มัสยิดชญานวาปี
มัสยิดชญานวาปี | |
---|---|
ที่ตั้ง | |
ที่ตั้ง | พาราณสี |
รัฐ | รัฐอุตตรประเทศ |
พิกัดภูมิศาสตร์ | 25°18′40″N 83°00′38″E / 25.311229°N 83.010461°E |
สถาปัตยกรรม | |
รูปแบบ | สถาปัตยกรรมโมกุล |
ลักษณะจำเพาะ | |
โดม | 3 |
หอคอย | 2 |
มัสยิดชญานวาปี (อังกฤษ: Gyanvapi Mosque) เป็นมัสยิดในพาราณสี รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย สร้างขึ้นโดยจักรพรรดิออรังเซพในปี 1669 บนซากของเทวาลัยพระศิวะที่ถูกทุบทำลายลงก่อนหน้า[1]
ก่อนการเป็นมัสยิด
[แก้]เดิมทีจุดนี้เป็นอาคารโบสถ์พราหมณ์ชื่อวิศเวศวรมนเทียร (Vishweshwar temple) ที่สร้างขึ้นบูชาพระศิวะ[2] สร้างขึ้นโดยโตดาร์ มาล ข้าราชสำนักและขุนนางระดับสูงในราชสำนักของจักรพรรดิอักบัร สร้างร่วมกับนารายณะ ภัตต์ (Narayana Bhatta) นักเทววิทยาพราหมณ์คนสำคัญของพาราณสี ในสมัยปลายศตวรรษที่ 16[3][4][a] มนเทียรมีส่วนต่อการเติบโตของเมืองพาราณสีในฐานะศูนย์กลางหนึ่งสำหรับการประชุมและพูดคุยถกเถียงของพราหมณ์ในประเด็นต่าง ๆ โดยเฉพาะเกี่ยวกับข้อบังคับในศาสนาฮินดู[5]
นักประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม มธุรี เดซาอี (Madhuri Desai) ตั้งข้อสันนิษฐานว่าโบสถ์หลังเดิมมีลักษณะการใช้ระบบเอย์วอน ซึ่งพบได้ในสถาปัตยกรรมโมกุล ส่วนผนังภายนอกเป็นหินแกะสลัก[6]
สู่มัสยิด
[แก้]ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1669 จักรพรรดิออรังเซพมีดำริให้ทุบทำลายโบสถ์ทิ้ง[7] และสร้างมัสยิดขึ้นแทนที่ในภายหลัง ซึ่งคำสั่งสร้างมัสยิดขึ้นแทนน่าจะเป็นดำริของออรังเซพเองเช่นกัน[8][9][b] ฟาซาดของมัสยิดถอดแบบมาจากทางเข้าทัชมาฮาล ส่วนฐานย่อมุมของโบสถ์พราหมณ์หลังเดิมยังคงเหลือไว้เพื่อใช้เป็นลานและผนังทิศใต้ของมัสยิด ส่วนซุ้มโค้งแหลม งานประติมากรรมสลักภายนอก และซุ้มโตรณะ ถูกเปลี่ยนเป็นผนังกิบลัต[1][12][13][14] ในขณะที่สิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ในบริเวณ ไม่ได้ถูกทำลายไปด้วย[12]
ข้อมูลมุขปาฐะเสนอว่านักบวชพราหมณ์ยังคงได้รับอนุญาตให้อาศัยอยู่ภายในพื้นที่ของมัสยิดหลังใหม่ และยังคงมีสิทธิในการจัดการจาริกแสวงบุญของศาสนิกชนฮินดูได้[12] ซากที่เหลือของโบสถ์พราหมณ์ โดยเฉพาะฐานย่อมุม ยังคงได้รับอนุญาตให้ศาสนิกชนฮินดูเข้ามาสักการะ[15] มัสยิดหลังใหม่นี้มีชื่อว่ามัสยิดอาลัมคีรี (Alamgiri Mosque) ซึ่งตั้งตามชื่อของจักรพรรดิออรังเซพ[16] ต่อมาชื่อนี้ลดความนิยมลง กลายเป็นชื่อ ชญานวาปี (แปลว่า "บ่อน้ำความรู้") ซึ่งเป็นชื่อของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่ติดกันแทน[3] แหล่งน้ำนี้มีความเก่าแก่กว่าโบสถ์พราหมณ์ และเชื่อว่ามีพระศิวะเป็นผู้ทรงขุดแหล่งน้ำนี้ขึ้นมาเอง[17][c]
แรงจูงใจที่นำไปสู่การทำลายโบสถ์พราหมณ์ของออรังเซพนั้นเป็นประเด็นที่ถกเถียงอยู่ คัทเธอรีน อัชเชอร์ (Catherine Asher) นักประวัติศาสตร์ด้านสถาปัตยกรรมอินโดอิสลาม ชี้ให้เห็นว่าในเวลานั้น ทั้งบรรดาซามินดาร์ในพาราณสีมักก่อกบฏต่อจักรพรรดิออรังเซพ และบรรดาพราหมณ์ในพาราณสีก็ถูกกล่าวโทษว่าไปแก้ไขและยุ่งเกี่ยวกับคำสอนของศาสนาอิสลามในพื้นที่[1] การสั่งทำลายโบสถ์พราหมณ์นี้จึงเป็นเหมือน "การเชือดไก่ให้ลิงดู" ของออรังเซพเพื่อเตือนทั้งบรรดาซามินดาร์และพราหมณ์ในพาราณสีที่มีอิทธิพลมากในเมือง[1] ข้อเสนอนี้ได้รับการสนับสนุนโดยซินเธีย ทาลโบท (Cynthia Talbot), ริเชิร์ด เอ็ม อีเทิน,[18] สาติษ จันทระ และ ออเดรย์ ทรูสชกี[19] โอแฮนลอน (O' Hanlon) ยังเน้นย้ำว่าการทำลายโบสถ์พราหมณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่ความขัดแย้งระหว่างโมกุลกับชาวมราฐาอยู่ที่จุดสูงสุด[20] ในขณะที่ อังเดร วิงก์ เชื่อว่ามีแรงจูงใจทางศาสนาเกี่ยวข้องด้วย[21]
ยุคหลังได้รับเอกราชถึงปัจจุบัน
[แก้]ในเดือนมีนาคม 1959 ฮินดูมหาสภาได้จัดพิธีรุทราภิเษก (Rudrabhishek) ที่ศาลาในมัสยิดเนื่องในโอกาสเทศกาลมหาศิวราตรี ผู้จัดงานสองคนถูกตัดสินจำคุกหกเดือนในโทษฐานละเมิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย การตัดสินนี้ทำให้บรรดาผู้สนับสนุนมหาสภาจัดพิธีกรรมฮินดูและประท้วงขึ้นในศาลาหลังเดียวกันนั้นเป็นเวลาหลายเดือน และเรียกร้องให้มีการฟื้นฟูโบสถ์พราหมณ์หลังเดิมขึ้น[22]
ปัจจุบัน มัสยิดมีคำสั่งห้ามคนที่ไม่ใช่มุสลิมเข้าโดยเด็ดขาด รวมถึงมีกฎห้ามการถ่ายภาพมัสยิดโดยเด็ดขาด ซอยที่มัสยิดตั้งอยู่มีตำรวจและหน่วย RAF ประจำอยู่ กำแพงภายนอกของมัสยิดล้อมด้วยลวดหนาม และมีหอคอยสังเกตการณ์อีกหนึ่งหอ[14][23] ในช่วงวันก่อนการเลือกตั้งทั่วไปปี 2004 มีรายงานของบีบีซีระบุว่ารัฐได้ส่งกำลังตำรวจกว่าพันคนควบคุมพื้นที่รอบมัสยิด[24]
หมายเหตุ
[แก้]- ↑ A verse in the Tristhahsetu goes, "Although at limes there may be no lingam there [at Visvesvara] due to mlechhas or other evil kings, still the rites appropriate to that place such as circumambulation and salutation do take place". Richard G. Salomon notes this to prove that the desecrated condition of the lingam did prevail in his life-time.Additionally, Bhattadinakara, a roughly contemporaneous commentary by his grandson attributed the construction of the temple to Narayana Bhatta.
- ↑ Maasir-i-Alamgiri —a hagiographic account of Aurangzeb, penned after his death, by Saqi Mustaid Khan— records the destruction of the temple:[10]
Among Khan's sources were the state archives; however, he did not provide citations. Khafi Khan, another contemporary biographer of Aurangzeb had noted a lack of written sources for post-1667 events and hence, a need to depend on memory.[11]It was reported that, according to the Emperor’s [Aurangzeb] command, his officers had demolished the temple of Viswanath at Kashi.
- ↑ ตำนานกล่าวว่าพระศิวะทรงขุดด้วยตนเองเพื่อให้ลึงค์เย็นลง[3]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 Asher 1992, p. 278-279.
- ↑ Desai 2017, p. 6.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 Shin 2015, p. 36.
- ↑ Asher 2020, p. 16.
- ↑ O'Hanlon 2011, p. 264-265.
- ↑ Desai 2017, p. 60, 62.
- ↑ Desai 2017, Palimpsests.
- ↑ Lazzaretti 2021a, p. 138.
- ↑ Shin 2015, p. 4.
- ↑ Truschke 2017.
- ↑ Brown 2007.
- ↑ 12.0 12.1 12.2 Desai 2017, p. 69.
- ↑ Asher 2020, p. 17.
- ↑ 14.0 14.1 Dumper 2020.
- ↑ Dumper 2020, p. 132.
- ↑ Salaria 2022.
- ↑ Lazzaretti 2021a, p. 140.
- ↑ Eaton 2000, p. 306–307.
- ↑ Truschke 2017, p. 85-86.
- ↑ O'Hanlon 2011, p. 267.
- ↑ Wink 2020, p. 194–195; 274 (note 98).
- ↑ "Explained: Kashi Vishwanath in Sangh focus — first in 1959, but rarely thereafter". The Indian Express (ภาษาอังกฤษ). 2022-05-30. สืบค้นเมื่อ 2022-06-23.
- ↑ Desai 2003.
- ↑ Majumder 2004.
บรรณานุกรม
[แก้]- Desai, Madhuri (2017). Banaras Reconstructed: Architecture and Sacred Space in a Hindu Holy City. University of Washington Press. ISBN 9780295741604, ISBN 9780295741611.
- Searle-Chatterjee, Mary (1993). "Religious division and the mythology of the past". ใน Hertel, Bradley R.; Humes, Cynthia Ann (บ.ก.). Living Banaras: Hindu Religion in Cultural Context. SUNY Series in Hindu Studies. Albany, New York: SUNY Press. pp. 145–158.
- Sherring, Matthew Atmore (1868). The Sacred City of the Hindus: An Account of Benares in Ancient and Modern Times. Trübner & co. pp. 51–56.
- Asher, Catherine B. (May 2020). "Making Sense of Temples and Tirthas: Rajput Construction Under Mughal Rule". The Medieval History Journal. 23 (1): 9–49. doi:10.1177/0971945820905289. ISSN 0971-9458.
- O'Hanlon, Rosalind (March 2011). "Speaking from Siva's temple: Banaras scholar households and the Brahman 'ecumene' of Mughal India". South Asian History and Culture. 2 (2): 264–265. doi:10.1080/19472498.2011.553496. ISSN 1947-2498. S2CID 145729224.
- Lazzaretti, Vera (2021b). "Demolitions, dream projects and the negotiation of Hinduness in Banaras". ใน Keul, István (บ.ก.). Spaces of Religion in Urban South Asia (ภาษาอังกฤษ). Routledge. pp. 90–91. doi:10.4324/9781003106067-7. ISBN 978-1-000-33141-7.
- "Muslim Trouble in Benares: Police Force Stoned: Attempt to Pray Outside Mosque". Times of India. 20 December 1935.
- Lazzaretti, Vera (2021a). "Water And Conflicts Around Religious Heritage: Oscillations Between Centre And Periphery?". ใน Cortesi, Luisa; Joy, K. J. (บ.ก.). Split Waters: The Idea of Water Conflicts (ภาษาอังกฤษ). India: Routledge. doi:10.4324/9781003030171-9. ISBN 9780367466428.
- Dutta, Prabhash K. (15 May 2022). "Gyanvapi: A 31-year dispute of 353-year-old shrine explained". The Times of India.
- Greaves, Edwin (1909). Kashi the city illustrious, or Benares. Allahabad: Indian Press. pp. 80–82.
- Katju, Manjari (2003). Vishva Hindu Parishad and Indian Politics. Orient Blackswan. pp. 113–114. ISBN 978-81-250-2476-7.
- L. Eck, Diana (1982). Banaras: City of Light. Knopf. ISBN 978-0-307-83295-5.
- Askari, S. H. (1978). "Malfuzat: An Untapped Source of Social History — Ganj-i-Arshadi of the Jaunpur School — A Case Study". Khuda Bakhsh Library Journal. Khuda Bakhsh Oriental Library. 7: 1–22.
- Salaria, Shikha (2022-05-19). "Aibak, Akbar, Aurangzeb—the Gyanvapi divide & why a controversial mosque has a Sanskrit name". ThePrint.
- Lazzaretti, Vera (2021c). "Religious Offence Policed: Paradoxical Outcomes of Containment at the Centre of Banaras, and the 'Know-How' of Local Muslims". South Asia: Journal of South Asian Studies (ภาษาอังกฤษ). 44 (3): 584–599. doi:10.1080/00856401.2021.1923760. ISSN 0085-6401.
- Madhuri Desai (2003). "Mosques, Temples, and Orientalists: Hegemonic Imaginations in Banaras". Traditional Dwellings and Settlements Review. 15 (1): 23–37. JSTOR 41758028.
- Din Mohammad v. Secretary of State, Allahabad High Court, 1941
- Dumper, Michael (2020). "Hindu–Muslim Rivalries in Banaras: History and Myth as the Present". Power, Piety, and People: The Politics of Holy Cities in the Twenty-First Century. Columbia University Press. ISBN 978-0-231-54566-2.
- Shin, Heeryoon (2015). Building a "Modern" Temple Town: Architecture and Patronage in Banaras, 1750-1900 (PhD). Yale University.
