วัดบ้านใหม่ (จังหวัดนครนายก)
วัดบ้านใหม่ | |
---|---|
ชื่อสามัญ | วัดบ้านใหม่ |
ที่ตั้ง | เลขที่ 32 บ้านบ้านใหม่ หมู่ที่ 6 ตำบลสาริกา อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก |
ประเภท | วัดราษฎร์ |
นิกาย | มหานิกาย (เถรวาท) |
พระประธาน | พุทธลักษณะ ปางสมาธิ ขนาดพระเพลากว้าง 60 นิ้ว |
เจ้าอาวาส | ดร.พระมหาเศกสิทธิ์ รตนโมลี |
สถานีย่อยพระพุทธศาสนา |
วัดบ้านใหม่ ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 32 บ้านบ้านใหม่ หมู่ที่ 6 ตำบลสาริกา อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย
อาณาเขต
[แก้]- ทิศเหนือ จดที่ดินของนายบัวเงิน ศิริสนธิ
- ทิศใต้ จดแม่น้ำนครนายก
- ทิศตะวันออก จดที่ดินของนายสงวน นางกิมเฮียง
- ทิศตะวันตก จดที่ดินของนางทองปีน ทองมี
- ที่ดินที่ตั้งวัดมีเนื้อที่ 13 ไร่ 3 งาน 80 ตารางวา โฉนดที่ดิน เลขที่ 1966[1]
ประวัติ
[แก้]วัดบ้านใหม่ มีความเป็นมายาวนานตั้งแต่ครั่งสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงมีพระบัญชาให้เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกและพระยาสุรสีห์ขึ้นไปตีอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทร์เมื่อ พ.ศ. 2321 และกวาดต้อนผู้คนและทรัพย์สินต่างๆมายังเมืองสยาม และมีชาวล้านช้างกลุ่มหนึ่งได้มาตั้งรกลากที่ดินแดนแห่งนี้ร่วมกลุ่มชนดั้งเดิมที่พำนักอยู่ก่อนแล้ว พร้อมกับได้นำปูชนียวัตถุสำคัญที่ตนเคารพบูชาติดมาด้วยนั้นคือ พระเชียงแสนหน้าลาวซึ่งมีอายุประมาณ 700 กว่าปี และได้สร้างศาสนะสถานในชุมชนของตนมาตั้งแต่นั้น ภายหลังได้สร้างถาวรวัตถุหลายอย่างอาทิเช่นกุฏิวิหารและอุโบสถ โดยเฉพาะอุโบสถนั้นเป็นทรงโบราณ คือมีฝาผนังด้านหลังพระประธานด้านเดียว ที่เหลือเปิดโล่งทั้งสามด้านประชาชนสามารถมองเห็นพระสงฆ์ทำสังฆกรรมได้ (ปัจจุบันได้ถูกรื้อถอนไปแล้ว) ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ในหลวงรัชการที่1 ขึ้นครองราชพระองค์ได้ทรงฟื้นฟูพระพุทธศาสนาเป็นการเร่งด่วน ทรงมีบัญชาให้เจ้าพระยายมราชและคณะยกพลขึ้นไปหัวเมืองฝ่ายเหนือคือเมืองฝางซึ่งเมื่อก่อนเจ้าพระฝางปกครองอยู่ตอนนั้นเหลือแต่วัดร้างเป็นจำนวนมากเนื่องจากพระสงฆ์ยุคเจ้าพระฝางถูกพระเจ้ากรุงธนปราบราบคาบและจับพระทุศีลสึกหมด ทรงให้เก็บรวบรวมเอาพระพุทธรูปตามวัดร้างต่างๆทั้งหมดบรรทุกเรือล่องมาทางแม่น้ำ และให้นำขึ้นไปประดิษฐานไว้ตามวัดที่มีประชาชนให้ความอุปถัมภ์อยู่ นี้จึงเป็นที่มาของหลวงพ่ออู่ทองแห่งวัดบ้านใหม่ซึ่งเป็นพระสกุลช่างศิลปะสมัยอู่ทองหรือหลวงพ่อยืน สูง 169 ซ.ม. และหลวงพ่อพิกุลทอง รวม 2 องค์
ต่อมาสมัยหลวงพ่อดำ (พระครู่สิลธรรมวิมล)เป็นเจ้าอาวาส ได้สร้างอุโบสถหลังใหม่ขึ้น ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2519 มีเขตวิสุงคามสีมา กว้าง 21 เมตร ยาว 26 เมตร
- วัดบ้านใหม่ได้ถูกทอดทิ้งให้เป็นวัดร้างอยู่ช่วงระยะหนึ่งอันเนื่องจากภัยธรรมชาติโดยมีบันทึกทางประวัติศาสตร์ไว้ว่าเม่อราวๆปี พ.ศ. ๒๓๘๒ - ๒๓๘๖ ปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวและต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีชาวต่างชาติ ๒ คนคือบาทหลวงปาเลอกัวซ์ และ ดา เวนพอร์ท เดินทางมาถึงนครนายก และได้บันทึกว่า เมืองนครนายก มีพลเมืองประมาณ ๕,๐๐๐ คน ส่วนมากเป็นชาวลาวและมีชาวสยามอยู่ด้วยกัน ราษฏรประกอบอาชีพทำนาปลูกข้าวและหาของป่าส่งขายที่กรุงเทพฯ สมัยนั้นมีไข้ป่าชุกชุมมากผู้คนจึงพากันอพยพไปอยู่ที่อื่นจนเกือบกลายเป็นเมืองร้าง ต่อมาพระมหากษัตริย์ทรงทราบความเดือดร้อนของชาวนครนายกจึงโปรดให้ยกเลิกภาษี ค่านา เพื่อจูงใจให้ชาวเมืองอยู่ที่เดิมและผู้คนที่อพยพออกไปได้กลับมาอยู่ที่เดิมสร้างบ้านเรือนขึ้นมาใหม่จนกลายเป็นชุมชนใหญ่ และได้ปฏิสังขรวัดขึ้นมาใหม่ ตั้งชื่อตามชื่อหมู่บ้านว่าวัดบ้านใหม่ โดยมี พระครูดำ กนฺตสีโล เป็นผู้นำพาชาวบ้านปฏิสังขร์วัด
