สตีฟ เดวิส
เกิด | พลัมสตีด ลอนดอน | 22 สิงหาคม ค.ศ. 1957
---|---|
สัญชาติ | อังกฤษ |
ฉายา |
|
ปีที่เริ่มเล่นอาชีพ | 1978–2016 |
อันดับสูงสุด | 1 |
เบรกสูงสุด | 147 (1982 Classic) |
จำนวนเซนจูรีเบรก | 325 |
รายการแข่งขันที่ชนะ | |
รายการสะสมคะแนนที่ชนะ | 28 |
รายการไม่สะสมคะแนนที่ชนะ | 52 |
เวิลด์แชมเปียน | 1981, 1983, 1984, 1987, 1988, 1989 |
สตีฟ เดวิส (อังกฤษ: Steve Davis, OBE) เกิดเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 1957[1] เป็นนักสนุกเกอร์ชาวอังกฤษจากย่านพลัมสตีด ลอนดอน เป็นที่รู้จักกันดีในช่วงยุค 1980 เมื่อเขาได้คว้าแชมป์ในเวิลด์แชมเปียนชิปถึง 6 สมัย และติดอันดับ 1 ของโลกใน 7 ฤดูกาล เขาเป็นที่จดจำในการแข่งขันเวิลด์แชมเปียน 1985 ในรอบชิงโดยเจอกับเดนนิส เทย์เลอร์ มีการบันทึกว่าได้ดึงดูดผู้ชมชาวอังกฤษกว่า 18.5 ล้านคนในระหว่างที่ชิงลูกดำกัน เขาได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในขวัญใจที่สุดและถูกมองว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล
นอกจากการคว้าแชมป์ 6 สมัยแล้วเดวิสยังได้แชมป์รายการอื่นได้แก่แชมป์รายการมาสเตอส์ 3 สมัย แชมป์รายการยูเคแชมเปียนชิป 6 สมัย เขาได้แชมป์รายการเก็บคะแนนทั้งหมด 28 รายการ เป็นรองจากสตีเฟน เฮนดรี[2]และได้เงินรางวัลมากกว่า 5,500,000 ปอนด์สเตอร์ลิง[3] เดวิสรวมเซนจูรีเบรกได้มากกว่า 350 ครั้ง[4] รวมทั้งการทำแม็กซิมัมเบรกครั้งแรกในระหว่างการถ่ายทอดสดในปี 1982 ในช่วงฤดูกาลที่ 1987/1988 เขาเป็นคนแรกที่ได้ทริปเปิลคราวน์ที่คว้าแชมป์รายการใหญ่คือ ยูเคแชมเปียนชิป มาสเตอส์และเวิลด์แชมเปียนชิป รายการอื่นที่เขาประสบความสำเร็จได้แก่ แชมป์รายการเวิลด์ดับเบิลส์แชมเปียนชิป 4 สมัย ที่คู่กับ โทนี มีโอ และรายการเวิลด์ทีมคลาสสิก/เวิลด์คัพ 4 สมัยกับทีมอังกฤษ
เดวิสได้แชมป์โลกล่าสุดในปี 1989 และคว้าแชมป์รายการมาสเตอส์ในปี 1997 ซึ่งเป็นครั้งล่าสุดของเขาตอนอายุ 39 ปี แต่ยังคงแทงสนุกเกอร์อยู่โดยยังมีความสามารถในระดับสูง ในช่วงวัย 50 ปีเขามาถึงรอบสุดท้ายได้ในรายการยูเคแชมเปียนชิป 2005 ในวัย 48 ปี และยังติดอันดับท็อป 16 ในฤดูกาล 2007/2008 เขามาถึงก่อนรอบชิงในเวิลด์แชมเปียน 2010 ในวัย 52 ปี สถิติก่อนรอบชิงที่อายุมากที่สุดยังเป็นของ เอ็ดดี ชาร์ลตัน ในปี 1983[5] เขายังได้แชมป์รายการเวิลด์ซีเนียร์แชมเปียนชิป 2013
นอกจากสนุกเกอร์แล้ว เดวิสยังเข้าร่วมแข่งขันพูลโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเล่นกับทีมยุโรปในมอสโคนีคัพ (Mosconi Cup) ระหว่างปี 1994 และ 2004 โดยช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ในปี 1995 และ 2002 เขายังที่โดดเด่นในการเข้าร่วมแข่งขันไพ่โป๊กเกอร์โดยเข้าถึงรอบสุดท้ายในระหว่างถ่ายทอดสดหลายครั้ง ตั้งแต่ปี 1996 เขาไปเป็นผู้ประกาศเป็นครั้งคราวกับฟีนิกซ์เอฟเอ็ม (Phoenix FM) และเชี่ยวชาญในแนวเพลงโพรเกรสซิฟร็อกที่เกี่ยวกับอาร์ไอโอ (RIO) ซูล (Zeuhl) และดนตรีแบบแคนเทอร์เบอรี ในการเป็นผู้เล่นหมากรุกสากล เขาได้ร่วมเขียนสอนหนังสือหมากรุกกับเดวิด นอร์วูด อดีตประธานสหพันธ์หมากรุกแห่งอังกฤษ เขายังได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับสนุกเกอร์หลายเล่มรวมถึงสามตำราด้วย เขาปรากฏตัวในรายการอังกฤษรวมทั้งรายการ ไอม์อะเซเลบริตี...เก็ตมีเอาต์ออฟเฮียร์ (I'm a Celebrity...Get Me Out of Here!) ในปี 2013 เขายังได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์เอ็มบีอี (MBE) ในปี 1988 และ โอบีอี (OBE) ในปี 2001
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-11-07. สืบค้นเมื่อ 2010-11-07.
- ↑ "Snooker Stats". worldsnooker.com. World Professional Billiards and Snooker Association. สืบค้นเมื่อ 24 May 2011.
- ↑ "Prize Money – All-time, Professional". CueTracker – Snooker Database. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-10-19. สืบค้นเมื่อ 15 February 2014.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อcenturybreaks
- ↑ "Steve Davis upsets the odds to beat world champion John Higgins". The Guardian. 24 April 2010. สืบค้นเมื่อ 14 February 2014.