- Askari, S. H. (2012) [2000]. "GANJ-E ARŠADĪ". Encyclopaedia Iranica Online. Brill. doi:10.1163/2330-4804_EIRO_COM_1891.
- Wink, André (2020). The making of the Indo-Islamic world : c. 700-1800 CE. Cambridge University Press. ISBN 978-1-108-41774-7.
- Taskin, Bismi (2021-04-10). "Decoding the Kashi Vishwanath-Gyanvapi dispute, and why Varanasi court has ordered ASI survey". ThePrint (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
- Kumar, Sushil (27 April 2019). "How Modi's Kashi Vishwanath Corridor is laying the ground for another Babri incident". The Caravan.
- "Court Revives Dormant Dispute, asks ASI to Survey Gyanvapi Mosque Next to Kashi Vishwanath Temple". The Wire. 8 April 2021.
- Yamunan, Sruthisagar (10 April 2021). "Why UP court order asking ASI to survey Kashi-Gyanvapi mosque complex is legally unsound". Scroll.in (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
- Yamunan, Sruthisagar (15 April 2021). "Analysis: Could ASI survey of Gyanvapi mosque lead to it being exempted from Places of Worship Act?". Scroll.in.
- Upadhyay, Sparsh (2021-09-09). "Gyanvapi Mosque Dispute: Allahabad High Court Stays Varanasi Court's ASI Survey Order & Other Proceedings". Live Law.
- Eaton, Richard M. (2000). "Temple Desecration and Indo-Muslim States". Journal of Islamic Studies. 11 (3): 306–307. doi:10.1093/jis/11.3.283. ISSN 0955-2340. JSTOR 26198197.
- Copland, Ian; Ian Mabbett; Asim Roy; Kate Brittlebank; Adam Bowles (2013). A History of State and Religion in India. Routledge. ISBN 978-1-136-45950-4.
- Menon, Kalyani Devaki (2002). "Living and Dying for Mother India: Hindu Nationalist Female Renouncers and Sacred Duty". ใน Mines, Diane P.; Lamb, Sarah (บ.ก.). Everyday Life in South Asia. Indiana University Press. ISBN 9780253340801. JSTOR j.ctt16gz5rp.
- Truschke, Audrey (2017). Aurangzeb: The Life and Legacy of India's Most Controversial King. Stanford University Press. ISBN 978-1-5036-0259-5.
- Brown, Katherine Butler (2007). "Did Aurangzeb Ban Music? Questions for the Historiography of His Reign". Modern Asian Studies. Cambridge University Press. 41 (1): 77–120. doi:10.1017/S0026749X05002313. JSTOR 4132345.
- Asher, Catherine B. (September 1992). Architecture of Mughal India. Cambridge University Press. ISBN 978-0-521-26728-1.
- Bakker, Hans (1996). "Construction and Reconstruction of Sacred Space in Vārāṇasī". Numen. 43 (1). doi:10.1163/1568527962598368. ISSN 0029-5973. JSTOR 3270235.
- Eck, Diana L. (1982). Banaras: City of Light. Knopf. ISBN 978-0-307-83295-5.
- Gaenszle, Martin; Gengnagel, Jörg (2006). Visualizing Space in Banaras: Images, Maps, and the Practice of Representation. Isd. ISBN 978-3-447-05187-3.
- Pandey, Gyanendra (1989). "The Colonial Construction of 'Communalism': British Writings on Banaras in the Nineteenth Century". Subaltern Studies. Vol. VI. Delhi: Oxford University Press.
- Majumder, Sanjoy (2004-03-25). "Cracking India's Muslim vote". BBC News. Uttar Pradesh.
- Engineer, Asghar Ali (1997). "Communalism and Communal Violence, 1996". Economic and Political Weekly. 32 (7): 324. ISSN 0012-9976. JSTOR 4405088.
- Heber, Reginald (1829). Narrative of a journey through the upper provinces of India, from Calcutta to Bombay, 1824-1825. Philadelphia, Carey, Lea & Carey.
- Sarin, Jitendra (8 May 2017). "Allahabad HC to hear Vishwanath temple, Gyanvapi mosque dispute on May 10". Hindustan Times.
- Ahmed, Areeb Uddin (11 April 2021). "All you need to know about the Gyanvapi Mosque - Kashi Vishwanath Temple land dispute". Bar & Bench (ภาษาอังกฤษ).
- Shrestha, Sahina (2 October 2021). "Restoring a piece of Nepal's history" (ภาษาอังกฤษ).
- Gaenszle, Martin; Sharma, Nutan Dhar (June 2002). "Nepali Kings and Kāśī: On the Changing Significance of a Sacred Centre". Studies in Nepali History and Society. Kathmandu, Nepal. 7 (1): 8. ISSN 1025-5109.