ศาสนวัตถุ
[แก้]- พระประธานในอุโบสถ พุทธลักษณะ ปางสมาธิ ขนาดพระเพลากว้าง 60 นิ้ว สูง - นิ้ว สร้างเมื่อ พ.ศ. 2539
- พระประธานในศาลาการเปรียญ พุทธลักษณะ ปางสมาธิ ขนาดพระเพลากว้าง 48 นิ้ว สูง - นิ้ว สร้างเมื่อ พ.ศ. 2541
- พระพุทธรูป ปางสมาธิ ฐานพระอรหันต์ 500 จีวรดอกพิกุลเนื้อทองสัมฤทธิ์(หลวงพ่อพิกุลทอง) ขนาดพระเพลากว้าง 20 นิ้ว หรือนิยมเรียกนามท่านว่า พระรัตนะ สร้างยุคราชวงศ์พลูหลวง อยุธยาตอนปลาย
- พระพุทธรูป ปางห้ามสมุทร สูง 169 เซนติเมตร ศิลปอู่ทอง หรือสมัยอู่ทอง สร้างสมัยพระบรมไตรโลกนาถรัชการที่ 8 แห่งกรุงศรีอยุธยา(พ.ศ. 1991-2031)
- หลวงพ่อเชียงแสนหน้าลาว หน้าตัก 12 นิ้ว เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ยุคเชียงแสนซึ่งเป็นตระกูลพระบูชาที่มีชื่อระดับต้น ๆ ดังที่นักนิยมพระกล่าวกันว่าถ้าเป็นพระบูชายอดนิยมก็ต้องเป็นพระสามสิงห์ คือ เชียงแสน สุโขทัย อู่ทอง
- หลวงพ่อหิน หรือหลวงพ่อศิลาล้านปี ขนาดหน้าตัก 80 นิ้ว นายช่างจำหลักด้วยศิลาแรงปางประธานพร
เสนาสนะ
[แก้]- อุโบสถ ขนาดกว้าง 7 เมตร ยาว 14 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2517 ลักษณะ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ ปี พ.ศ. 2519 เขตวิสุงคามสีมากว้าง 21 เมตร ยาว 26 เมตร
- ศาลาการเปรียญ กว้าง 13 เมตร ยาว 27 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2540 ลักษณะ เป็นอาคาร 2 ชั้น สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก
- หอสวดมนต์ กว้าง 6 เมตร ยาว 9 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2515 ลักษณะ เป็นอาคารไม้
- กุฏิสงฆ์ จำนวน 1 หลัง เป็นอาคารไม้
- วิหารตรีมุขประดิษฐานหลวงพ่อศิลาล้านปี (พระพุทธรูปหินศักดิ์สิทธิ์ หนัก 3.5 ตัน)
- วิหารจตุรมุขประดิษฐานหลวงพ่ออู่ทอง(หลวงพ่อยืน)
- กุฏิทรงยาว 30 เมตร 9 ห้อง
- สะพานแขวนโบราณข้ามแม่น้ำนครนายก
- ศาลาปฏิบัติธรรม ณ ป่าปริวาส 1 หลัง
- ศาลาลายเจ้าแม่ตะเคียนทอง ยาว 25 เมตร 1 หลัง
นอกจากนี้ ยังมี ศาลาบำเพ็ญกุศล 1 หลัง ฌาปนสถาน 1 หลัง
ลำดับเจ้าอาวาส
[แก้]ลำดับเจ้าอาวาสวัดลำบัว | ||||||
ลำดับที่ | รายนาม | ตำแหน่ง | เริ่มวาระ | สิ้นสุดวาระ | ||
1 | พระคลี่ | เจ้าอาวาส | พ.ศ. 2321 | พ.ศ. - | ||
2 | พระดี | เจ้าอาวาส | - | - | ||
3 | พระสว่าง | เจ้าอาวาส | - | - | ||
4 | พระอธิการดุม ฐานกโร | เจ้าอาวาส | พ.ศ. 2499 | พ.ศ. 2509 | ||
5 | พระครูดำ กนฺตสีโล | เจ้าอาวาส | พ.ศ. 2510 | พ.ศ. 2547 | ||
6 | พระสุวรรณ ฐิติรัตน์ | เจ้าอาวาส | พ.ศ. 2547 | พ.ศ. 2554 | ||
7 | พระใบฎิกาไพรัตน์ ติกฺขวีโร | เจ้าอาวาส | พ.ศ. 2554 | พ.ศ. 2557 | ||
8 | พระครูศรีสิทธินายก ดร. | เจ้าอาวาส | พ.ศ. 2558 |
อ้างอิง
[แก้]- ↑ หนังสือประวัติทั่วราชอาณาจักร (ประวัติวัดจังหวัดนครนายก) เล่มที่ ๑๙ หน้า ๒๘๐ : กรมการศาสนา, กระทรวงศึกษาธิการ