สุมังคลวิลาสินี
สุมังคลวิลาสินี เป็นคัมภีร์อรรถกถาอธิบายความในพระสุตตันตปิฎก หมวดทีฆนิกาย พระพุทธโฆษาจารย์ หรือพระพุทธโฆสะ เรียบเรียงขึ้น โดยอาศัยอรรกถาเก่าภาษาสิงหฬที่แปลมาจากภาษมคธหรือภาษาบาลีมาแต่เดิม แต่ต่อมาต้นฉบับสูญหายไปพระพุทธโฆษาจารย์จึงเดินทางไปยังลังกาทวีปเพื่อแปลอรรถกถาเหล่านี้กลับคืนเป็นภาษาบาลีอีกครั้ง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือคัมภีร์สุมังคลวิลาสินี ที่เรียบเรียงขึ้นเมื่อราว พ.ศ. 1000 [1]
ผู้เขียน
[แก้]ในบทลงท้ายของสุมังคลวิลาสินี ปรากฏความว่า พระพุทธโฆสะ ได้เรียบเรียง หรือรจนาคัมภีร์นี้ขึ้น ตามคำอาราธนาของพระทาฐานาคสังฆเถระ โดยท่านผู้รจนานำเอาเนื้อหาข้อมูลจากมหาอรรถกถา (และ/หรือ) มูลอรรถกถา มาเรียบเรียง โดยมีหลักธรรมที่สอดคล้องกับที่สั่งสอนกันในวัดมหาวิหาร ซึ่งเป็นที่พำนักของท่านในลังกาทวีป [2]
เนื้อหา
[แก้]สุมังคลวิลาสินี มีเนื้อหาค่อนข้างยาว เนื่องจากเป็นการให้อรรถาธิบายแก่หมวดทีฆนิกาย แห่งพระพระสุตตันตปิฎก ซึ่งรวบรวมมพระสูตรที่มีขนาดยาวถึง 34 สูตร จุดประสงค์สำคัญของสุมังคลวิลาสินี คือให้ความกระจ่างเกี่ยวกับพระธรรมวินัย ด้วยการอธิบายรายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ เช่น การอธิบายว่า การฆ่าสัตว์นั้น มีโทษน้อยในสัตว์เล็ก มีโทษมากในสัตว์ใหญ่ เพราะมีความ พยายามมาก ปาณาติบาตมี องค์ 5 มีประโยค 6 ตัวอย่างเช่นในอรรถกถาพรหมชาลสูตร ของทีฆนิกาย สีลขันธวรรค ซึ่งเกี่ยวข้องกับศีลเป็นหลัก ได้มีการอธิบายถึงการกล่าวผรุสวาท ว่าจะต้องประกอบด้วย 1. อกฺโกสิตพฺโพ ปโร คนอื่นที่ตนด่า 2.กุปิตจิตฺตํ จิตโกรธ 3. อกฺโกสนา การด่าจึงจะนับเป็นผรุสวาจา หรือการกล่าวถ้อยคำหยาบคาย อันเป็นส่วนหนึ่งของศีลข้อมุสาวาท ดังนี้ [3]
นอกเหนือจากการขยายความหลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รวมถึงการอธิบายคำศัพท์ต่าง ๆ ที่ปรากฏในพระสูตรนานา ดังเช่นอรรกถาอื่น ๆ แล้ว สุมังคลวิลาสินียังมีความโดดเด่นตรงที่เป็นคัมภีร์ที่บันทึกเรื่องราวเบื้องหลังอันเกี่ยวเนื่องกับพระสูตรนั้น รวมถึงประวัติศาสตร์แวดล้อมอัน วรรณคดีโบราณ ประเพณีของชาวอินเดียในยุคนั้นที่เกี่ยวเนื่องกับพระสูตรและคำสอนที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด
นอกเหนือจากการระบุถึงความพยายามของพระเทวทัตในการพยายามที่จะต่อรองกับสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่จะเป็นผู้นำคณะสงฆ์เสียเองแล้ว [4] นอกจากนี้ ยังมีการพรรณนาถึงรายละเอียดเกี่ยวกับปฐมสังคายนา โดยมีการระบุชัดว่า ในการสังคายนาครั้งนี้ มิได้มีเพียงแค่การรวบรวมพระธรรมวินัย ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงเทศนาสั่งสอนไว้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงพระอภิธรรมด้วย [5] สุมังคลวิลาสินี ยังพรรณนาและอธิบายถึงวงศ์กษัตริย์ต่าง ๆ ในสมัยพุทธกาล เช่น วงศ์มัลละ วงศ์ศากยะ วงศ์โกลิยะ วงศ์ลิจฉวี เป็นต้น นับเป็นผลงานที่มีคุณค่ายิ่งในการศึกษาประวัติศาตร์โบราณ [6]
