สัตว์มนุษย์
สัตว์มนุษย์ | |
---|---|
กำกับ | วินิจ ภักดีวิจิตร |
บทภาพยนตร์ | สราวุฒิ |
อำนวยการสร้าง | อุไรวรรณ ภักดีวิจิตร |
นักแสดงนำ | |
กำกับบท | วุฒิโก |
ถ่ายภาพ | สันทัด ศรีสัมพันธ์ |
บริษัทผู้สร้าง | บางกอกการภาพยนตร์ |
ผู้จัดจำหน่าย | บางกอกการภาพยนตร์ |
วันฉาย | 30 มกราคม 2519 |
ประเทศ | ไทย |
ภาษา | ไทย |
สัตว์มนุษย์ เป็นภาพยนตร์ไทยแนวโลดโผน ดรามา ปี 2519 โดยค่ายบางกอกการภาพยนตร์ จากการกำกับของวินิจ ภักดีวิจิตร นำแสดงโดยสรพงศ์ ชาตรี, กรุง ศรีวิไล, อรัญญา นามวงศ์ และสิงหา สุริยง เข้าฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2519[1] นอกจากนี้ยังได้นักแสดงชื่อดังดีกรีอดีตนางเอกในช่วงยุค 2490–2500 อย่างจรัสศรี สายะศิลปี มาร่วมแสดงในบท คุณนายเนียร แม่ของพงษ์ทองที่รับบทโดย กรุง ศรีวิไล รวมถึงยังได้จีระพันธ์ วีระพงษ์ นักร้องลูกทุ่งชื่อดังมาร่วมแสดงเป็นนักแสดงรับเชิญในบทนักร้องเวทีรำวง และจากภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้สรพงศ์สามารถคว้ารางวัลพระราชทานพระสุรัสวดีหรือตุ๊กตาทอง สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากงานประกาศรางวัลตุ๊กตาทอง ครั้งที่ 10 มาครองได้สำเร็จเป็นตัวแรกก่อนจะคว้าตัวที่ 2 มาครองได้สำเร็จจากภาพยนตร์เรื่องชีวิตบัดซบในปีถัดมา
เนื้อเรื่อง
[แก้]สัตว์มนุษย์ เรื่องราวของ ชด นาดี (สรพงศ์ ชาตรี) หนุ่มชาวนาลูกชายคนเล็กของ ตาเชย นาดี (จำรูญ หนวดจิ๋ม) และน้องชายของ ช้อย นาดี (อรัญญา นามวงศ์) ที่ต้องจับปืนเพื่อต่อสู้จากถูกข่มเหงรังแกโดยผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นคือ แสง คลองตะเคียน (กฤษณะ อำนวยพร) คู่ปรับของชด ลูกชายกำนันสุด คลองตะเคียน และเป็นพี่ชายของ สร้อย คลองตะเคียน (เนรัญชลา เถลิงศักดิ์) สาวคนรักที่มักจะข่มเหงรังแกชาวบ้าน จนทำให้เขาต้องหนีและกลายเป็นคนร้ายที่ทางการต้องการตัว
ต่อมา สร้อยได้มาแจ้งข่าวให้ชดที่หลบอยู่ในวัดรู้ว่าแสงฆ่าลูกน้องตายเนื่องจากเกิดการหักหลัง ภายหลังจากที่แสงสั่งให้ลูกน้องที่นำโดย หวัง (เมือง อพอลโล) ไปปล้นเงินค่าขายข้าวของตาเชยที่ได้มาจาก เจ้าสัว (ชินดิษฐ์ บุนนาค) เจ้าของโรงสีและเจ้าของสัมปทานรถเมล์และธุรกิจอีกหลายอย่างจำนวน 10,000 บาทมาได้ แต่ชดยิงหวังตายส่วนลูกน้องที่เหลืออีก 3 คนฉุด บัว (บาหยัน พันธุ์โสภา) ลูกสาว ยายเชื่อม (มาลี เวชประเสริฐ) น้องสาวตาเชยลูกพี่ลูกน้องของช้อยและชดและสาวที่แสงแอบรักไปข่มขืนแล้วพลั้งมือฆ่าแล้วข่มขืนต่อ เมื่อลูกน้องนำเงินมาให้แสงกลับไม่ให้รางวัลเพราะทำเกินคำสั่ง ลูกน้องแค้นจะนำเรื่องไปบอกตำรวจ แสงจึงยิงทิ้งทั้งหมดแล้วป้ายความผิดให้ชด
บังเอิญมีเสียงปืนดังขึ้นทำให้ชดและสร้อยได้พบกับ พงษ์ทอง อัครมหาสมบัติ (กรุง ศรีวิไล) ลูกชายคนเดียวของเจ้าสัวกับ คุณนายเนียร (จรัสศรี สายะศิลปี) ซึ่งมีนิสัยเป็นอันธพาลระรานชาวบ้านเช่นเดียวกับแสงที่กำลังเข้ามายิงนกในวัด จนมีเรื่องกันทำให้พงษ์ทองต้องล่าถอยไป ส่วนชดก็ต้องออกจากวัด จึงได้กลับบ้านด้วยความคิดถึงจนได้พบกับ ปลิว (สิงหา สุริยง) ทนายความซึ่งเป็นชายคนรักของช้อยที่เดินทางกลับมาจากกรุงเทพฯ
ต่อมามีงานรำวง หล่อ ลูกเศรษฐีในท้องถิ่นคู่อริอีกคนของชดพยายามจะฉุดช้อยที่กำลังรำอยู่กับปลิวเพราะก่อนหน้านั้นหล่อพยายามจะข่มขืนช้อยแต่ชดเข้ามาขัดขวางและช่วยไว้ได้ทัน หล่อแค้นใจจึงจ้างให้แสงและลูกน้องไปปล้นบ้านตาเชยเอาเงินค่าขายข้าว ชดที่ซุ่มดูอยู่จึงยิงหล่อตาย ขณะเดียวกัน แสงจ้างให้มิ่งไปฆ่าชด แต่พอดีกับที่ชดมาหาแสงเพื่อทวงเงินของพ่อ จึงเกิดการต่อสู้ขึ้นแสงหนีรอดไปได้ส่วนมิ่งถูกชดใช้ไม้ตะพดฆ่าตาย แสงรีบกลับไปบอกกำนันสุดผู้เป็นพ่อให้ระดมคนออกตามจับชด โชคดีที่สร้อยช่วยให้ชดหลบหนีไปได้
ชดเอาเงินที่ได้มาไปคืนพ่อ แต่ตาเชยไม่รับทำให้ต้องนำเงินไปฝากสร้อย ไม่นาน เกิดฝนตกหนักทำให้น้ำท่วมนาตาเชยเสียหายอย่างหนัก ชดกลับมาบ้านและขอให้ตาเชยเลือกระหว่างครอบครัวที่แตกแยกกับความดี ตาเชยให้ชดไปนำเงิน 10,000 บาทที่ฝากสร้อยไว้มาแต่ไม่สำเร็จเนื่องจากแสงที่กลับมาบ้านยิงชดได้รับบาดเจ็บ ชดจึงต้องหนีกลับไปซ่อนตัวที่วัด ทำให้ตาเชยต้องมาขอกู้เงินจากเจ้าสัวโดยให้ช้อยมาทำงานขัดดอก พอดีกับที่พงษ์ทองขับรถกลับมาจากกรุงเทพฯ แป้น (ศศิมา สิงห์ศิริ) สาวใช้และเมียน้อยของเจ้าสัวรวมถึงพงษ์ทองจึงแนะนำพงษ์ทองให้ช้อยรู้จักในฉายา เทพบุตรหัวใจเถื่อน
ทางด้านคุณนายจัดแจงให้ช้อยไปดูแลพงษ์ทอง แทนการซักผ้าถูบ้าน พงษ์ทองจึงบังคับให้แป้นพาช้อยมาปรนเปรอตัวเอง โดยก่อนหน้านั้นช้อยได้เข้าไปปรนนิบัติเจ้าสัวจนตกเป็นเมียน้อยของเจ้าสัว ในคืนนั้นช้อยจำใจต้องเข้าไปปรนนิบัติและตกเป็นเมียของพงษ์ทองเพราะไม่เช่นนั้นอาจจะถูกทำร้ายร่างกายได้ จากนั้น เจ้าสัวได้ขับรถพาช้อยไปหาตาเชยเพื่อคืนโฉนดให้ในฐานะลูกเขย ทำให้ตาเชยโกรธดุด่าช้อยว่าเป็นลูกนอกคอกและขับไล่ช้อยออกจากบ้านเจ้าสัวเตือนสติตาเชยก็ไม่ฟัง ก่อนจะล้มป่วยอาการหนักที่ชานหน้าบ้านชดที่กลับมาบ้านได้พาตาเชยเข้าไปดูแลส่วนช้อยเมื่อทราบข่าวว่าพ่อป่วยจึงมาเยี่ยมแต่โดนตาเชยตัดพ้อต่อว่าดุด่าก่อนจะสิ้นใจในที่สุด
ในเวลาต่อมา ช้อยตั้งท้องลูกของพงษ์ทองเพราะเจ้าสัวทำหมันมานานแล้ว ทำให้เจ้าสัวโกรธมากถึงขั้นตบหน้าช้อย คุณนายจึงเรียกประชุมว่าจะหาทางออกของเรื่องนี้อย่างไร พงษ์ทองเสนอให้ช้อยทำแท้งซึ่งเจ้าสัวก็เห็นด้วย แต่คุณนายกลับไม่เห็นด้วยและแจ้งตำรวจถ้าใครพาช้อยไปทำแท้ง คุณนายยังสอนว่าผู้ชายทุกคนควรมีความรับผิดชอบในสิ่งที่ก่อขึ้น หากใครไม่รับรู้คน ๆ นั้นเป็นคนแค่ร่างแต่ใจเป็นสัตว์หรือพวก สัตว์มนุษย์ ทำให้พงษ์ทองไม่พอใจจะกระทืบช้อย
เจ้าสัวที่เริ่มสำนึกได้ในความผิดของตนเพราะทำบาปมามากแล้วจึงดุลูกชายให้เลิกบ้า พร้อมกับยื่นข้อเสนอให้พงษ์ทองจดทะเบียนสมรสกับช้อย โดยจะยกบ้าน ที่ดิน ตึกแถว พร้อมกับเงินสด 1 ล้านบาทให้ทันทีซึ่งพงษ์ทองตกลงแต่บีบให้เจ้าสัวต้องออกจากบ้านโดยแป้นขอติดตามไปด้วยและตัวเองจะไปอยู่กรุงเทพฯ จะกลับมาก็ต่อเมื่อช้อยคลอดลูกแล้ว ต่อมา แสงได้มาบีบให้เจ้าสัวยกสัมปทานรถเมล์สายรอบเมืองให้กับตัวเองทำให้เจ้าสัวไม่พอใจไล่แสงออกจากบ้าน ด้วยความแค้นแสงและพวกจึงเข้าปล้นรถเมล์และรถสองแถวของเจ้าสัว
ทำให้คนขับรถเมล์และรถสองแถวต้องมาขอความช่วยเหลือจากเจ้าสัว ทำให้เจ้าสัวตัดมาปรึกษาช้อยที่เพิ่งคลอด พงษ์เทพ ลูกชายในการติดต่อให้ชดไปฆ่าแสงโดยเจ้าสัวจะช่วยจัดการเคลียร์คดีฆ่า ผู้ใหญ่มา รวมถึงยกโฉนดที่นาให้ชดและทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้หลาน ทำให้ช้อยรับปากเจ้าสัวในการติดต่อชด ในที่สุดชดก็สามารถฆ่าแสงได้สำเร็จ หลังจากนั้นเจ้าสัวได้พาชดเข้ามอบตัวสู้คดี ศาลพิจารณาตัดสินให้รอลงอาญาทำให้ชดเป็นอิสระ และเจ้าสัวได้รับชดเข้าทำงานในฐานะเลขาคนสนิท
ไม่นาน พงษ์ทองกลับมาบ้านที่ฉะเชิงเทราพร้อมกับ โฉมฉาย (เปียทิพย์ คุ้มวงศ์) ภรรยาอีกคน พงษ์ทองโกรธช้อยที่ไม่ยกมือไหว้โฉมฉายเพราะช้อยกำลังอุ้มลูกอยู่ และขู่จะทำร้ายทำให้ช้อยจำใจต้องยกมือไหว้โฉมฉาย ต่อมา พงษ์ทองไปมีเรื่องกับผู้เช่าห้องแถวของตนทำให้พงษ์เทพพาโฉมฉายมาสวัสดีเจ้าสัวจนได้เจอกับชดคู่อริเก่าที่กำลังตัดหญ้า โดยมาขอความช่วยเหลือจากเจ้าสัวในการติดต่อผู้หลักผู้ใหญ่ระดับสูงในจังหวัดทั้งตำรวจและพลเรือนให้มาร่วมงานเลี้ยงแต่ก็ไปมีเรื่องกับเขาอีก รวมถึงทำร้ายเจ้าสัวจนมีเรื่องชกต่อยกับชดทำให้เจ้าสัวโกรธมากประกาศความจริงต่อหน้าโฉมฉายว่าเมียที่แท้จริงคือช้อย
พงษ์ทองบันดาลโทสะจะทำร้ายช้อยและลูกคุณนายจึงประกาศว่าถ้าพงษ์ทองทำร้ายช้อยและลูกก็จะแจ้งตำรวจจับ ทำให้ช้อยกลัวว่าตัวเองกับลูกจะไม่ปลอดภัยจึงขอไปอยู่กับเจ้าสัวโดยชดจะรับเป็นภาระดูแลพี่สาวและหลาน ต่อมาเจ้าสัวเรียกชดมาเพื่อถามถึงคนรักเพราะจะได้เป็นผู้ใหญ่ไปสู่ขอชดจึงตอบกลับมาว่าคือ สร้อย ลูกกำนันสุด น้องสาวของแสง ซึ่งเจ้าสัวก็รับปาก แต่หลังจากนั้นพงษ์ทองก็มามีปากเสียงกับเจ้าสัวเรื่องโรงสีเพราะตั้งอยู่บนที่ดินของพงษ์ทอง แต่เจ้าสัวได้ยกโรงสีให้พงษ์เทพไปแล้ว ทำให้พงษ์ทองไม่พอใจประกาศให้เจ้าสัวรื้อโรงสีและเลิกทำธุรกิจโรงสี เจ้าสัวไม่ยอมพงษ์ทองจึงประกาศยึดโรงสี
หลังจากนั้นพงษ์ทองบุกเข้าไปในโรงสีสั่งคนงานให้หยุดเครื่องสีข้าวและให้คนงานหยุดงาน ชด ผู้จัดการโรงสีจึงรีบมาแจ้งเจ้าสัว ทางด้านแป้นรีบมาบอกข่าวนี้ให้ช้อยฟัง เจ้าสัวรีบขับรถมาที่โรงสีพงษ์ทองบอกให้เจ้าสัวรีบเซ็นเอกสารโอนโรงสี แต่เจ้าสัวไม่ยอม ขณะเดียวกัน เจ้าสัวจะเปิดเครื่องสีข้าวแทนคนงานที่กลับบ้านไปแล้ว พงษ์ทองจึงยิงปืนขู่ ทำให้ชดอาศัยจังหวะนี้เข้าต่อสู้กับพงษ์ทอง แต่ชดเป็นฝ่ายพลาดท่าขณะที่พงษ์ทองกำลังจะยิงชดเป็นแป้นที่เอาปืนยิงพงษ์ทองตายแต่ตัวเองก็ถูกพงษ์ทองยิงตายเช่นเดียวกัน
นักแสดงและตัวละคร
[แก้]นักแสดงหลัก | |
---|---|
ตัวละคร | นักแสดง |
ชด | สรพงศ์ ชาตรี |
พงษ์ทอง อัครมหาสมบัติ | กรุง ศรีวิไล |
ช้อย | อรัญญา นามวงศ์ |
ปลิว | สิงหา สุริยง |
สร้อย | เนรัญชลา เถลิงศักดิ์ |
นักแสดงสมทบ | |
แสง | กฤษณะ อำนวยพร |
ตาเชย | จำรูญ หนวดจิ๋ม |
เจ้าสัว | ชินดิษฐ์ บุนนาค |
คุณนายเนียร | จรัสศรี สายะศิลปี |
แป้น | ศศิมา สิงห์ศิริ |
นักแสดงรับเชิญ | |
ยายเชื่อม | มาลี เวชประเสริฐ |
บุญส่ง เคหะทัต | |
บัว | บาหยัน พันธุ์โสภา |
นักร้องเพลงเชียร์รำวง | จีระพันธ์ วีระพงษ์ |
หวัง | เมือง อพอลโล |
ผู้พิพากษา | จรูญ สินธุเศรษฐ์ |
รางวัล
[แก้]ปี | รางวัล | สาขา | ผู้ได้รับการเสนอชื่อ | ผล |
---|---|---|---|---|
2519 | รางวัลตุ๊กตาทอง ครั้งที่ 10 | นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม | สรพงศ์ ชาตรี | ชนะ |
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "สัตว์มนุษย์ (2519)". thaimovie.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- สัตว์มนุษย์ ทางเว็บไซต์ ไทยบันเทิง