สํานักงานราชองครักษ์ประจําพระองค์
Office of the Aide-de-Camp | |
ภาพรวมหน่วยงาน | |
---|---|
ก่อตั้ง | พ.ศ. 2413 |
หน่วยงานก่อนหน้า |
|
เขตอำนาจ | ทั่วราชอาณาจักร |
สำนักงานใหญ่ | หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัย รักษาพระองค์ พระที่นั่งอัมพรสถาน 904 ถนนนครราชสีมา แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300 |
งบประมาณต่อปี | 742.2836 ล้านบาท (พ.ศ. 2559)[1] |
ฝ่ายบริหารหน่วยงาน |
|
ต้นสังกัดหน่วยงาน | หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ |
เว็บไซต์ | www |
สํานักงานราชองครักษ์ประจําพระองค์ (อังกฤษ: Office of the Aide-de-Camp) มีหน้าที่วางแผน สั่งการ อำนวยการและประสานงาน กำกับการ ถวายพระเกียรติ ถวายความปลอดภัย ดำเนินการตามพระราชกรณียกิจ พระราชกิจให้เป็นไปในความสงบเรียบร้อย และ ถวายงานตามพระราชประสงค์[2]
กำเนิดกรมราชองครักษ์
[แก้]พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงริเริ่มให้มีราชองครักษ์ขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2413 ในคราวเสด็จประพาสประเทศสิงคโปร์และปัตตาเวีย (อินโดนีเซีย) ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นายพลโท พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงอดิศรอุดมเดช (ขณะนั้นดำรงพระยศ นายร้อยเอก พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าศุขสวัสดิ์) ตามเสด็จฯ ซึ่งนับเป็น "ราชองครักษ์" พระองค์แรก
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เรียกนายทหารรักษาพระองค์เหล่านี้ว่า "ราช-แอด-เดอ-แกมป์" ซึ่งคัดเลือกมาจากกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ต่อมาเมื่อตั้งกรมยุทธนาธิการขึ้นเมื่อ วันที่ 8 เมษายน 2430 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนนามเป็น "แอด-เดอ-แกมป์หลวง" และไปขึ้นการปกครองบังคับบัญชากับผู้บัญชาการกรมยุทธนาธิการต่อมาในปี พ.ศ. 2434 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนนามเป็น "ราชองครักษ์" สืบมาจนปัจจุบัน
ในปี พ.ศ. 2441 (ร.ศ.117) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดระเบียบการสำหรับราชองครักษ์ให้เป็นหลักฐานมั่นคง ด้วยการตรา "พระราชบัญญัติราชองครักษ์ ร.ศ.117" ขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2441 โดยในมาตรา 6 ระบุข้อความว่า "สมุหราชองครักษ์กับทั้งราชองครักษ์ประจำการพวกนี้ นับเป็นกรมหนึ่ง ขึ้นอยู่ใน กรมยุทธนาธิการ" กรมราชองครักษ์จึงถือเอา วันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2441 นี้ เป็นวันกำเนิดกรมราชองครักษ์ (Royal Thai Aide-De-Camp Department) ซึ่งมีสมุหราชองครักษ์ เป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ
ต่อมาได้มีพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2560[3] ให้มีการจัดระเบียบบริหารราชการในพระองค์ และมีพระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 กำหนดให้มี "กรมราชองครักษ์" โอนไปเป็นส่วนราชการในพระองค์[4] สังกัดหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ และเปลี่ยนชื่อเป็น "สํานักงานราชองครักษ์ประจําพระองค์"[2] (Office of the Aide-de-Camp)[5]
วิวัฒนาการราชองครักษ์
[แก้]พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเล็งเห็นถึงความสำคัญและคุณประโยชน์ที่จะต้องมีราชองครักษ์ไว้ปฏิบัติราชการสนองพระเดชพระคุณโดยใกล้ชิด จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คัดเลือก นายทหารรักษาพระองค์มาจากกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์
ต่อมาในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีพระราชดำริเปลี่ยนแปลงแก้ไขความใน พระราชบัญญัติเดิมโดยตราเป็นพระราชบัญญัติราชองครักษ์ พ.ศ. 2459 ซึ่งจากเดิมที่กำหนดให้เฉพาะนายทหารบก เป็นราชองครักษ์เท่านั้นได้โปรดเกล้าฯให้นายทหารเรือ เข้ารับราชการเป็นราชองครักษ์ด้วยและสมุหราชองครักษ์มีสิทธิขาดในการนำความเข้ากราบบังคมทูลต่อพระมหากษัตริย์ได้โดยตรง บางคราวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งนายตำรวจภูธรและนายตำรวจนครบาลเป็นราชองครักษ์เป็นกรณีพิเศษ นอกเหนือจากกฎเกณฑ์ในพระราชบัญญัติ ซึ่งนับเป็นกำเนิดของตำรวจราชสำนักเวร
เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปกพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติในปี พ.ศ. 2468 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนแปลงระเบียบการเกี่ยวกับราชองครักษ์บางอย่างที่สำคัญ คือ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ราชองครักษ์แต่เดิมในรัชกาลก่อนคงเป็นราชองครักษ์ของพระองค์สืบต่อไปและทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ใช้ "ปลอกแขน"เป็นเครื่องหมายแสดงว่าเป็นราชองครักษ์ขณะปฏิบัติหน้าที่ประจำพระองค์
วิวัฒนาการราชองครักษ์ได้มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขมาเป็นลำดับเพื่อให้มีความเหมาะสมกับสภาวการณ์ในแต่ละรัชกาล ซึ่งในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช รัชกาลปัจจุบันได้มีกฎระเบียบและพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับราชองครักษ์ดังนี้ คือ ได้จำแนกราชองครักษ์ออกเป็น 3 ประเภท คือ
- นายทหารราชองครักษ์พิเศษ แต่งตั้งจากนายทหารสัญญาบัตรซึ่งเกษียณอายุราชการเเล้วและต้องปฏิบัติหน้าที่ราชองครักษ์ ในบางโอกาส เหมือนนายทหารราชองครักษ์ในพระองค์
- นายทหารราชองครักษ์ในพระองค์ แต่งตั้งจากนายทหารสัญญาบัตรประจำการ และคงรับราชการตามตำแหน่งเดิม มีหน้าที่ประจำ ตามเสด็จรักษาการณ์และปฏิบัติกิจการอื่นในพระมหากษัตริย์
- นายทหารราชองครักษ์ประจำพระองค์ แต่งตั้งจากนายทหารสัญญาบัตรประจำการ ซึ่งสังกัดหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ มีหน้าที่ปฏิบัติกิจการในองค์พระมหากษัตริย์แล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ราชองครักษ์ทุกคนจะต้องปฏิบัติหน้าที่ถวายความปลอดภัยและถวายพระเกียรติ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง ณ ที่ประทับ รวมทั้งการเสด็จฯ แปรพระราชฐานประทับแรม ณ พระตำหนักในต่างจังหวัด เพื่อทรงงานและเยี่ยมเยียนราษฏรในทุกพื้นที่ของประเทศ
คณะผู้บริหาร (กรมราชองครักษ์) ชุดสุดท้าย
[แก้]- พลเรือเอก เดชา บุญนาค รองสมุหราชองครักษ์[6]
- พลเอก พูลสวัสดิ์ ปัญจมานนท์ รองสมุหราชองครักษ์
- พลเอก พงษ์เทพ กนิษฐานนท์ รองสมุหราชองครักษ์
- พลเอก ณรงค์ แสงชนะศึก รองสมุหราชองครักษ์
- พลเรือเอก วีระศักดิ์ อ๊อกกังวาล รองสมุหราชองครักษ์
- พลเอก นนท์เกษม ขำเกษม รองสมุหราชองครักษ์
- พลเอก หม่อมหลวงทศนวอมร เทวกุล รองสมุหราชองครักษ์[7]
- พลอากาศเอก ธีระพล คล้ายพันธ์ รองสมุหราชองครักษ์
- พลอากาศเอก เดชา หันหาบุญ รองสมุหราชองครักษ์
- พลเรือเอก คมสรร บุษปะเวศ รองสมุหราชองครักษ์[8]
- พลเรือเอก คณีพล สงเจริญ รองสมุหราชองครักษ์[9]
- พลอากาศเอก พิเชษฐ์ นฤเบศรวชิรภักดี เสนาธิการกรมราชองครักษ์[10]
วันที่ 10 ธันวาคม 2559 มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้นายทหารพ้นจากราชการ [11]เนื่องจากลาออกจากราชการ รองสมุหราชองครักษ์ และเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2560 ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่พระราชโองการ ประกาศ เรื่อง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นายทหารลาออกจากราชการ ความว่า มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเอก สายัณห์ คัมภีร์พันธุ์ อดีตสมุหราชองครักษ์ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ลาออกจากราชการเพื่อรักษาตัว ตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม 2560 [12]วันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2561 ได้มีพระบรมราชโองการประกาศโปรดเกล้าฯแต่งตั้งข้าราชการในพระองค์ให้ดำรงตำแหน่งจำนวน 44 รายโดยย้ายผู้บริหารกรมราชองครักษ์ทั้งหมด[13]ให้มีผลตั้งแต่ วันที่ 1 สิงหาคม 2560
ภารกิจหลัก
[แก้]มีหน้าที่วางแผน สั่งการ อำนวยการและประสานงาน กำกับการ ถวายพระเกียรติ ถวายความปลอดภัย ดำเนินการตามพระราชกรณียกิจ พระราชกิจให้เป็นไปในความสงบเรียบร้อย และ ถวายงานตามพระราชประสงค์[14] ทั้งนี้ ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตาม พระราชประสงค์และราชประเพณี
หน่วยงานในสังกัด
[แก้]- สำนักงานราชองครักษ์ประจำ มีหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับการวางเเผน ควบคุมการปฏิบัติในการถวายความปลอดภัย ถวายอารักขา ถวายพระเกียรติ รวมทั้งการธุรการเเละกำลังพล การส่งกำลังบำรุง การสนับสนุนสายพลาธิการ ขนส่ง การบริการ สายการเเพทย์ งานห้องสมุดหลวง คลังพัสดุ ครุภัณฑ์ เอกสารประวัติศาสตร์ของหน่วย การงบประมาณเเละการเงิน มีผู้อำนวยการสำนักงานราชองครักษ์ประจำ เป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ
- สำนักงานรักษาความปลอดภัย มีหน้าที่วางแผน อำนวยการ ประสานงาน และปฏิบัติการระวังป้องกัน ในการรักษาความปลอดภัยสำหรับองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระบรมวงศานุวงศ์ ผู้แทนพระองค์ และพระราชอาคันตุกะ มีผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความปลอดภัย เป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ
- สำนักนโยบายเเละเเผน มีหน้าที่พิจารณาเสนอความเห็น วางแผน อำนวยการ ประสานงาน ดำเนินการเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัย การธุรการ การกำลังพล การข่าว การยุทธการ การฝึกและศึกษา การสื่อสารและสารสนเทศ การงบประมาณ ในการสนับสนุนการรักษาความปลอดภัย สำหรับองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระบรมวงศานุวงศ์ ผู้แทนพระองค์ และพระราชอาคันตุกะ และการคุ้มครองพยานในคดีอาญา มีผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน เป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ
- สำนักงานกิจการพิเศษ มีหน้าที่วางแผน อำนวยการ ประสานงาน และปฏิบัติการเกี่ยวกับงานกิจการพิเศษ ตามพระราชกระแส หรือพระราชประสงค์ ในการสนับสนุนการรักษาความปลอดภัยสำหรับองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระบรมวงศานุวงศ์ ผู้แทนพระองค์ และพระราชอาคันตุกะ มีผู้อำนวยการสำนักงานกิจการพิเศษ เป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ
อ้างอิง
[แก้]- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 เล่ม 132 ตอนที่ 91ก วันที่ 25 กันยายน 2558
- ↑ 2.0 2.1 "โครงสร้างหน่วยงาน หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์". www.royaloffice.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-11-16. สืบค้นเมื่อ 2023-11-16.
- ↑ พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560
- ↑ พระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560
- ↑ "Organization Structure - Royal Office". www.royaloffice.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-11-16. สืบค้นเมื่อ 2023-11-16.
- ↑ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2559/E/122/1.PDF
- ↑ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2555/E/079/33.PDF
- ↑ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2559/E/287/3.PDF
- ↑ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/E/181/1.PDF
- ↑ http://www.matichon.co.th/news/328294
- ↑ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2559/E/287/4.PDF
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ:0
- ↑ โปรดเกล้าฯแต่งตั้งข้าราชการในพระองค์ให้ดำรงตำแหน่งจำนวน 44 ราย
- ↑ พระราชบัญญัติระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 125 ตอนที่ 26 ก วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2551 หน้า 35
พระราชบัญญัติ การถวายความปลอดภัย พ.ศ. ๒๕๕๗ เก็บถาวร 2016-03-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน