สมเด็จพระราชินีนาถซูริอาที่ 1 แห่งนาวาร์
สมเด็จพระราชินีนาถซูริอาที่ 1 | |
---|---|
พระบรมรูปในโบสถ์ซันตามาริอาลาเรอัล | |
สมเด็จพระราชินีนาถแห่งนาวาร์ | |
ครองราชย์ | 8 กันยายน ค.ศ. 1425 – 1 เมษายน ค.ศ. 1441 |
ราชาภิเษก | 15/18 พฤษภาคม ค.ศ. 1429 (ปัมโปลนา) |
ก่อนหน้า | พระเจ้าการ์โลสที่ 3 |
ถัดไป | พระเจ้าการ์โลสที่ 4 |
ผู้ร่วมในราชสมบัติ | พระเจ้าฆวนที่ 2 แห่งอารากอน |
สมเด็จพระราชินีแห่งซิซิลี | |
ดำรงพระยศ | 26 ธันวาคม ค.ศ. 1402 – 25 กรกฎาคม ค.ศ. 1409 |
ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งซิซิลี | |
ระหว่าง | ค.ศ. 1404–1405 และ 1408–1415 |
พระมหากษัตริย์ | รายพระนาม
|
พระราชสมภพ | 6 กรกฎาคม ค.ศ. 1387 ปัมโปลนา ราชอาณาจักรนาวาร์ |
สวรรคต | 1 เมษายน ค.ศ. 1441 ซันตามาริอาลาเรอัลเดนิเอบา ราชอาณาจักรนาวาร์ | (53 ปี)
ชายา |
|
พระราชบุตร | |
ราชวงศ์ | เอเวรอ |
พระราชบิดา | พระเจ้าการ์โลสที่ 3 แห่งนาวาร์ |
พระราชมารดา | เลโอนอร์แห่งกัสติยา |
ลายพระอภิไธย |
ซูริอาที่ 1 แห่งนาวาร์ (บาสก์: Zuria I.a Nafarroakoa) หรือ บลังกาที่ 1 แห่งนาวาร์ (สเปน: Blanca I of Navarre) เป็นพระราชินีนาถแห่งนาวาร์ตั้งแต่ ค.ศ. 1425 ถึง ค.ศ. 1441 ทรงเป็นพระธิดาของพระเจ้าการ์โลสที่ 3 แห่งนาวาร์กับเลโอนอร์ อินฟันตาแห่งกัสติยา
พระราชประวัติ
[แก้]ซูริอาเสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ค.ศ. 1387 ทรงเป็นพระธิดาคนที่สองของพระเจ้าการ์โลสที่ 3 แห่งนาวาร์กับเลโอนอร์แห่งกัสติยา ทรงมีพี่น้องร่วมสายเลือดแปดคน ซูริอากลายเป็นทายาทแห่งนาวาร์หลังแฌน พระเชษฐภคินีที่สมรสกับฌ็องที่ 1 เคานต์แห่งฟรัวซ์สิ้นพระชนม์
พระราชินีแห่งซิซิลี
[แก้]พระองค์สมรสครั้งแรกกับมาร์ตินผู้ลูก กษัตริย์แห่งซิซิลีและเจ้าชายแห่งอารากอน ทั้งคู่สมรสผ่านตัวแทนเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 1402 ในกาตาเนีย ซูริอาเดินทางไปหาพระสวามีเพื่อสมรสกันจริงๆ ในวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 1402 ซึ่งเจ้าสาวมีพระชนมายุ 15 พรรษา ส่วนเจ้าบ่าวมีพระชนมายุ 28 พรรษา
พระเจ้ามาร์ตินต้องการทายาทตามกฎหมาย แต่มาร์ติน พระโอรสคนเดียวของทั้งคู่มีพระชนมายุอยู่ได้เพียงปีเดียว พระสวามีของพระองค์สิ้นพระชนม์ในวันที่ 25 กรกฎาคม ค.ศ. 1409 โดยมีผู้สืบทอดตำแหน่งคือพระเจ้ามาร์ตินที่ 1 แห่งอารากอน พระบิดาของพระเจ้ามาร์ตินผู้ล่วงลับ พระองค์ยินยอมให้พระสุณิสาสำเร็จราชการแผ่นดินในซิซิลีต่อไป ซูริอาสูญเสียสิทธิ์ในการสำเร็จราชการแผ่นดินหลังพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 1 ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอารากอนคนใหม่ต่อจากพระเจ้ามาร์ตินที่ 1 และได้ผนวกซิซิลีเข้ากับอารากอนในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1415
พระราชินีแห่งนาวาร์
[แก้]ซูริอาครองตัวเป็นโสดเป็นเวลาสิบปี แม้จะถูกหมั้นหมายกับลุดวิจแห่งบาวาเรีย-อิงก็อลชตัท (พระเชษฐาของอิซาบูแห่งบาวาเรีย สมเด็จพระราชินีแห่งฝรั่งเศส) และเอ็ดเวิร์ดแห่งบาร์ พระองค์เดินทางกลับนาวาร์ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1415 สภานิติบัญญัติประกาศรับรองพระองค์เป็นทายาทแห่งราชอาณาจักรอารากอนในวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 1416 ในการประชุมที่โอลิเต
พระองค์สมรสอีกครั้งกับชวน ดยุคแห่งเปญญาฟิเอล พระโอรสคนที่สองของพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 1 แห่งอารากอนกับเลโอนอร์แห่งอัลบูร์เกร์เกผ่านตัวแทนในวันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 1419 ที่โอลิเต ชวนเดินทางมาหาพระองค์เพื่อสมรสกันจริงๆ ในวันที่ 10 มิถุนายน ค.ศ. 1420 ที่ปัมโปลนา ทั้งคู่มีพระโอรสธิดาด้วยกันห้าคนในระยะเวลาห้าปี พระโอรสธิดาคนที่สองของทั้งคู่สิ้นพระชนม์เร็ว
พระเจ้าการ์โลสที่ 3 สิ้นพระชนม์ในวันที่ 8 กันยายน ค.ศ. 1425 ซูริอาสืบทอดตำแหน่งต่อจากพระบิดาเป็นพระราชินีผู้ปกครองนาวาร์ โดยมีชวนเป็นกษัตริย์พระสวามี ทั้งคู่ได้รับการสวมมงกุฎที่ปัมโปลนาในวันที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 1429
ซูริอาสิ้นพระชนม์ในซันตามารีอาลาเรอัลเดนิเอบาในปี ค.ศ. 1441 หลังพระองค์สิ้นพระชนม์ ชวนบริหารราชการนาวาร์ต่อโดยไม่ยอมวางมือให้การ์โลส พระโอรสที่เป็นกษัตริย์โดยชอบธรรมของนาวาร์ พระองค์กลายเป็นกษัตริย์แห่งอารากอนและกษัตริย์แห่งซิซิลีหลังพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 5 แห่งอารากอน พระเชษฐาสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1458
การสืบทอดบัลลังก์นาวาร์
[แก้]การ์โลส พระโอรสคนโตของซูริอาตกเป็นนักโทษของพระบิดาและไม่เคยได้ครองอำนาจอย่างแท้จริง พระองค์สิ้นพระชนม์ในวันที่ 23 กันยายน ค.ศ. 1461 โดยสงสัยกันว่าอาจถูกวางยาพิษ ซูริอาซึ่งเป็นพระโอรสธิดาคนต่อมาสืบทอดตำแหน่งต่อจากพระเชษฐาเป็นพระราชินีโดยชอบธรรมของนาวาร์ พระองค์เคยสมรสกับพระเจ้าเอ็นริเกที่ 4 แห่งกัสติยา แต่การสมรสถูกประกาศให้เป็นโมฆะในปี ค.ศ. 1453 เนื่องจากการสมรสไม่เคยสมบูรณ์ พระองค์ถูกส่งตัวกลับนาวาร์บ้านเกิดและถูกพระบิดาจองจำ ทรงสิ้นพระชนม์โดยไร้ซึ่งทายาทในปี ค.ศ. 1464 โดยอาจจะถูกวางยาพิษเช่นกัน ผู้เจริญรอบตามเส้นทางของสองพี่น้องคือเลโอนอร์ พระขนิษฐาคนสุดท้องที่ฉลาดพอที่จะไม่ขวางทางพระบิดา จนเมื่อพระบิดาสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1479 พระนางจึงอ้างสิทธิ์ในตำแหน่งของตนเอง