วัดธรรมาธิปไตย
วัดธรรมาธิปไตย | |
---|---|
ชื่อสามัญ | วัดธรรมาธิปไตย |
ที่ตั้ง | ถนนสำราญรื่น ตำบลท่าอิฐ อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ 53000 |
ประเภท | วัดราษฎร์ |
นิกาย | เถรวาท (มหานิกาย) |
เจ้าอาวาส | พระมหามงคล กตปุญฺโญ ป.ธ.๗ |
ความพิเศษ | สถานที่เก็บรักษาบานประตูวิหารวัดพระฝางสวางคบุรีมุนีนาถ |
จุดสนใจ | สักการะหลวงพ่อเชียงแสน, ชมบานประตูวัดพระฝาง |
กิจกรรม | งานเทศกาลลอยกระทงวัดธรรมาธิปไตย |
สถานีย่อยพระพุทธศาสนา |
วัดธรรมาธิปไตย เดิมชื่อ วัดต้นมะขาม[1] ตั้งอยู่ใกล้สี่แยกจุดตัดถนนอินใจมี กับถนนสำราญรื่น ตำบลท่าอิฐ อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นที่ตั้งอาคารธรรมสภาซึ่งเป็นสถานที่เก็บรักษาบานประตูวิหารวัดพระฝางสวางคบุรีมุนีนาถ ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นประตูไม้แกะสลักที่มีความสวยงามที่สุดในจังหวัดอุตรดิตถ์และสวยงามเป็นที่สองรองจากบานประตูวัดสุทัศนเทพวราราม[2]
วัดธรรมาธิปไตยนั้นได้เคยเป็นที่ตั้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ประจำจังหวัดอุตรดิตถ์อยู่ระยะหนึ่ง[3] (อาคารธรรมสภาชั้นล่าง) ปัจจุบันเป็นวัดจำพรรษาของเจ้าคณะอำเภอตรอน และเป็นสถานที่จัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาประจำจังหวัดเช่น กิจกรรมอบรมและการประกวดต่าง ๆ ในเทศกาลวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
ประวัติ
[แก้]วัดธรรมาธิปไตย เดิมชื่อ วัดท่าทราย เนื่องจากเดิมตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่าน (ท่าอิฐล่าง) หรือบ้านบางโพเหนือ ต่อมาน้ำได้กัดเซาะตลิ่งพังเข้ามาเรื่อย ๆ จนถึงที่ตั้งวัด จึงต้องย้ายหนีน้ำขึ้นมาห่างจากที่เดิมประมาณสองกิโลเมตร สภาพที่ตั้งใหม่มีต้นไม้ร่มรื่นมากมาย โดยเฉพาะมีต้นมะขามขนาดใหญ่อย่ในบริเวณวัด จึงได้ชื่อวัดใหม่ว่า วัดต้นมะขาม มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2345
ต่อมาเจ้าคณะจังหวัดได้ส่ง พระสุธรรมเมธี (บันลือ ธมฺมธโช ป.ธ.๘) มาเป็นเจ้าอาวาสวัดต้นมะขาม เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2482 พระสุธรรมเมธีดำริว่าชื่อวัดต้นมะขามนั้นฟังเหมือนอยู่ในป่าและต้นมะขามใหญ่นั้นก็ไม่มีปรากฏแล้ว อีกทั้งวัดในขณะนั้นอยู่กลางเมืองอุตรดิตถ์มีผู้คนผ่านไปมามากควรเปลี่ยนชื่อใหม่ให้ไพเราะ จึงได้ทำการขออนุญาตเปลี่ยนชื่อวัดเป็น วัดธรรมาธิปไตย ตั้งแต่นั้นมา[4]
อาณาเขตที่ตั้งวัด
[แก้]ที่ดินที่ตั้งวัดมีเนื้อที่ 19 ไร่ 24 ตารางวา ลักษณะพื้นที่ตั้งวัดและบริเวณโดยรอบเป็นที่ราบตั้งอยู่กลางชุมชน
- ทิศเหนือ ยาว 200 เมตร จดทางสาธารณะ (ถนนอินใจมี)
- ทิศใต้ ยาว165 เมตร จดที่ส่วนบุคคล (พ.ต.ธีระ)
- ทิศตะวันออก ยาว 200 เมตร จคทางสาธารณะ (ถนนสำราญรื่น)
- ทิศตะวันตก ยาว 180 เมตร จดที่ส่วนบุคคล (นายทองดา ขุนอินทร์)
ศาสนสถานและศิลปวัตถุสำคัญ
[แก้]- อาคารธรรมสภา กว้าง 19.30 เมตร ยาว 40.30 เมตร เป็นอาคารปูน 2 ชั้นหลังแรกในจังหวัดอุตรดิตถ์ สร้างในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี (เริ่มสร้าง พ.ศ. 2491) ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีพระบรมราชินีในรัชกาลที่7 ทรงปิดทองลูกนิมิตเอก ในวันที่3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492 อาคารธรรมสภาเป็นอาคารซึ่งสร้างด้วยแนวคิด ธรรมสภา (ในสมัยพุทธกาล) แห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งออกแบบมาเพื่อใช้ประโยชน์ได้ 7 ประการอยู่ในที่เดียวกัน คืออุโบสถ วิหาร ศาลาการเปรียญ โรงเรียน หอสวดมนต์ หอไตร และธรรมสมาคม ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2493 โดยมี อดีต พระสุธรรมเมธี (บันลือ ธมฺมธโช ป.ธ.8) อธิบดีสงฆ์วัดธรรมาธิปไตยในขณะนั้น (ผู้ก่อตั้งสำนักพิมพ์ธรรมสภา และสถาบันบันลือธรรม) เป็นผู้ริเริ่มและดำเนินการจัดหาทุนจากทั่วประเทศ[5]
- หลวงพ่อเชียงแสน เป็นพระประธานในอุโบสถธรรมสภา (ขนาดหน้าตักกว้าง 38 นิ้ว สูง 67 นิ้ว) มีพุทธลักษณะปางมารวิชัย เนื้อโลหะสัมฤทธิ์บริสุทธิ์ สร้างในสมัยสุโขทัย สกุลช่างสุโขทัยยุคกลาง มีอายุกว่า 700 ปี นำมาจากวัดราชบุรณราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ซึ่งถูกทำลายจากระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อปี พ.ศ. 2485 หลวงพ่อเชียงแสนเป็นพระพุทธรูปโบราณสมัยสุโขทัยองค์สำคัญ 1 ใน 2 องค์ของจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่ได้นำขึ้นมาจากวัดราชบุรณะในคราวเดียวกัน (อีกองค์หนึ่งประดิษฐานอยู่ที่วัดคุ้งตะเภา มีนามว่า หลวงพ่อสุโขทัยสัมฤทธิ์)[6]
ดูประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อเชียงแสนเพิ่มได้ที่ ประวัติพระพุทธสุโขทัยไตรโลกเชษฐ์ ฯ เก็บถาวร 2008-06-02 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- บานประตูวิหารวัดพระฝางสวางคบุรีมุนีนาถ เดิมอยู่วัดพระฝางสวางคบุรีมุนีนาถแต่เนื่องจากวิหารชำรุดทรุดโทรมมาก เจ้าคณะสงฆ์จังหวัดอุตรดิตถ์ในสมัยนั้นจึงได้ขออนุญาตกรมศิลปากรนำมาเก็บรักษาไว้ที่ อาคารธรรมสภา วัดธรรมาธิปไตย มาตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2494
บานประตูคู่นี้แกะสลักในสมัยอยุธยา แต่ละบานขนาดกว้าง 1.2 เมตร สูง 5.3 เมตร และหนาถึง 16 เซนติเมตร ทำจากไม้ปรูแกะสลักเป็นลายกนกก้านขด ลายพุ่มทรงข้าวบิณฑ์ บานละ 7 พุ่ม ระหว่างพุ่มทรงข้าวบิณฑ์มีกนกใบเทศขนาบ สองข้างขวามือด้านบนมีอกเลาประตูอยู่ตรงกลาง แกะสลักเป็นลายเทพพนม ตอนบนอกเลา 4 องค์ตอนล่างอกเลา 4 องค์ กล่าวกันว่างดงามเป็นที่สองรองจากประตูวิหารวัดสุทัศน์ในกรุงเทพฯ
ข้อมูลจำเพาะ
[แก้]วัดธรรมาธิปไตย ได้รับพระบรมราชานุญาตให้สร้างวัดตามพระราชบัญญัติลักษณะการปกครองคณะสงฆ์ ร.ศ. 121 เมื่อปี พ.ศ. 2430 มีพระบรมราชโองการประกาศพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2485[7]
-
หลวงพ่อเชียงแสน พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์วัดธรรมาธิปไตย
-
ลวดลายบานประตูวัดพระฝาง (บานดั้งเดิม) ในอาคารธรรมสภา (ชั้นสอง)
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ "ประวัติโรงเรียนเทศบาลท่าอิฐ". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-12-21. สืบค้นเมื่อ 2007-11-25.
- ↑ "สถานที่ท่องเที่ยว ในอำเภอเมืองอุตรดิตถ์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2006-12-31. สืบค้นเมื่อ 2007-09-05.
- ↑ "เว็บไซต์ สนง.พระพุทธศาสนาจังหวัดอุตรดิตถ์ วัดธรรมาธิปไตย (อาคารธรรมสภาชั้นล่าง)". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-09-10. สืบค้นเมื่อ 2007-09-05.
- ↑ มงคล กตปุญฺโญ.พระมหา. ประวัติวัดธรรมาธิปไตย.พิมพ์ครั้งที่ 1.อุตรดิตถ์:โชคดีการพิมพ์, 2551
- ↑ "กว่าจะมาเป็นธรรมสภา. จากเว็บไซต์สำนักพิมพ์ธรรมสภา". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-05-15. สืบค้นเมื่อ 2008-05-22.
- ↑ เทวประภาส มากคล้าย เปรียญ.. สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น : ประเพณีวัฒนธรรมและพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของวัดและหมู่บ้านคุ้งตะเภา. อุตรดิตถ์: วัดคุ้งตะเภา, ๒๕๕๑.
- ↑ กรมการศาสนา. ประวัติวัดทั่วราชอาณาจักร เล่ม ๗ หน้า ๖๙