ข้ามไปเนื้อหา

พระศรีพนมมาศ (ทองอิน แซ่ตัน)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระศรีพนมมาศ
(ทองอิน แซ่ตัน)
พระศรีพนมมาศขณะมียศเป็นอำมาตย์ตรี ดำรงตำแหน่งเกษตรมณฑลพิษณุโลก
เกิดพ.ศ. 2404
บ้านยางกะได อำเภอลับแล
เสียชีวิต12 มีนาคม พ.ศ. 2465
บิดามารดาตั้วตี๋ แซ่ตัน
นิ่ม แซ่ตัน

อำมาตย์ตรี พระศรีพนมมาศ (ทองอิน แซ่ตัน) (พ.ศ. 2404 – 12 มีนาคม พ.ศ. 2465) อดีตนายอำเภอลับแลในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นผู้วางผังเมืองลับแล สร้างฝายหลวง พัฒนาการศึกษา รวมทั้งส่งเสริมการเกษตร เป็นบุคคลที่คนอำเภอลับแลให้ความเคารพนับถือสืบมาจนกระทั่งปัจจุบัน

ประวัติ

[แก้]

พระศรีพนมมาศ เดิมชื่อ "ทองอิน" บิดาเป็นชาวจีน ชื่อตั้วตี๋ แซ่ตัน มารดาชื่อนิ่ม เป็นชาวอำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ทองอินเกิดที่บ้านยางกะได เมืองลับแล เมื่อปี พ.ศ. 2404 เมื่อยังเล็ก บิดามารดาได้ยกให้เป็นลูกของหลวงพ่อน้อย วัดป่ายาง หลวงพ่อน้อยตั้งชื่อให้ว่า "ทองอิน" เมื่อมีอายุ 12 ปี บิดามารดานำทองอินไปฝากไว้กับหลวงพ่อต้น วัดน้ำใส เพื่อให้เข้าศึกษาเล่าเรียน เมื่ออายุครบอุปสมบท ได้อุปสมบทที่วัดน้ำใส ในเมืองลับแล 1 พรรษา แล้วสึกออกมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ

อาชีพเริ่มแรกของทองอินคือการค้าขาย หาบเร่ของไปขายยังชุมชนต่าง ๆ ในท้องที่อำเภอลับแล บางครั้งก็ไปจนถึงอำเภอหาดเสี้ยว (อำเภอศรีสัชนาลัยในปัจจุบัน) ทำงานอยู่ 5 ปี จึงได้เข้าทำงานเป็นนายอากรโรงต้มกลั่นอำเภอหาดเสี้ยว เป็นเวลานานถึง 10 ปี กิจการเจริญขึ้นเป็นลำดับ จนมีคนรู้จักและนับหน้าถือตาเป็นจำนวนมากยิ่งขึ้น

ทองอินมีภรรยาหลายคน ไม่มีบุตร แต่มีบุตรบุญธรรมซึ่งนำมาเลี้ยงไว้หลายคน เช่น ขุนอำไพพานิช (บุย สีหาอำไพ) (บิดาของหลวงนิตย์เวชชวิศิษฏ์, กฤษณ์ อินทโกศัย, หลวงพรรณานิคมเขต, บ้วน อินทชัยศรี และประวิทย์ ธรรมโกวิทย์)

ทองอินเป็นคนที่มีความคิดก้าวหน้ายิ่งกว่าคนอื่นในเขตเดียวกัน เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสเมืองอุตรดิตถ์ และเมืองลับแลเมื่อวันที่ 23 ถึง 26 ตุลาคม พ.ศ. 2444 ทางอำเภอลับแลได้ตั้งพลับพลารับเสด็จบน "ม่อนจำศีล" นายทองอินได้เป็นหัวหน้าคนสำคัญในการรับเสด็จในครั้งนี้ โดยจัดขบวนแห่บั้งไฟ และปราสาทผึ้ง มีช้างแห่ไปในขบวนถึง 25 เชือก และมีการแสดงพระธรรมเทศนา เรื่อง พระแท่นศิลาอาสน์ด้วย

ในการเสด็จประพาสจังหวัดอุตรดิตถ์และเมืองลับแลในครั้งนี้ ทองอินได้จัดการรับเสด็จเป็นที่พอพระราชหฤทัยอย่างยิ่ง และได้เข้าเฝ้าใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทด้วยความจงรักภักดี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงทราบข่าวการได้ทำงานต่าง ๆ ซึ่งเป็นการทำประโยชน์ให้กับเมืองลับแล เช่น การสร้างถนน การสร้างเหมืองฝายของทองอิน อีกทั้งทรงทราบนิสัยของทองอินว่าเป็นคนดี ราษฏรรักใคร่นับถือมาก สมควรที่จะได้ความชอบเป็นพิเศษ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ทองอิน เป็น "ขุนพิศาลจีนะกิจ" พระราชทานนามถนนสายที่นายทองอินเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัดสร้างเพื่อรับเสด็จว่า ถนนอินใจมี

ต่อมาในวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2447]] ทองอินได้รับการเลื่อนบรรดาศักดิ์และพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็น "หลวงศรีพนมมาศ" ตำแหน่งเจ้าเมืองลับแล ขึ้นตรงต่อเมืองพิชัย ถือศักดินา 1,000 ไร่ บังคับบัญชาปลัดยกกระบัตรกรรมการเมืองและบรรดาราษฏรอยู่ในแขวงเมืองลับแลทั้งสิ้น ในวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2451 ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น "พระศรีพนมมาศ" ตำแหน่งนายอำเภอเมืองพิชัย ถือศักดินา 1,000 ไร่ ให้ทำหน้าที่ช่วยผู้ว่าราชการเมืองพิชัย ภายหลังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศเป็น อำมาตย์ตรี ดำรงตำแหน่งเกษตรมณฑลพิษณุโลก ในราชทินนามเดิม

พระศรีพนมมาศ ถึงแก่กรรมด้วยโรคลมปัจจุบัน อันเนื่องมาจากโรคเบาหวาน เมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2465]] รวมอายุได้ 60 ปี ได้รับพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2465 ณ ประรำพิธีซึ่งตั้งขึ้นข้างบ้านพระศรีพนมมาศ โดยพระกัลยาวัฒนวิศิษฐ์ เป็นประธานการจัดงาน พร้อมด้วยบุตรหลานและภริยาของท่าน

ผลงาน

[แก้]

การคมนาคม

[แก้]

ในขณะที่พระศรียังมิได้รับราชการ คือในขณะที่เป็นนายอากรสุราอยู่นั้น ได้เริ่มทำงานชิ้นสำคัญคือ การสร้างถนนจากลับแลมาถึงตลาดบางโพ โดยความร่วมมือ ของราษฏรคือถนนอินใจมี โดยที่มิได้ใช้เงินของทางราชการเลย นอกจากนั้นยังได้วางผังเมืองลับแล และตัดถนนอีกหลายสาย เช่น ถนนสายลับแล-หัวดง ถนนสายลับแล-พระแท่นศิลาอาส์น-ทุ่งยั้ง และถนนในซอยสายต่างๆในเมืองลับแล

การชลประทาน

[แก้]

เดิมทีเดียวเมืองลับแลไม่มีน้ำที่จะอุดมสมบูรณ์อยู่ได้ตลอดปีเหมือนทุกวันนี้ พระศรีพนมมาศได้เริ่มสร้างฝายหลวงขึ้น ในการสร้างฝายหลวงนี้ ได้ใช้กำลังของราษฏรแท้ๆ และมิได้รับงบประมาณจากทางแผ่นดินเลยท่านเกณฑ์แรงงานทุกคนทุกตำบลให้มาช่วย งานบ้านละ 1 คน โดยผลัดเปลี่ยนเวียนกันทำงาน ทุกคนต้องพร้อมกันที่ฝายหลวงตั้งแต่เวลาตีห้าทุกวัน ถ้าผู้ใดมาช้ากว่ากำหนดหรือขาดงาน ก็ต้องได้รับโทษหนักเบาตามสมควรแก่โทษานุโทษเยี่ยงบิดากับบุตร ตัวท่านเองเป็นผู้ควบคุมงาน ท่านต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่ และถือสังข์เป่าเป็นสัญญาณให้ชาวบ้านเตรียมตัวลุกไปทำงานทุกวัน จนได้รับสมญานานว่า "พระศรีทองสังข์" ด้วยความตั้งใจจริงของท่าน ฝายหลวงก็สำเร็จตามความปรารถนา เดิมฝายนี้สร้างด้วยไม้ นานปีเข้าก็ทานกระแสน้ำไม่ไหว จึงพังลงมาทำให้น้ำท่วมเมืองลับแลครั้งหนึ่ง ต่อมาเมื่อพระศรีพนมมาศย้ายไปเป็นเกษตรมณฑลพิษณุโลก ทางราชการได้เห็นความสำคัญของฝายนี้จึงได้สร้างเสริมต่อเติม ให้เป็นฝายที่ถาวรและใช้ประโยชน์ได้อย่างกว้างขวาง

