ภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่
ภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ เป็นการถดถอยทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชัดเจนซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม พ.ศ. 2550 และทรุดหนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนกันยายน พ.ศ. 2551 ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกกระทบต่อเศรษฐกิจของทั้งโลก โดยบางประเทศเสียหายกว่าประเทศอื่น ภาวะเศรษฐกิจถดถอยดังกล่าวมีลักษณะของความไม่สมดุลในระบบต่าง ๆ และเกิดขึ้นจากวิกฤตการณ์การเงิน พ.ศ. 2550–2551 ผลกระทบข้างเคียงทางเศรษฐกิจของวิกฤตหนี้สาธารณะยุโรป[1] ร่วมกับการเติบโตที่ช้าลงของสหรัฐอเมริกา[2]และจีน[3] ยังเป็นอุปสรรคขัดขวางการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลก
การแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีความเสี่ยงที่ยากจะประเมิน ถูกวางขายทั่วโลก เครดิตเฟื่องฟูซึ่งมีหลากหลายกว่ายิ่งป้อนฟองสบู่เก็งกำไรในอสังหาริมทรัพย์และหุ้นของบริษัทจำกัด ซึ่งเสริมวิธีปฏิบัติสินเชื่อที่เสี่ยง[4][5] สถานการณ์ทางการเงินที่ไม่ปลอดภัยยิ่งยุ่งยากขึ้นไปอีกจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันและราคาอาหาร การเกิดความเสียหายจากสินเชื่อซับไพรม์ใน พ.ศ. 2550 เป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤตการณ์ และเผยให้เห็นสินเชื่อที่เสี่ยงอื่น ๆ และราคาสินทรัพย์ที่เฟ้อเกิน ความเสียหายจากสินเชื่อเพิ่มขึ้นและการล้มละลายของเลห์แมนบราเธอร์ส (Lehman Brothers) เมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551 ทำให้เกิดความตื่นตระหนกใหญ่ในตลาดสินเชื่อระหว่างธนาคาร วาณิชธนกิจและธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่และมีฐานมั่นคงจำนวนมากในสหรัฐอเมริกาและยุโรปประสบการขาดทุนใหญ่หลวงและกระทั่งล้มละลาย ทำให้ต้องมีการให้ความช่วยเหลือทางการเงินสาธารณะอย่างใหญ่หลวง
ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกนี้ได้ส่งผลให้การค้าระหว่างประเทศลดลงอย่างสาหัส อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นและราคาโภคภัณฑ์ถีบตัวสูงขึ้น ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2551 สำนักวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติ (NBER) ประกาศว่า สหรัฐอเมริกาอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยมาตั้งแต่เดือนธันวาคม พ.ศ. 2551[6] นักเศรษฐศาสตร์หลายคนทำนายว่า การฟื้นฟูอาจเกิดขึ้นหลัง พ.ศ. 2554 และภาวะเศรษฐกิจถดถอยนี้อาจเป็นครั้งร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ช่วงคริสต์ทศวรรษ 1930[7][8] สภาพที่นำสู่วิกฤตการณ์ ซึ่งแสดงลักษณะการเพิ่มขึ้นในราคาสินทรัพย์สูงเกินไป และการเฟื่องฟูที่สัมพันธ์กันในความต้องการทางเศรษฐกิจ ถูกมองว่าเป็นผลของการขยายเวลาของเครดิตที่หาได้ง่าย[9] และข้อบังคับและการควบคุมดูแลที่ไม่เพียงพอ[10]
ภาวะเศรษฐกิจถดถอยนี้ได้นำแนวคิดเศรษฐกิจแบบเคนส์ว่าด้วยการรับมือกับสภาพเศรษฐกิจถดถอยกลับมาอีกครั้ง นโยบายการเงินและการคลังถูกทำให้ผ่อนคลายลงอย่างมากเพื่อสกัดภาวะเศรษฐกิจถดถอยและความเสี่ยงทางการเงิน นักเศรษฐศาสตร์แนะว่า ควรถอนการกระตุ้นทันทีที่เศรษฐกิจฟื้นตัวเพื่อ "ขีดเส้นทางสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน"[11][12][13]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Countries throughout the world will experience an economic slowdown this year as the sovereign debt crisis in Europe continues to unfold"
- ↑ "Retail sales fell in June for the third straight month, knocking down economic growth projections"
- ↑ Story by Reuters "China's growth rate slowed for a sixth successive quarter to its slackest pace in more than three years"
- ↑ Foldvary, Fred E. (September 18, 2007). The Depression of 2008 (PDF). The Gutenberg Press. ISBN 0-9603872-0-X. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2009-01-14. สืบค้นเมื่อ 2009-01-04.
- ↑ Nouriel Roubini (January 15, 2009). "A Global Breakdown Of The Recession In 2009". Forbes.
- ↑ Isidore, Chris (2008-12-01). "It's official: Recession since Dec '07". CNN Money. สืบค้นเมื่อ 2009-04-10.
- ↑ Congressional Budget Office compares downturn to Great Depression เก็บถาวร 2009-03-03 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. By David Lightman. McClatchy Washington Bureau. January 27, 2009.
- ↑ Finch, Julia (2009-01-26). "Twenty-five people at the heart of the meltdown ..." London: The Guardian. สืบค้นเมื่อ 2009-04-10.
- ↑ Wearden, Graeme (2008-06-03). "Oil prices: George Soros warns that speculators could trigger stock market crash". London: The Guardian. สืบค้นเมื่อ 2009-04-10.
- ↑ Andrews, Edmund L. (2008-10-24). "Greenspan Concedes Error on Regulation". New York Times. สืบค้นเมื่อ 2009-04-18.
- ↑ "IMF World Economic Outlook, April 2009: "Exit strategies will be needed to transition fiscal and monetary policies from extraordinary short-term support to sustainable medium-term frameworks." (p.38)" (PDF). สืบค้นเมื่อ 2010-01-21.
- ↑ "Olivier Blanchard, the chief economist of the International Monetary Fund, "is advising officials around the world to keep economic stimulus programs in place no longer than necessary to chart a path to sustainable growth."". Bloomberg.com. 2005-05-30. สืบค้นเมื่อ 2010-01-21.
- ↑ Cooke, Kristin (2009-08-21). "U.S deficit poses potential systemic risk: Taylor". Reuters.com. สืบค้นเมื่อ 2010-01-21.