วารินทร์ ลิ้มศักดากุล
วารินทร์ ลิ้มศักดากุล | |
---|---|
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 16 กันยายน พ.ศ. 2495 |
คู่สมรส | สุพรรณ ลิ้มศักดากุล |
นายวารินทร์ ลิ้มศักดากุล (เกิด 16 กันยายน พ.ศ. 2495) อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ 1 สมัย[1] และเป็นนักธุรกิจชาวเชียงใหม่
ประวัติ
[แก้]วารินทร์ ลิ้มศักดากุล เกิดเมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2495 เป็นบุตรของปรีชา กับคำนวณ ลิ้มศักดากุล มีพี่น้อง 5 คนสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จากโรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย[2]สมรสกับนางสุพรรณ ลิ้มศักดากุล
งานการเมือง
[แก้]วารินทร์ เข้าสู่วงการการเมืองด้วยการเป็นสมาชิกสภาจังหวัด ใน พ.ศ. 2523 และ พ.ศ. 2528 ก่อนที่จะได้รับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกในปี พ.ศ. 2531 สังกัดพรรคกิจสังคม และดำรงตำแหน่งเพียงสมัยเดียว
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
[แก้]วารินทร์ ลิ้มศักดากุล ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด 1 สมัย คือ
การทำงาน
[แก้]วารินทร์ ลิ้มศักดากุล ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับเคมีเกษตร[4] อาทิ บริษัท ลิ้มศักดากุลเคมีเกษตร จำกัด บริษัท ลิ้มศักดากุลอุตสาหกรรมการเกษตร จำกัด
นอกจากงานการเมือง และงานธุรกิจ นายวารินทร์ ยังมีบทบาทสำคัญในการบริจาคทรัพย์สินสร้างวัดปู่ฮ่อ อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2548[5]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
[แก้]- พ.ศ. 2533 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์ช้างเผือก (ต.ช.)[6]
- พ.ศ. 2531 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์มงกุฎไทย (ต.ม.)[7]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ นักการเมืองถิ่นจังหวัดเชียงใหม่[ลิงก์เสีย]สถาบันพระปกเกล้า
- ↑ ทำเนียบสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2532. สำนักงานเลขารัฐสภา. 2532
- ↑ http://www.kpi.ac.th/media_kpiacth/pdf/M8_34.pdf
- ↑ ลิ้มศักดาการเกษตร
- ↑ งานวิจัยเรื่อง "การวิจัยและพัฒนารูปแบบศูนย์ศิลปวัฒนธรรมชุมชนโดยองค์กรชุมชนตำบลบ้ำนแหวน อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่" มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2022-11-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๐๗ ตอนที่ ๒๔๐ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๔, ๔ ธันวาคม ๒๕๓๓
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2022-11-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๐๕ ตอนที่ ๒๐๒ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๖, ๓ ธันวาคม ๒๕๓๑