ริชาร์ด ลอง
ริชาร์ด ลอง | |
---|---|
เกิด | ริชาร์ด ลอง 2 มิถุนายน ค.ศ. 1945 บริสตอล, อังกฤษ |
อาชีพ | จิตรกร, ประติมากร, ช่างภาพ |
แนวร่วมในทางวรรณคดี | ภูมิศิลป์, ธรณีศิลป์ |
ริชาร์ด ลอง (อังกฤษ: Richard Long) (2 มิถุนายน 1945 - ปัจจุบัน) เป็นจิตรกร ประติมากรและช่างภาพชาวอังกฤษ เขาเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในศิลปินภูมิศิลป์หรือธรณีศิลป์ชาวอังกฤษที่ยอดเยี่ยมและมีชื่อเสียงที่สุด ลองเป็นศิลปินเพียงคนเดียวที่ได้รับการเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัลเทอร์เนอร์ถึง 4 ครั้ง เขามีชื่อเสียงจากการที่เขาได้ปฏิเสธการเข้ารับรางวัลในปี 1984 ซึ่งเขาถูกเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัลนี้ในปี 1984, 1987 และ1988 และในที่สุดเขาก็ได้รับรางวัลเทอร์เนอร์นี้ในปี 1989 จากผลงาน White Water Line
ปัจจุบันเขาอาศัยและทำงานอยู่ที่เมืองบริสตอล ประเทศอังกฤษ
ชีวิตวัยเด็กและการศึกษา
[แก้]ลองเกิดที่เมืองบริสตอล ประเทศอังกฤษ ลองเคยศึกษาที่ University of the West of England เป็นวิทยาลัยที่เกี่ยวกับศิลปะในปี 1962 ถึง 1965 หลังจากนั้นเขาก็ศึกษาต่อที่ Saint Martin's School of Art ในลอนดอนปี 1966 ถึง 1968 ที่โรงเรียนศิลปะเซนต์มาร์ตินส์ เขาได้เรียนกับแอนโทนี คาโร (Anthony Caro) และฟิลลิป คิง (Phillip King) ภายหลังจากเขาจบการศึกษาจากโรงเรียนศิลปะเซนต์มาร์ตินส์ประมาณ 1 ปี เขาได้เขาใกล้การเป็นศิลปินมากยิ่งขึ้นและมันปรากฏออกมาในรูปภูมิศิลป์ ยิ่งไปกว่านั้นเขาได้มีส่วนร่วมในงานแสดงศิลปะนานาชาติครั้งแรกในเมืองอมาลฟี ประเทศอิตาลี ในปี 1968 และในรูปธรณีศิลป์ ที่มหาวิทยาลัยคอร์แนล (Cornell University) รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ในที่ 1969
ผลงาน
[แก้]ลองสร้างผลงานที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติระหว่างปี 1970 ผลงานที่สร้างเป็นผลมาจากมหากาพย์การเดิน สิ่งเหล่านี้พาเขาผ่านไปในชนบทและพื้นที่ห่างไกล ในประเทศอังกฤษ หรือไปไกลจากบ้านของเขาไปยังที่ราบของประเทศแคนาดา มองโกเลียและโบลิเวีย เขาเดินไปในช่วงเวลาที่ต่างกัน เพื่อเหตุผลที่ต่างกัน บางครั้งสิ่งเหล่านี้ถูกกำหนดแนวทางและความคิดไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว บางครั้งเขาแทนที่ด้วยการทำเครื่องหมายลงบนพื้นหรือปรับเปลี่ยนลักษณะหน้าตาของสถานที่โดยการวางก้อนหิน ซึ่งเป็นตัวอย่างหรือการสร้างร่องรอยแบบง่าย ๆ ยิ่งไปกว่านั้นในปี 1981 ลองได้สร้างงานศิลปะจากโคลนขึ้น
เกือบ 40 ปีที่ผ่านมา งานของเขายังคงดำเนินต่อไป เกี่ยวกับการโต้แย้งด้วยเหตุผลระหว่างการทำงานที่อิสระและการทำงานที่มีอายุสั้นไม่ว่าที่ไหนก็ตามในโลกกว้างนี้และนำกลับมายังพื้นที่สาธารณะของที่ว่างทางศิลปะ และบันทึกลงหนังสือ โดยใช้วัสดุเช่น หิน โคลนและน้ำ ในรูปแบบภาพถ่าย และงานลายลักษณ์อักษร
ในปี 2012 ศิลปินท่านอื่นได้ไปชนนิทรรศการที่ชื่อว่า "Ends of the Earth: Land Art bis 1974" เป็นงานที่เกี่ยวกับกรอบความคิดและเป็นงานที่หาชมได้ยาก ชื่อว่า A Walking Line in the Berner Oberland.
