วิกฤตการณ์รัฐธรรมนูญ
ในทางรัฐศาสตร์ วิกฤตการณ์รัฐธรรมนูญ คือปัญหาหรือความขัดแย้งในการทำงานของรัฐบาล ซึ่ง รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายควบคุมพื้นฐานอื่นๆ ไม่สามารถแก้ไขได้ คำจำกัดความนี้มีหลายรูปแบบ ตัวอย่างเช่น มีการอธิบายว่าเป็นวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นจากความล้มเหลว หรืออย่างน้อยก็มีความเสี่ยงสูงที่จะล้มเหลวของรัฐธรรมนูญในการบังคับใช้[1] วิกฤตอาจเกิดขึ้นได้จากสาเหตุที่เป็นไปได้หลายประการ ตัวอย่างเช่น รัฐบาลอาจต้องการผ่านกฎหมายที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญอาจไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนสำหรับสถานการณ์เฉพาะได้ รัฐธรรมนูญอาจชัดเจนแต่การปฏิบัติตามนั้นอาจไม่สามารถทำได้ในทางการเมือง สถาบันของรัฐบาลเองอาจล้มเหลวหรือไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้ หรือเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลอาจหาเหตุผลในการหลีกเลี่ยงการจัดการกับปัญหาที่ร้ายแรงโดยอาศัยการตีความกฎหมายอย่างแคบ ๆ[2][3] ตัวอย่างเฉพาะ ได้แก่ วิกฤตการณ์รัฐธรรมนูญการลงคะแนนเสียงของคนผิวสีในแอฟริกาใต้ช่วงคริสตทศวรรษ 1950 การแยกตัวของรัฐทางใต้ในสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. 1860 และ 1861 การปลดรัฐบาลกลางออสเตรเลีย ในปี ค.ศ. 1975 และวิกฤตการณ์ยูเครนในปี 2007 ถึงแม้ว่าสหราชอาณาจักรแห่งบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ จะไม่มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประมวล แต่ก็ถือว่ามีรัฐธรรมนูญที่ยังไม่ได้ประมวล และปัญหากับวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ในสหราชอาณาจักรและประเทศในสังกัดก็ยังมีการเรียกว่าวิกฤตทางรัฐธรรมนูญ
วิกฤตการณ์ทางรัฐธรรมนูญอาจเกิดขึ้นจากข้อขัดแย้งระหว่างฝ่ายต่าง ๆ ของรัฐบาล ข้อขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น หรือเพียงข้อขัดแย้งระหว่างกลุ่มต่าง ๆ ภายในสังคม ในระหว่างการบริหารราชการแผ่นดิน วิกฤตการณ์เกิดขึ้นเมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือมากกว่านั้นในข้อพิพาททางการเมือง จงใจเลือกที่จะละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ หรือละเมิดธรรมเนียมรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้เขียนขึ้น หรือโต้แย้งการตีความกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือประเพณีทางการเมืองที่ถูกละเมิด ตัวอย่างเช่น กรณีเอ็กซ์วายแซด ซึ่งเกี่ยวข้องกับการติดสินบนเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสโดยคณะกรรมาธิการอเมริกันที่ถูกส่งไปเพื่อรักษาสันติภาพระหว่าง ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา[4] เหตุการณ์ดังกล่าวถูกตีพิมพ์ในสื่อสิ่งพิมพ์ของอเมริกาและก่อให้เกิดวิกฤตการณ์นโยบายต่างประเทศ ซึ่งส่งผลให้มีการตราพระราชบัญญัติคนต่างด้าวและการกบฏ การคัดค้านต่อพระราชบัญญัติเหล่านี้ในรูปแบบของมติในรัฐเวอร์จิเนียและเคนตักกี้ อ้างว่าพระราชบัญญัติเหล่านี้ละเมิดเสรีภาพในการพูด และเรียกร้องให้รัฐต่าง ๆ ปฏิเสธการบังคับใช้ เนื่องจากพระราชบัญญัติเหล่านี้ละเมิดรัฐธรรมนูญ [4]
เมื่อวิกฤติเกิดขึ้นเนื่องจากรัฐธรรมนูญมีความคลุมเครือทางกฎหมาย การแก้ปัญหาขั้นสุดท้ายมักจะสร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายเพื่อแก้ไขวิกฤติการณ์ในการบริหารรัฐธรรมนูญในอนาคต เช่นเดียวกับกรณีการสืบทอดตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาของ จอห์น ไทเลอร์ ซึ่งกำหนดให้ผู้สืบทอดตำแหน่งประธานาธิบดีต้องรับตำแหน่งโดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ ในทางการเมือง วิกฤตการณ์ทางรัฐธรรมนูญอาจนำไปสู่ภาวะหยุดชะงักทางการบริหาร และในที่สุดรัฐบาลก็ล่มสลาย สูญเสียความชอบธรรมทางการเมือง หรืออาจเกิดสงครามกลางเมืองได้ วิกฤตการณ์ทางรัฐธรรมนูญนั้นแตกต่างจากการกบฏ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อกลุ่มการเมือง ภายนอก รัฐบาลท้าทายอำนาจอธิปไตยของรัฐบาล เช่น ในการทำรัฐประหาร หรือ การปฏิวัติ ที่นำโดยกองทหารหรือพลเรือน
ในประเทศไทยหลังปี พ.ศ. 2544 วิกฤติการณ์รัฐธรรมนูญที่สำคัญเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2548–49 และ พ.ศ. 2551
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Contiades, Xenophon (2016). Constitutions in the Global Financial Crisis: A Comparative Analysis. Oxon: Routledge. p. 53. ISBN 9781409466314.
- ↑ Azari, Julia; Masket, Seth (February 9, 2017). "The 4 Types of Constitutional Crises". FiveThirtyEight.
- ↑ Graber, Mark A. (2015). A New Introduction to American Constitutionalism. Oxford University Press. p. 244. ISBN 9780190245238.
- ↑ 4.0 4.1 Sinopoli, Richard (1996). From Many, One: Readings in American Political and Social Thought. Washington, D.C.: Georgetown University Press. p. 185. ISBN 0878406263.