มูลสรวาสติวาท
มูลสรวาสติวาท (อังกฤษ: Mulasarvastivada) เป็นหนึ่งในนิกายยุคต้นของพุทธศาสนาในอินเดีย ต้นกำเนิดของมูลสรวาสติวาทและความเกี่ยวโยงกับนิกายสรวาสติวาทยังไม่เป็นที่ทราบกันดีนัก แม้ว่าจะมีหลายทฤษฎีที่เสนอเรื่องนี้ก็ตาม ความต่อเนื่องของนิกายมูลสรวาสติวาทยังคงดำรงอยู่ในพุทธศาสนาในทิเบตจนกระทั่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทว่า มีเพียงการสืบทอดมูลสรวาสติวาทสายภิกษุ ไม่มีการสืบทอดสายภิกษุณี
ประวัติ
[แก้]ในอินเดีย
[แก้]ทฤษฎีเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมูลสรวาสติวาท กับสรวาสติวาท เป็นที่ขัดแย้งกันอยู่ นักวิชาการสมัยใหม่มีแนวโน้มที่จะจำแนกทั้ง 2 สำนักเป็นอิสระต่อกัน[1] อี้จิ้งอ้างว่ามูลสรวาสติวาทได้รับชื่อเช่นนี้ เพราะแตกหน่อมาจากนิกายสรวาสติวาท แต่ บูโตน รินเชน ดรุบ (Buton Rinchen Drub) กล่าวว่า การใช้ชื่อว่า มูลสรวาสติวาทเป็นการแสดงความเคารพต่อนิกายสรวาสติวาท ในฐานะที่เป็น "รากเหง้า" (มูล) ของนิกายต่าาง ๆ ของพุทธศาสนา[2] ในทัศนะของ Gregory Schopen มูลสรวาสติวาท พัฒนาขึ้นในอินเดียในช่วงศตวรรษที่ 2 และเสื่อมถอยลงไปในศตวรรษที่ 7[3]
ในเอเชียกลาง
[แก้]มูลสรวาสติวาทรุ่งเรืองทั่วเอเชียกลางเนื่องจากคณะพระธรรมทูตทำงานอย่างแข็งขันในพื้นที่ดังกล่าว โดยในเอเชียกลาง มีการเผยแพร่พุทธศาสนาสำนักต่าง ๆ ตามลำดับดังนี้
- ธรรมคุปต์
- สรวาสติวาท
- มูลสรวาสติวาท
ศรีวิชัย
[แก้]อี้จิ้งบันทึกไว้ว่า ในศตวรรษที่ 7 มูลสรวาสติวาทเป็นนิกายที่โดดเด่นแพร่หลายไปทั่วอาณาจักรศรีวิชัย อี้จิ้งพักอยู่ที่ศรีวิชัยเป็นเวลาหกถึงเจ็ดปีในระหว่างนั้นท่านได้ศึกษาภาษาสันสกฤตและแปลคัมภีร์ภาษาสันสกฤตเป็นภาษาจีน อี้จิ้งบันทึกไว้ว่ามูลสรวาสติวาทเป็นที่นับถือกันเกือบทั้งพื้นที่ดังกล่าว[4] ท่านบันทึกว่าวิชาที่เรียนรวมถึงกฎและพิธีการต่าง ๆ ของมูลสรวาสติวาทในภูมิภาคนี้เหมือนอย่างที่มีอยู่ในอินเดีย[5] อี้จิ้งกล่าวว่า พุทธศาสนาในดินแดนศรีวิชัยเป็นหีนยาน แต่ในอาณาจักรมลายูมีอิทธิพลของพุทธศาสนามหายาน โดยมีคำสอนของคณาจารย์มหายาน เช่น คัมภีร์โยคาจารภูมิศาสตร์ ของพระอสังคะ
การสืบทอดพระวินัย
[แก้]พระวินัยของนิกายมูลสรวาสติวาท เป็นหนึ่งในสามสายการสืบทอดพระวินัยที่หลงเหลืออยู่ คือพระวินัยของนิกายธรรมคุปต์ และนิกายเถรวาท ปัจจุบัน มูลสรวาสติวาทวินัยสืบทอดกันในทิเบต โดยมีพระวินัยแปลเป็นภาษาทิเบตในศตวรรษที่ 9 และภาษจีนในศตวรรษที่ 8 และยังมีต้นฉบับพระวินัยมูลสรวาสติวาทในภาษสันสกฤตหลงเหลืออยู่ด้วย
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Charles Willemen, Bart Dessein, Collett Cox. Sarvāstivāda Buddhist scholasticism. Brill, 1988. p.88.
- ↑ Elizabeth Cook. Light of Liberation: A History of Buddhism in India. Dharma Publishing, 1992. p. 237
- ↑ Gregory Schopen. Figments and fragments of Māhāyana Buddhism in India. University of Hawaii Press, 2005. pp.76-77.
- ↑ Coedes, George. The Indianized States of South-East Asia. 1968. p. 84
- ↑ J. Takakusu (1896). A Record of the Buddhist Religion : As Practised in India and the Malay Archipelago (A.D. 671-695)/I-Tsing. Oxford: Clarendon. Reprint: New Delhi, AES 2005. ISBN 81-206-1622-7.