ผลงานเส้นที่เกิดจากการเดิน ปี 1967
[แก้]ในตอนนั้นริชาร์ด ลองอายุได้ 22 ปีและเขากำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนศิลปะเซนต์มาร์ตินในลอนดอน เขาสร้างผลงานโดยการเดินไปข้างหน้าและย้อนกลับมาทางเดิม เหมือนกันเส้นตรงไปมาบนพื้นหญ้า ในสถานที่ชนบทแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ เขาฝากร่องรอยนี้เอาไว้และนำกลับมาในรูปแบบของภาพถ่ายสีขาว-ดำ งานชิ้นนี้เข้าใจว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญชิ้นหนึ่งในศิลปะร่วมสมัย แสดงให้เห็นถึงความสมดุลระหว่างการกระทำและวัตถุประสงค์ผ่านทางความสวยงามของเส้นตรง
ธรรมชาติมักจะนำไปสู่ความเป็นศิลปะจากภาพเขียนบนฝาผนังถ้ำภาพแรกสู่ภาพถ่ายธรรมชาติในศตวรรษที่ 20 ฉันต้องการใช้ภูมิทัศน์ให้เหมือนดั่งศิลปินในแนวทางใหม่ อันดับแรกฉันเริ่มที่จะสร้างงานโดยใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น หญ้าและน้ำ และสิ่งนี้ก่อให้เกิดความคิดที่จะสร้างศิลปะกับการเดินนี้คือเส้นตรงในสนามหญ้า ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งนี้ก่อให้เกิดทางเดินที่ฉันเป็นเจ้าของ ความตั้งใจของฉันคือ สร้างงานศิลปะใหม่ ๆ กล่าวคือการเดินเปรียบเสมือนศิลปะ จัดหาทางเดินสำหรับฉันเพื่อสำรวจความสัมพนธ์ระหว่างเวลา, ความห่างไกล, ภูมิศาสตร์และขนาด การเดินเหล่านี้ถูกบันทึกในงานของฉัน ในทางที่เหมาะสมแต่ละความคิดที่ต่างกัน เช่น ภาพถ่าย แผนที่ หรือตัวอักษร รูปแบบเหล่านี้ให้ความรู้สึกเหมือนจินตนาการ
— ริชาร์ด ลอง
รูปทรง
[แก้]งานของเขาจะเป็นงานที่แสดงให้เห็นถึงความสอดคล้องของรูปร่างเรขาคณิต ส่วนใหญ่เป็นวงกลม เส้นตรง และเกลียว เป็นงานที่มีเอกลักษณ์ เมื่อผู้คนพบเห็นจะรู้ได้ทันทีว่าเป็นงานของเขา และจะมีความหมายแฝงแต่ก็เป็นงานที่ตั้งอยู่ในความเรียบง่าย และเขาก็มีความคิดที่ว่ารูปทรงเรขาคณิตกับธรรมชาตินั้นเข้ากันได้ เป็นการเชื่อมต่อกันทางเขตแดนของวัฒนธรรม
ผมคิดว่าทุกคนมีความเกี่ยวข้องกับวงกลม ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง มันอมตะและไร้กาลเวลา สำหรับผมคิดว่ามันเป็นพลังงานทางอารมณ์ที่ลึกลับและมีสัญลักษณ์แฝงอยู่เสมอ
— ริชาร์ด ลอง
ก้อนหิน, เศษไม้ และโคลน
[แก้]ผลงานของริชาร์ด ลองจะทำด้วยวัสดุพื้นบ้าน เช่น หิน ไม้และ โคลน ที่เขาเลือกเก็บมาจากทั่วโลก หินเป็นหนึ่งในวัสดุที่มนุษย์นำมาสร้างสรรค์ได้ง่ายที่สุดและเป็นหนึ่งในวัสดุที่ต้องลองโปรดปราน Delabole Slate Circle เป็นผลงานที่ทำเป็นของแข็ง โดยใช้หินชนวนวางบนพื้น โดยหินชนวนได้มาจากเหมืองเดลาโบล ในคอร์นวอลล์ โดยจะตัดหินชนวนให้มีความเป็นธรรมชาติมากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้และจัดเรียงเป็นวงกลม ความเรียบของแต่ละแผ่นก็จะไม่เท่ากันเพื่อความเป็นธรรมชาติ
ตั้งแต่ ปี 1981 เขาเริ่มใช้โคลนในการวาดภาพ โดยให้โคลนอยู่ในสถานะของเหลว เขาจะหยิบโคลนไว้ในมือแล้วขว้างออกไปที่ผนังหรือประทับด้วยฝ่ามือ เขาจะอนุญาตให้ผู้คนชมงานที่ทำจากหินและในขณะเดียวกันก็จะสร้างศิลปะจากโคลนในที่ที่เป็นส่วนตัว และเขาจะแสดงให้เห็นว่าทุกอย่างรวมกันได้ โดยเมื่อการแสดงงานจบลงเขาจะนำสีมาทับโคลนทั้งหมด และเขาถือว่าโคลน เป็นตัวแทนของพื้นดิน ที่เขาก้าว เดิน ผ่าน และ ได้ก่อให้เกิดของเขา " ภาพจิตรกรรมฝาผนัง " และการแสดงงานของเขาก็ยังถือเป็นงานภูมิทัศน์อย่างแท้จริง
