเยาะที่จังหวัดปัตตานี ช่วงแรกกลุ่มลูกค้าคือชาวมุสลิมที่ไปประกอบพิธีฮัจญ์ ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย
ต่อมาในปีพ.ศ. 2537 การผลิตหมวกกะปิเยาะได้กลายเป็นการผลิตที่แพร่หลาย จนเกิดการรวมตัวเป็นกลุ่มผู้ผลิตรายย่อย ขึ้นหลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มมีผู้ประกอบการลงทุนในการจัดหาเครื่องตัดผ้า เครื่องฉลุลาย และวัสดุ เช่น ผ้า และด้ายในการเย็บกะปิเยาะ
อ้างอิง
[แก้]- องค์ความรู้เกี่ยวกับกะปิเยาะ เก็บถาวร 2009-03-22 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน