มะละกอ
มะละกอ | |
---|---|
พืชและผล ภาพจาก Medicinal-Plants (1887) ของ Koehler | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | พืช |
เคลด: | พืชมีท่อลำเลียง |
เคลด: | พืชดอก |
เคลด: | พืชใบเลี้ยงคู่แท้ |
เคลด: | โรสิด |
อันดับ: | อันดับผักกาด |
วงศ์: | วงศ์มะละกอ |
สกุล: | สกุลมะละกอ L.[2] |
สปีชีส์: | Carica papaya |
ชื่อทวินาม | |
Carica papaya L.[2] |
มะละกอ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Carica papaya) เป็นไม้ผลชนิดหนึ่งในวงศ์มะละกอ (Caricaceae)[3] สูงประมาณ 5–10 เมตร มีถิ่นกำเนิดในมีโซอเมริกา ซึ่งปัจจุบันอยู่ในบริเวณเม็กซิโกตอนใต้ถึงอเมริกากลาง[4][5] ก่อนนำเข้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ผลดิบมีสีเขียว เมื่อสุกแล้วเนื้อในจะมีสีเหลืองถึงส้ม นิยมนำมารับประทานทั้งสดและนำไปปรุงอาหาร หรือนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ใน ค.ศ. 2020 ประเทศอินเดียผลิตมะละกอถึง 43%
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
[แก้]มะละกอ เป็นไม้ล้มลุก อายุหลายปี สูง 3-6 เมตร เปลือกต้นเรียบ สีน้ำตาลออกขาว ลำต้นตรง ไม่มีแก่น แตกกิ่งก้านน้อย มีรอยแผลใบชัดเจน มียางขาวข้น ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับรอบต้นหนาแน่นที่ปลายยอด ใบรูปฝ่ามือ ขนาด 80-120 ซม. ขอบใบเว้าเป็นแฉกลึกถึงแกนก้าน ก้านใบเป็นหลอด กลมกลวงยาว 25-100 ซม. ดอก ดอกแยกเพศอยู่คนละต้น ดอกเพศผู้ออกเป็นช่อยาวห้อยลง ดอกสีขาว กลีบดอกมี 5 กลีบ มีกลิ่นหอม ดอกเพศเมียสีขาว ออกเป็นช่อกระจุกตามซอกใบ ดอกมีขนาดใหญ่ กว่าดอกเพศผู้ ผล รูปกระสวย ผิวเรียบ เปลือกบาง มียางสีขาว ผลสดสีเขียวเข้ม พอสุกเปลี่ยนเป็นสีส้ม รับประทานได้ มีเมล็ดมาก เมล็ดกลม สีดำ มีเยื่อหุ้มเมล็ดสีขาวใส[6]
การใช้งาน
[แก้]โภชนาการ
[แก้]คุณค่าทางโภชนาการต่อ 100 กรัม (3.5 ออนซ์) | |
---|---|
พลังงาน | 179 กิโลจูล (43 กิโลแคลอรี) |
10.82 g | |
น้ำตาล | 7.82 g |
ใยอาหาร | 1.7 g |
0.26 g | |
0.47 g | |
วิตามิน | |
วิตามินเอ | (6%) 47 μg(3%) 274 μg89 μg |
ไทอามีน (บี1) | (2%) 0.023 มก. |
ไรโบเฟลวิน (บี2) | (2%) 0.027 มก. |
ไนอาซิน (บี3) | (2%) 0.357 มก. |
(4%) 0.191 มก. | |
โฟเลต (บี9) | (10%) 38 μg |
วิตามินซี | (75%) 62 มก. |
วิตามินอี | (2%) 0.3 มก. |
วิตามินเค | (2%) 2.6 μg |
แร่ธาตุ | |
แคลเซียม | (2%) 20 มก. |
เหล็ก | (2%) 0.25 มก. |
แมกนีเซียม | (6%) 21 มก. |
แมงกานีส | (2%) 0.04 มก. |
ฟอสฟอรัส | (1%) 10 มก. |
โพแทสเซียม | (4%) 182 มก. |
โซเดียม | (1%) 8 มก. |
สังกะสี | (1%) 0.08 มก. |
องค์ประกอบอื่น | |
น้ำ | 88 g |
Lycopene | 1828 µg |
ประมาณร้อยละคร่าว ๆ โดยใช้การแนะนำของสหรัฐสำหรับผู้ใหญ่ แหล่งที่มา: USDA FoodData Central |
แพทย์แผนโบราณ
[แก้]ในการแพทย์แผนโบราณ มีการใช้มะละกอในการรักษาโรคมาลาเรีย,[7] ยาแท้ง, ยาระบาย หรือสูดควันเพื่อบรรเทาอาการหอบหืด[4]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Contreras, A. (2016). "Carica papaya". IUCN Red List of Threatened Species. 2016: e.T20681422A20694916. สืบค้นเมื่อ 4 January 2022.
- ↑ "Carica papaya L." U.S. National Plant Germplasm System. 9 May 2011. สืบค้นเมื่อ 5 September 2017.
- ↑ "Carica". 2013.
- ↑ 4.0 4.1 Morton JF (1987). "Papaya". NewCROP, the New Crop Resource Online Program, Center for New Crops & Plant Products, Purdue University; from p. 336–346. In: Fruits of warm climates, JF Morton, Miami, FL. สืบค้นเมื่อ 23 May 2015.
- ↑ Chávez-Pesqueira, Mariana; Núñez-Farfán, Juan (1 December 2017). "Domestication and Genetics of Papaya: A Review". Frontiers in Ecology and Evolution. 5. doi:10.3389/fevo.2017.00155. ISSN 2296-701X.
- ↑ "มะละกอ".โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ
- ↑ Titanji, V.P.; Zofou, D.; Ngemenya, M.N. (2008). "The Antimalarial Potential of Medicinal Plants Used for the Treatment of Malaria in Cameroonian Folk Medicine". African Journal of Traditional, Complementary and Alternative Medicines. 5 (3): 302–321. PMC 2816552. PMID 20161952.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- นิยามแบบพจนานุกรมของ papaw ที่วิกิพจนานุกรม
- Papaya, California Rare Fruit Growers, 1997 เก็บถาวร 2013-05-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน