วัดมุจลินทวาปีวิหาร
วัดมุจลินทวาปีวิหาร | |
---|---|
ชื่อสามัญ | วัดมุจลินทวาปีวิหาร, วัดตุยง |
ที่ตั้ง | ตำบลตุยง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี |
ประเภท | พระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ |
นิกาย | มหานิกาย |
สถานีย่อยพระพุทธศาสนา |
วัดมุจลินทวาปีวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ คณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ในตำบลตุยง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี
วัดมุจลินทวาปีวิหารตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. 2388 เดิมชื่อ วัดตุยง สร้างโดยพระยาวิเชียรสงคราม (เกลี้ยง) เจ้าเมืองหนองจิก แต่เดิมเจ้าเมืองได้สร้างศาลาพักสงฆ์ท่ายะลอ ได้นิมนต์พระอาจารย์พรหม ธมฺมสโรซึ่งเป็นอาจารย์ของท่านสมัยอยู่เมืองยะหริ่งมาจำพรรษา แต่เนื่องจากสถานที่ไม่มีความสะดวกหลายประการจึงย้ายที่ตั้งแห่งใหม่ ตามประวัติเล่ากันว่าท่านได้เดินทางไปพบเนินทรายขาวแห่งหนึ่ง มีต้นชะเมาใหญ่ปกคลุมเงียบสงัดและเห็นเสือใหญ่นอนหันหน้าไปทางทิศตะวันออก (ตำนานกล่าวว่าต่อมาเสือตัวนั้นได้หายไป) ท่านทั้งสองจึงถือเอานิมิตดังกล่าวเลือกเอาสถานที่นี้เป็นที่สร้างวัด ตั้งชื่อวัดว่า "วัดตุยง" ตามนามของหมู่บ้าน วัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2390[1]
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสหัวเมืองปักษ์ใต้และได้เสด็จมาถึงเมืองหนองจิก เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2433 ได้ทรงทราบว่าวัดตุยงเป็นหนึ่งในวัดที่ใช้ประกอบพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาของราชการในสมัยนั้น ทรงทราบว่าพระอุโบสถและเสนาสนะยังทรุดโทรมอยู่หลายหลัง พระองค์จึงมีพระราชศรัทธาบริจาคพระราชทรัพย์เป็นเงินจํานวน 80 ชั่ง ดำเนินการก่อสร้างพระอุโบสถและได้พระราชทานนามชื่อวัดใหม่ว่า "วัดมุจลินทวาปีวิหาร" เพื่อให้สอดคล้องกับนามเมืองหนองจิก (มุจลินท์หมายถึงไม้จิก และวาปีหมายถึงหนองน้ำ)
พ.ศ. 2488 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จตรวจราชการมณฑลปักษ์ได้ ทรงทราบว่าพระอุโบสถยังไม่มีพระประธาน จึงได้อัญเชิญ พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ ปางมารวิชัย ศิลปะเชียงแสน หน้าตักกว้าง 1 เมตร 4 นิ้ว ที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ที่ได้อัญเชิญมาจากสุโขทัยและหัวเมืองฝ่ายเหนือ ลงมาเก็บรักษาไว้ที่ระเบียงวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร นำมาประดิษฐานเป็นพระประธานประจําพระอุโบสถ วัดได้รับการสถาปนาเป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2520[2]
จุดเด่นของวัดคือวิหารเป็นที่ประดิษฐานรูปเหมือนของอดีตเจ้าอาวาส 3 องค์ โดยเฉพาะพระราชพุทธรังษีหรือหลวงพ่อดำ เจ้าอาวาสรูปที่ 5 นั้น เป็นที่เลื่องลือถึงคุณความดีของท่าน[3]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "วัดมุจลินทวาปีวิหาร". สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ.
- ↑ "วัดมุจลินทวาปีวิหาร (Wat Mujjalintawapeeviharn)". ฐานข้อมูลท้องถิ่นภาคใต้-มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.
- ↑ "วัดมุจลินทวาปีวิหาร". การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.).