นอกจากนี้ท่านยังสร้างฝายอื่นๆ อีก เช่น ฝายสมเด็จ ซึ่งมีประวัติเล่ากันมาว่าเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นสยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จฯ เยี่ยมเมืองลับแล พระองค์ได้ทรงทำพิธีทิ้งดินก้อนแรกเป็นปฐมฤกษ์ในการสร้างฝายขึ้น และโปรดประทานนามว่า "ฝายสมเด็จ" และยังมีฝายอีกหลายแห่งด้วยกันเช่น ฝายหิน ฝายหนองแม่อิน หนองเด่นหมาก และฝายจอมแจ้ง นับว่าพระศรีพนมมาศเป็นผู้วางรากฐานแห่งความเจริญในด้านการชลประทานให้แก่อำเภอลับแลเป็นคนแรก

ด้านการปกครอง

[แก้]

พระศรีพนมมาศเป็นนายอำเภอคนแรกที่ดำเนินการปกครอง แบบบิดาปกครองลูก เช่นในยามว่างทานจะออกเดินตรวจตราดูแลความทุกข์สุขของราษฏร์ แนะนำและตักเตือนให้ได้ปฏิบัติไปในทางที่ถูกต้อง และในทางที่ชอบถ้าท่านพบราษฏรคนใดทำผิดท่านจะว่ากล่าวตักเตือนทันที

ด้านการศึกษา

[แก้]

เมื่อครั้งพระศรีพนมมาศยังมีอาชีพเป็นนายอากรสุรา ท่านมีความสนใจเกี่ยวกับการศึกษาอยู่มาก ท่านได้ตั้งโรงเรียนราษฏร์ส่วนตัวขึ้นเป็นแห่งแรกของอำเภอลับแล แต่ตั้งอยู่ได้เพียงห้าปีก็ยุบเลิกไป เมื่อท่านดำรงตำแหน่งเป็นนายอำเภอลับแล ท่านได้ตั้งโรงเรียนขึ้นใหม่ ได้รับพระราชทานนามว่าโรงเรียนพนมมาศพิทยากร เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2450

ด้านการอุตสาหกรรม

[แก้]

งานชิ้นสำคัญของพระศรีพนมมาศอีกอย่างหนึ่งก็คือการทำไม้กวาดตองกง ท่านให้ราษฏรช่วยกันเก็บดอกตองกงซึ่งมีอยู่มากมายมาเก็บรวบรวมไว้ แล้วเรียกราษฏรตำบลแม่พูล ตำบลฝายหลวง และตำบลหัวดง มาตำบลละ 2 คน ให้มาฝึกทำไม้กวาดกับท่าน ท่านเป็นผู้หาส่วนประกอบมาให้เอง เมื่อฝึกทำจนเป็นแล้วก็เรียกราษฏรมาผลัดเปลี่ยนกันฝึกทำ จนทุกบ้านสามารถทำไม้กวาดตองกงชนิดนี้ได้หมด ท่านได้นำไม้กวาดทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และถวายเจ้านายอีกหลายพระองค์ด้วยกัน ต่อมาพระศรีพนมมาศได้ประกาศให้ราษฏรทำไม้กวาดส่งไปขายเป็นสินค้าจนถึงปัจจุบันนี้

สถานที่ ๆ ตั้งชื่อตามนามพระศรีพนมมาศ

[แก้]

ค่ายพระศรีพนมมาศ

[แก้]


โรงเรียนเทศบาลศรีพนมมาศพิทยากร

[แก้]


ถนนอินใจมี

[แก้]


อนุสาวรีย์พระศรีพนมมาศ

[แก้]


พระศรีพนมมาศในวัฒนธรรมร่วมสมัย

[แก้]


ดูเพิ่ม

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]