ในส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับประวัติศาสตร์วรรณกรรม ตัวอย่างเช่นในอรรถกถาพรหมชาลสูตร ของทีฆนิกาย สีลขันธวรรค ยังมีการเอ่ยพาดพิงถึงเรื่องมหาภารตะ อันเป็นวรรณคดีเอกของอินเดียโบราณ อย่างไรก็ตาม เป็นการในทำนองที่ว่า เนื้อหาในมหากาพย์เรื่องนี้ เกี่ยวพันกับการรณยุทธิ์ มิควรที่เอ่ยถึง เพราะเป็นติรัจฉานกถา กล่าวคือ "เป็นถ้อยคำที่ขวางทางสวรรค์และทางนิพพาน เพราะไม่ใช่ธรรมที่เป็นเหตุให้ออกไปจากทุกข์" ดังปรากฏเนื้อความว่า "แม้ในเรื่องการรบ มีเรื่องภารตยุทธ์เป็นต้น ถ้อยคำที่เกี่ยวกับความพอใจในเรื่องทายว่า คนโน้นถูกคนโน้นฆ่าอย่างนี้ แทงอย่างนี้นั่นแหละ ชื่อว่าติรัจฉานกถา แต่เรื่องที่พูดอย่างนี้ว่า แม้คนชื่อเหล่านั้นก็ถึงความสิ้นไป ดังนี้ ย่อมเป็นกรรมฐานทุกเรื่องทีเดียว" [7]
นอกจากนี้ ยังมีการอธิบายถึงสรรพวิทยาอันเกี่ยวเนื่องกับคำสอนต่าง ๆ อย่างน่าสนใจยิ่ง เช่น การระบุว่าครรภ์ย่อมพินาศด้วยเหตุ 3 อย่าง คือ ลม เชื้อโรค กรรม (อรรกถาพรหมชาลสูตร) การให้ความรู้ว่า เมื่อเอาผ้าสะอาด คลุมตลอดศีรษะ ไออุ่นแต่ศีรษะย่อมแผ่ไปทั่วผ้าทั้งผืนทีเดียว (อรรถกถาสามัญญผลสูตร) มีการอธิบายความหมายของคำว่า ไตรเพท หรือไตรเวทย์ ของพราหมณ์ (อรรกถาอัมพัฏฐสูตร) เป็นต้น
นับว่า สุมังคลวิลาสินีเป็นขุมความรู้อันยิ่งใหญ่ มิเพียงขยายความคำสอนและประวัติศาสตร์ของพุทธศาสนาเท่านั้น แต่ยังบันทึกเรื่องราว ขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณ ธรรมชาติวิทยา มานุษยวิทยา ชีววิทยา ภูมิศาสตร์ และสรรพศาสตร์อีกมากมาย เทียบได้กับสารานุกรมยุคโบราณเล่มหนึ่งเลยทีเดียว [8]
คัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง
[แก้]- ลีนัตถปกาสนา หรือลีนัตถปกาสินี (ปุราณะฏีกา) แต่งโดยพระธรรมปาละ เมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 1000
- สารัตถมัญชุสา แต่งโดยพระสารีปุตตะ ชาวลังกา แต่งเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 1100
- สาธุชนวิลาสินี (นวฏีกา) และศีลขันธวัคคาภินวะฏีกา พระญาณภิวงศ์ แต่งราวพุทธศตวรรษที่ 23 - 24
อ้างอิง
[แก้]- ↑ พระพรหมคุณาภรณ์ หน้า 459
- ↑ พระไตรปิฎกมหามกุฏราชวิทยาลัย. สุมังคลวิลาสินี อรรกถาพระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม 3 ภาค 2 หน้า 475 - 476
- ↑ พระไตรปิฎกมหามกุฏราชวิทยาลัย หน้าที่ 192
- ↑ Bimala Charan Law. หน้า 109
- ↑ Kashi Nath Upadhyaya. หน้า 40
- ↑ Bimala Charan Law. หน้า 110
- ↑ พระไตรปิฎกมหามกุฏราชวิทยาลัย หน้าที่ 218
- ↑ Bimala Charan Law. หน้า 105 - 114
บรรณานุกรม
[แก้]- พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต). (2550). พจนานุกรมพุทธศาสน์ฉบับประมวลศัพท์. กรุงเทพมหานคร.
- พระไตรปิฎกมหามกุฏราชวิทยาลัย. สุมังคลวิลาสินี อรรกถาพระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม 1 ภาค 1
- พระไตรปิฎกมหามกุฏราชวิทยาลัย. สุมังคลวิลาสินี อรรกถาพระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม 3 ภาค 2
- Kashi Nath Upadhyaya. (1998). Early Buddhism and the Bhagavadgita. Delhi : Motilal Banarsidass.
- Bimala Charan Law. (1923). The Life and Work of Buddhaghosa. Calcutta : Thacker, Spink & Co.
ตัวบทคัมภีร์
[แก้]*สุมังคลวิลาสินี (บาลี)
*สุมังคลวิลาสินี (แปลไทย)