และจากการที่เขานำวัสดุหลายๆอย่าง และโครงสร้างเรขาคณิตมารวมกันสร้างผลงาน ถือเป็นการแสดงให้เห็นถึง ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ เขาได้ อธิบายว่า "คุณอาจกล่าวได้ว่า การทำงานของผมคือความสมดุลระหว่างรูปแบบของธรรมชาติและการกระทำตามแบบของมนุษย์ ทั้งในเรื่องของความคิด นามธรรม เช่น เส้น และวงกลม มันเป็นลักษณะของมนุษย์ที่ผมค้นพบในธรรมชาติ“
ธรรมชาติและแกลลอรี่
[แก้]ลองมักจะทำงานแบบภูมิทัศน์ แต่บางครั้งก็จะใช้วัสดุธรรมชาติในแกลเลอรี ขนาดรูปปั้นของเขาจะขึ้นอยู่กับว่าแสดงในที่เฉพาะหรือกลางแจ้ง งานกลางแจ้งและในร่มของเขาจะประกอบไปด้วยธรรมชาติ, ภูมิทัศน์เป็นหัวใจสำคัญของงาน แต่ในโลกของศิลปะคนส่วนใหญ่มักจะนิยมงานที่อยู่ในพื้นที่ปิด แต่เขาปรารถนาที่จะเสนอผลงานในที่สาธารณะมากกว่า แผนที่และตำราซึ่งเป็นผลงาน
ผมชอบความจริงที่ว่าทุกคนเป็นหินที่แตกต่างกัน และมาจากต่างที่ ในลักษณะเดียวกับลายนิ้วมือหรือเกล็ดหิมะมีความเป็นเอกลักษณ์ในตนเอง เพราะฉะนั้นจึงไม่มีทางที่วงกลมสองวงจะสามารถเหมือนกันในงาน และงานของผมสามารถสร้างขึ้นได้ใหม่เสมอ หากแต่จะต่างกันในเรื่องของขนาดและสถานที่ และมันก็จะกลายเป็นงานใหม่
— ริชาร์ด ลอง
นิทรรศการและงานแสดงเดี่ยว
[แก้]- 1969 Museum Haus Lange, Krefeld
- 1969 John Gibson Gallery, New York, NY
- 1969 Konrad Fischer Gallery, Düsseldorf, Germany
- 1969 Konrad Fischer Gallery, Düsseldorf, Germany
- 1969 Yvon Lambert Gallery, Paris, France
- 1970 Abteiberg Museum, Mönchengladbach
- 1970 Konrad Fischer Gallery, Düsseldorf, Germany
- 1970 Dwan Gallery, New York
- 1971 Art & Project, Amsterdam, Netherlands
- 1971 Gian Enzo Sperone Gallery, Torino, Italy
- 1971 Museum of Modern Art, Oxford, UK
- 1971 Whitechapel Art Gallery, London, UK
- 1972 The Museum of Modern Art Projects, New York, NY
- 1972 Yvon Lambert Gallery, Paris, France
- 1973 Konrad Fischer Gallery, D?sseldorf, Germany
- 1973 Lisson Gallery, London, UK
- 1973 Stedelijk Museum, Amsterdam, Netherlands
- 1973 Wide White Space, Antwerp, Belgium
- 1974 John Weber Gallery, New York, NY
- 1974 Scottish National Gallery of Modern Art, Edinburgh, Scotland
- 1975 Konrad Fischer Gallery, Düsseldorf, Germany
- 1976 Arnolfini Gallery, Bristol, UK
- 1976 British Pavilion, Venice Biennale, Venice, Italy
- 1976 Gian Enzo Sperone Gallery, Rome, Italy
- 1976 Sperone Westwater Fischer Gallery, New York, NY
- 1977 Galeria Akumulatory 2, Poznań, Poland
- 1977 Kunsthalle Bern, Switzerland
- 1977 Lisson Gallery, London, UK
- 1977 National Gallery of Victoria, Melbourne, Australia
- 1977 Whitechapel Art Gallery, London, UK
- 1978 Art & Project, Amsterdam, Netherlands
- 1978 Austellungsraum Ulrich Ruckriem, Hamburg, Germany
- 1978 Sperone Westwater Fischer Gallery, New York, NY
- 1979 Anthony d'Offay Gallery, London, UK
- 1979 Museum of Modern Art, Oxford, UK
- 1980 Fogg Art Museum, Harvard University, Cambridge, MA
- 1980 Karen and Jean Bernier Gallery, Athens, Greece
- 1981 Anthony d'Offay Gallery, London, UK
- 1981 CAPC, Musée d'Art Contemporain de Bordeaux, Bordeaux, France
- 1981 Konrad Fischer Gallery, Düsseldorf, Germany
- 1981 Sperone Westwater Fischer Gallery, New York, NY
- 1982 Art & Project, Amsterdam, Netherlands
- 1982 National Gallery of Canada, Ottawa, Canada
- 1982 Sperone Westwater Fischer Gallery, New York, NY
- 1983 Anthony d'Offay Gallery, London, UK
- 1983 Arnolfini Gallery, Bristol, UK
- 1983 Art Agency Tokyo, Tokyo, Japan
- 1984 Anthony d'Offay Gallery, London, UK
- 1984 Coracle Press, London, UK
- 1984 Dallas Museum of Art, Dallas, TX
- 1984 Konrad Fischer Gallery, Düsseldorf
- 1985 Anthony d'Offay Gallery, London, UK
- 1985 Gallery Buchmann, Basel, Switzerland
- 1985 Malmo Konsthall, Malmö
- 1985 Padiglione d'Arte Contemporanea, Milan, Italy
- 1986 Gallery Crousel-Hussenot, Paris, France
- 1986 Palacio de Cristal, Madrid, Spain
- 1986 Solomon R. Guggenheim Museum, New York, NY[1]
- 1987 Donald Young Gallery, Chicago, IL
- 1987 Jean Bernier Gallery, Athens, Greece
- 1987 Mus?e Rath, Geneva, Switzerland
- 1988 Anthony d'Offay Gallery, London, UK
- 1988 Konrad Fischer Gallery, Düsseldorf
- 1988 Neue Galerie – Sammlung Ludwig, Aachen
- 1989 Henry Moore Sculpture Trust Studio, Dean Clough, Halifax, Nova Scotia
- 1989 Jean Bernier Gallery, Athens, Greece
- 1989 Kunstverein St Gallen, St. Gallen, Switzerland
- 1989 Sperone Westwater Gallery, New York, NY
- 1990 Arnolfini Gallery, Bristol, UK
- 1990 Magasin 3 Konsthall, Stockholm, Sweden
- 1990 Tate Gallery, London, UK
- 1991 Hayward Gallery, London, UK
- 1991 Scottish National Gallery of Modern Art, Edinburgh, Scotland
- 1991 St?dtische Galerie im St?delschen Kunstinstitut, Frankfurt, Germany
- 1991 Tate Liverpool, Liverpool, UK
- 1992 Jean Bernier Gallery, Athens, Greece
- 1992 Konrad Fischer Gallery, Düsseldorf, Germany
- 1994 ARC, Musée d'Art Moderne de la Ville de Paris, Paris, France
- 1994 Kunstsammlung Nordrhein-Westfalen, Düsseldorf, Germany
- 1994 Museum of Contemporary Art, Sydney, Australia
- 1994 Philadelphia Museum of Art, Philadelphia, PA
- 1994 S?o Paulo Biennale, São Paulo, Brazil
- 1995 Anthony d'Offay Gallery, London, UK
- 1995 Konrad Fischer, Düsseldorf, Germany
- 1995 Sala de Exposiciones de la Diputación de Huesca, Spain
- 1996 Modern Art Museum of Fort Worth, Texas
- 1996 The National Museum of Modern Art, Kyoto, Japan
- 1997 Benesse Museum of Contemporary Art, Naoshima, Japan
- 1997 Bristol City Museum and Art Gallery, Bristol, UK
- 1997 Henry Moore Institute, Leeds, UK
- 1998 Yorkshire Sculpture Park, Bretton Hall, Yorkshire, Wakefield, UK
- 1999 Bernier/Eliades, Athens, Greece
- 1999 Kunstverein Hannover, Hannover, Germany
- 2000 Griffin Contemporary, Los Angeles[2]
- 2000 Guggenheim Museum Bilbao, Bilbao, Spain
- 2000 James Cohan Gallery, New York, NY[3]
- 2000 Public Art Fund, New York Projects, New York, NY
- 2000 Royal West of England Academy, Bristol, UK
- 2001 on Site: Richard Long, Milwaukee Art Museum, Milwaukee, MI
- 2002 A Moving World, Tate St. Ives
- 2002 James Cohan Gallery, New York
- 2003 Galleria Lorcan O'Neill, Rome, Italy
- 2003 Richard Long: Here and Now and Then, Haunch of Venison, London, UK
