ข้ามไปเนื้อหา

มหาศักราช

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เหรียญที่มีภาพDamasena ผู้ปกครองเซแทร็ปตะวันตก ระบุปีผลิตเหรียญที่ ม.ศ. 153 (100-50-3 ในตัวเลขอักษรพราหมี) ซึ่งตรงกับ ค.ศ. 231

มหาศักราช (ตัวย่อ ม.ศ.; อังกฤษ: Shalivahana era, Saka era) เป็นศักราชที่ใช้ตามปีครองราชย์ของ พระเจ้ากนิษกะ กษัตริย์ที่ปกครองอาณาจักรกุษาณะ หรือ พระเจ้าสลิวาหนะ ศากยะวงศ์องค์หนึ่ง[1] ที่มีอาณาเขตยิ่งใหญ่ปกครองอาณาเขตถึงบริเวณที่ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของ อินเดียส่วนเหนือ อัฟกานิสถาน ทาจิกิสถาน และส่วนตะวันตกของจีน ปีมหาศักราชนั้นในหนังสือไทยจะอ้างถึงปีที่เริ่มครองราชย์คือ พ.ศ. 621 (ค.ศ. 78)[2] ในขณะที่บันทึกต่างประเทศระบุว่าครองราชย์ในปี ค.ศ. 127 (พ.ศ. 670)[3] [4] ด้านสารานุกรมบริเตนนิการะบุว่าไม่ทราบปีครองราชย์ที่แน่นอน คาดว่าอยู่ในช่วง ค.ศ. 78 - 144[5]


เมื่อมหาศักราชแพร่เข้ามายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภาคพื้นทวีป ทำให้จารึกต่าง ๆ ในสมัยสุโขทัยและอาณาจักรใกล้เคียงต่างใช้มหาศักราชเป็นส่วนใหญ่[ต้องการอ้างอิง] สันนิษฐานว่าอาณาจักรอยุธยา เลิกใช้มหาศักราชจากเหตุการณ์ในปี พ.ศ. 2112 และเปลี่ยนไปใช้จุลศักราชแทน อย่างไรก็ตามมีการใช้มหาศักราชอยู่บ้างหลังจากนั้น ดังปรากฏในจารึกวัดไชยวัฒนาราม (จังหวัดพระนครศรีอยุธยา)[ต้องการอ้างอิง]

ปัจจุบันการแปลงมหาศักราชเป็นพุทธศักราช ให้นำ 621 บวกปีมหาศักราชนั้น จะได้ปีพุทธศักราช หากจะแปลงพุทธศักราชเป็นมหาศักราชก็ทำได้ด้วยการนำ 621 ลบกับปีพุทธศักราชนั้น จะได้ปีมหาศักราช

สาระสำคัญของมหาศักราช

[แก้]

มหาศักราช เป็นศักราชที่ใช้ตามปีครองราชย์ของพระเจ้ากนิษกะ กษัตริย์ที่ปกครองอาณาจักรกุษาณะ (Thammathat, 2013, p.23) พระเจ้ากนิษกะเป็นผู้ทรงตั้งมหาศักราชขึ้นเป็น ม.ศ. 0 เมื่อ ค.ศ. 78 หรือ พ.ศ. 621 (Chinnaphat, 1998, p.250) ตรงกับกลียุคศักราช 3179 อัญชันศักราช 768 (Thammathat, 2013, p.23) เมื่อจะเทียบกับ พ.ศ. ก็ให้ใช้ 621 บวก ม.ศ. จะได้ พ.ศ. หรือ พ.ศ. ลบด้วย 621 จะได้ ม.ศ. ซึ่งปัจจุบันนี้ไทยไม่ได้ใช้มหาศักราชแล้ว แต่ในศิลาจารึกในอดีตนิยมใช้มหาศักราชดังปรากฏในศิลาจารึกของสมเด็จพระเจ้ารามคำแหงมหาราช ด้านที่ 4 ความว่า

“....เมื่อก่อนลายสือไทยนี้บ่มี 1205 ศก ปีมะแม พ่อขุนรามคำแหง หาใคร่ใจในใจ แลใส่ลายสือไทยนี้ลายสือไทยนี้จึงมีเพื่อขุนผู้นั้นใส่ไว้.....”

(Chinnaphat, 1998, p.250)

ศก ก็คือศักราช และ 1205 ศก ก็คือ มหาศักราช 1205 ซึ่งเมื่อจะเทียบเป็นพุทธศักราชก็ให้บวกด้วย 621 จะได้พุทธศักราช ในที่นี้ ม.ศ. 1025 + 621 = พ.ศ. 1826 ปีลายสือไทย (Chinnaphat, 1998, p.250) ในที่นี้ให้ตรวจสอบด้วยนักษัตรอีกครั้งหนึ่งด้วย กล่าวคือในศิลาจารึกระบุว่าปีมะแม อยากทราบว่า ปี พ.ศ. 1826 เป็นปีมะแมจริงหรือไม่

การเทียบ พ.ศ. กับปีนักษัตร ทำได้ดังนี้(Chinnaphat, 1998, p.197) ให้นำเอา พ.ศ. บวกด้วย 6 แล้วหารด้วย 12 (หรือ (พ.ศ. + 6)/12 นำผลลัพธ์ที่เป็นเศษมาทำนาย) ถ้าผลลัพธ์ได้เศษตามนี้ ก็จะเป็นผลลัพธ์ที่มีตามข้อความด้านล่างต่อไปนี้

  • เศษ 1 คือ ปีชวด
  • เศษ 2 คือ ปีฉลู
  • เศษ 3 คือ ปีขาล
  • เศษ 4 คือ ปีเถาะ
  • เศษ 5 คือ ปีมะโรง
  • เศษ 6 คือ ปีมะเส็ง
  • เศษ 7 คือ ปีมะเมีย
  • เศษ 8 คือ ปีมะแม
  • เศษ 9 คือ ปีวอก
  • เศษ 10 คือ ปีระกา
  • เศษ 11 คือ ปีจอ
  • และถ้าได้ผลลัพธ์ไม่เหลือเศษ (เศษ 0:หารแล้วลงตัว) คือปีกุน

ขอให้สังเกตว่าจะขึ้นปีนักษัตรใหม่ก็ต่อเมื่อถึง วันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 เท่านั้น ซึ่งมักจะเป็นต้นเดือนเมษายนของปีสากลนั้น หรือบางครั้งอาจจะเลื่อนขึ้นมาเป็นปลายเดือนมีนาคมก็ได้ (Year of Naksat, 2014) แต่ปฏิทินสากลที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้มักจะระบุการขึ้นปีนักษัตรใหม่ไปตามการขึ้นปีใหม่สากล คือ ขึ้นปีนักษัตรใหม่ในเดือนมกราคมไปด้วยเลย ซึ่งไม่ถูกต้องแท้ (และไม่ถูกต้องตามตำราโหราศาสตร์ไทยที่จะมักใช้นักษัตรมาทำนายโชคชะตาชีวิตด้วย)

ในที่นี้ พ.ศ. 1826 + 6 = 1832 หารด้วย 12 ได้ 152 เศษ 8 และเศษ 8 คือปีมะแม นับว่าศิลาจารึกได้บันทึกไว้ถูกต้องแล้ว [6]

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. "ทำไมเรียกว่า"ศักราช"". aksorn.com. Dek-D.com. 23 เมษายน 2549.
  2. "ความรู้เรื่องศักราชที่ใช้ในหนังสือไทย". สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมห่งชาติ. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-09-22. สืบค้นเมื่อ 5 December 2019.
  3. Falk, Harry (2001). "The yuga of Sphujiddhvaja and the era of the Kuṣâṇas". Silk Road Art and Archaeology. VII: 121–136.
  4. Falk, Harry (2004). "The Kaniṣka era in Gupta records". Silk Road Art and Archaeology. X: 167–176.
  5. Maren Goldberg, บ.ก. (6 February 2009). Kaniska Kushan king. Encyclopædia Britannica. สืบค้นเมื่อ 5 December 2019.
  6. https://so02.tci-thaijo.org/index.php/cultural_approach/article/download/153912/112054/