พระสารสาสน์พลขันธ์ (เยโรลาโม เอมิลิโอ เยรินี)
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
พระสารสาสน์พลขันธ์ (เยโรลาโม เอมิลิโอ เยรินี) | |
---|---|
1 มีนาคม พ.ศ. 2403 – พ.ศ. 2456 (53 ปี) | |
เกิดที่ | ชิซาโน ซุล เนวา จังหวัดซาโวนา แคว้นลีกูเรีย ประเทศอิตาลี |
อนิจกรรมที่ | ตูริน ประเทศอิตาลี |
เหล่าทัพ | ทหารบก เหล่าทหารราบ |
ยศสูงสุด | นายพันเอก |
รับใช้ | กองทัพบกราชอาณาจักรอิตาลี กองทัพบกสยาม |
บัญชาการ | กรมยุทธศึกษา (กองทัพบกสยาม) |
บำเหน็จ | เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎอิตาลี ชั้นที่ 1 |
อาชีพอื่น | นักภูมิศาสตร์, นักโบราณคดี, นักมานุษยวิทยา, นักภาษาศาสตร์, นักประวัติศาสตร์ |
นายพันเอก พระสารสาสน์พลขันธ์ (ยี.อี.เยรินี) (1 มีนาคม พ.ศ. 2403 – พ.ศ. 2456) เป็นชาวอิตาลีผู้เข้ามารับราชการทหารในประเทศไทย อดีตเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบกคนแรกแห่งกองทัพบกไทย เป็นที่รู้จักในฐานะผู้มีผลงานด้านไทยศึกษาเป็นจำนวนมาก และเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งสยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์
ประวัติ
[แก้]นายพันเอก พระสารสาสน์พลขันธ์ (ยี.อี.เยรินี) มีชื่อจริงว่า เยโรลาโม เอมิลิโอ เยรินี (Gerolamo Emilio Gerini) เกิดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2403 (ค.ศ. 1860) ที่เมืองชิซาโน ซุล เนวา (Cisano sul Neva) จังหวัดซาโวนา (Province of Savona) แคว้นลีกูเรีย ประเทศอิตาลี โดยเป็นบุตรชายคนโตของนายคาร์โล เยรินี ศาสตราจารย์ทางด้านวิชาเกษตรศาตร์แห่งมหาวิทยาลัยตูรินและเวโรนิกา รอสโซ
หลังจบการศีกษาชั้นต้นแล้ว ท่านได้รับทุนเรียนดีและเข้าศึกษาต่อในราชวิทยาลัยการทหารแห่งเมืองโมเดนา (Royal Military Academy of Modena) จนกระทั่งจบการศึกษาและติดยศนายร้อยตรีเหล่าทหารราบในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2422 ประจำการที่กรมทหารราบที่ 13 "ปิเนโรโล" (13º Reggimento Fanteria Pinerolo) เมืองเปรูจา แคว้นอุมเบรีย
ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2424 ท่านได้เดินทางมายังกรุงเทพ ประเทศสยาม และเข้ารับราชการในกองทัพบกสยาม ได้รับพระราชทานยศเป็นนายร้อยโท
ในปี พ.ศ. 2426 ท่านได้ย้ายจากกองทัพบกมารับราชการเป็นเลขานุการในพระองค์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์ ผู้สำเร็จราชการกรมมหาดไทย ในระยะนี้ท่านได้เดินทางไปยังพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศสยาม ทำให้มีโอกาสเรียนรู้ภาษาไทยจนเกิดความชำนาญ นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้ภาษาต่างๆ เช่น ภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต ภาษาพม่า ภาษามลายู ภาษามอญ ภาษาเขมร และภาษาถิ่นต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก
ในปี พ.ศ. 2430 ท่านได้ย้ายกลับมารับราชการในกองทัพบกอีกครั้ง โดยได้รับพระราชทานยศนายร้อยเอกเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2435[1]ดำรงตำแหน่งเป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนทหารสราญรมย์ กระทั่งในปี พ.ศ. 2438 กรมยุทธนาธิการได้จัดตั้งกรมยุทธศึกษาขึ้นเพื่อจัดการด้านการศึกษาของกองทัพบก (ปัจจุบันคือกรมยุทธศึกษาทหารบก) และได้แต่งตั้งให้ร้อยเอกเยรินีดำรงตำแหน่งเป็นเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบกคนแรก ต่อมาในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2440 ท่านได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น หลวงสารสาสน์พลขันธ์ ถือศักดินา 800[2]จากนั้นท่านจึงได้รับพระราชทานยศเป็น นายพันตรี ต่อมาท่านได้รับพระราชทานยศ พันโท เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2444[3]จากนั้นจึงได้รับพระราชทานยศ พันเอก เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2446[4]ท่านได้ดำรงตำแหน่งนี้มาจนถึงวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2448 จึงได้ลาออกจากราชการและเดินทางกลับประเทศอิตาลี[5]
นายพันเอก พระสารสาสน์พลขันธ์ (ยี.อี.เยรินี) ได้ถึงแก่กรรมที่เมืองตูรินด้วยโรคหัวใจ เมื่อ พ.ศ. 2456 ศพของท่านได้ฝังไว้ในสุสานประจำตระกูล ที่เมืองชิซาโน ซุล เนวา
ผลงาน
[แก้]- “A retrospective View and Account of the Origin of the Thet Maha Chat Ceremony" ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2435
- “Chulakantamangala or The Tonsure Ceremony as Performed in Siam” ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2436 (มีการตีพิมพ์ซ้ำหลายครั้ง)
- "พิชัยสงครามฮินดูโบราณ" เรียบเรียงและตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2437 สำนักพิมพ์ศรีปัญญาตีพิมพ์ซ้ำเมื่อ พ.ศ. 2548
- “Trial by Ordeal in Siam and the Siamese Laws of Ordeals " ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2439
- “Shan and Siam” and “Siam's Intercourse with China - Seventh to Nineteenth Centuries” ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2442
- “On Siamese Proverbs and Idiomatic Expressions “ ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2447
- “Archaeology a sinoptical Sketch” ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2447
- “Historical Retrospect of Junkceylon Island” เก็บถาวร 2016-03-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน ตีพิมพ์ครั้งแรกในวารสารของสยามสมาคม เมื่อ พ.ศ. 2448 (ตีพิมพ์ซ้ำเมื่อ พ.ศ. 2528 ในชื่อ “Old Puket”)
- “Researches on Ptolemy's Geography of Eastern Asia (Further India and Indo-Malay Archipelago)” ตีพิมพ์ครั้งแรกในวารสารของสยามสมาคม เมื่อ พ.ศ. 2452
- “Catalogo Descrittivo della Mostra Siamese alla Esposizione Internazionale delle Industrie e del Lavoro in Torino”, 1911 - Siam and Its Productions, Arts and Manufactures (1911), ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2455 (ตีพิมพ์พร้อมกันทั้งฉบับภาษาอิตาลีและภาษาอังกฤษ, สำนักพิมพ์ White Lotus ได้ตีพิมพ์ซ้ำเมื่อ พ.ศ. 2543)
- "จดหมายเหตุเรื่องทูตานุทูตของสมเด็จพระนารายน์ออกไปกรุงฝรั่งเศสครั้งสุดท้าย" ตีพิมพ์ครั้งแรกในหนังสือประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 18 เมื่อ พ.ศ. 2462
ยศและบรรดาศักดิ์
[แก้]ราชอาณาจักรอิตาลี
[แก้]- สิงหาคม พ.ศ. 2422 ร้อยตรี สังกัดกรมทหารราบที่ 13 "ปิเนโรโล" (13º Reggimento Fanteria Pinerolo)
ราชอาณาจักรสยาม
[แก้]- 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2435 ร้อยเอก
- 1 เมษายน พ.ศ. 2440 หลวงสารสาสน์พลขันธ์
- 19 กันยายน พ.ศ. 2440 พันตรี
- 6 เมษายน พ.ศ. 2444 พันโท
- 24 มกราคม พ.ศ. 2445 พระสารสาสน์พลขันธ์ ถือศักดินา 1000[6] (ในราชกิจจานุเบกษาเขียน สรสาส์นพลขันธ์)
- 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2446 พันเอก
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
[แก้]เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย
[แก้]- พ.ศ. 2440 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก (จ.ช.)[7]
- พ.ศ. 2444 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์มงกุฎไทย (ต.ม.)[8]
- พ.ศ. 2443 – เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา (ร.ด.ม.(ศ))[9]
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ – เหรียญจักรมาลา (ร.จ.ม.)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ
[แก้]- อิตาลี :
- พ.ศ. 2454 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎแห่งอิตาลี ชั้นที่ 1
อ้างอง
[แก้]- ↑ พระราชทานสัญญาบัตรทหาร
- ↑ พระราชทานสัญญาบัตร
- ↑ พระราชทานสัญญาบัตรทหารบก
- ↑ พระราชทานสัญญาบัตรทหารบก
- ↑ แจ้งความกรมยุทธนาธิการ
- ↑ พระราชทานสัญญาบัตรขุนนาง
- ↑ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ (หน้า 40)
- ↑ "พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2020-07-06. สืบค้นเมื่อ 2020-07-06.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เก็บถาวร 2018-02-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม 17, ตอน 33, 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2443, หน้า 446