- 2004 Kukje Gallery, Seoul, Korea
- 2004 Richard Long: The Human Touch – O toque humano, Galeria Mário Sequeira, Braga
- 2005 Galleria Lorcan O'Neill, Rome, Italy
- 2006 Richard Long, Lismore Castle, Lismore, Ireland
- 2006 Richard Long: The Path is the Place is the Line, San Francisco Museum of Modern Art, San Francisco, CA
- 2007 Richard Long: Not Vital, Galerie Tschudi, Zuoz, Switzerland
- 2007 Richard Long: Walking and Marking, National Galleries of Scotland, Edinburgh
- 2008 Musée d'Art Moderne et d'Art Contemporain, Nice, France
- 2008 Richard Long, Galleria Lorcan O'Neil, Rome, Italy
- 2009 Richard Long Exhibition no 277, Haunch of Venison, Berlin, Germany
- 2009 Richard Long: Heaven and Earth, Tate Gallery, UK
หนังสือ
[แก้]- 2012 South America. Zédélé éditions, Brest, France. First edition: 1972, Konrad Fischer, Düsseldorf.
นิทรรศการและงานแสดงกลุ่ม
[แก้]- June – July 1970 conceptual art arte povera land art at Galleria Civica d'Arte Moderna, Turin, with 44 artists including Bruce Nauman, Michael Heizer, Mario Merz, Hamish Fulton, Christo, etc.
- 1 September – 2 November 1981 Natur-Skulptur at Württembergischer Kunstverein, Stuttgart, with 35 artists including Alice Aycock, Hamish Fulton, Michael Heizer, Dennis Oppenheim, Robert Smithson, etc.
- 7 September – 7 October 2006 1 + 1 = 2 with Roger Ackling at Von Lintel Gallery, New York Vonlintel.com
- 12 June – 14 August 2010 at William Griffin Gallery with James Turrell, Teresita Fernandez, Karin Sanders, Peter Wegner, Robert Therrien, and Maya Lin
- 6 July – 30 August 2010 at Torre Abbey with Damien Hirst and Heather Jansch
- 27 May 2012 – 3 September 2013 Ends of the Earth: Land Art to 1974 at Museum of Contemporary Art, Los Angeles, with about 100 artists including Vito Acconci, Carl Andre, Keith Arnatt, Alice Aycock, John Baldessari, etc.
- 11 October 2012 – 20 January 2013 Ends of the Earth: Land Art bis 1974 at Haus der Kunst, Munich, with about the same 100 artists mentioned here below
รางวัล
[แก้]- 1976 Represented Britain in the British Pavilion at the Venice Biennale, Venice, Italy
- 1989 Turner Prize, Tate Gallery, London, UK
- 1990 Chevalier de l’Ordre des Arts et des Lettres, French Ministry of Culture, Paris, France
- 2001 Elected to the Royal Academy of Arts
- 2005 California Residency Award, For-Site Foundation, USA
เพิ่มเติม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- Long, Richard. Richard Long: Walking the line. London: Thames & Hudson, 2002. (ISBN 0-5005-1066-0)
- Fuchs, R.H. Richard Long. New York: Solomon R. Guggenheim Museum, 1986. (ISBN 0-5002-7437-1)
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- ↑ Michael Brenson (12 September 1986), Art: At The Guggenheim, Works By Richard Long New York Times.
- ↑ Suzanne Muchnic (6 February 2000), Romanticism Can Go Take a Hike Los Angeles Times.
- ↑ Roberta Smith (6 February 2000), ART IN REVIEW; Richard Long New York Times.