พระยาราชวงศ์ (บุญศรี บุตรรัตน์)
พระยาราชวงศ์ (บุญศรี บุตรรัตน์) | |
---|---|
เจ้าน้อยบุญศรี บุตรรัตน์ | |
![]() | |
พระยาราชวงศ์นครแพร่ | |
พิราลัย | พ.ศ. 2445 |
ชายา | เจ้าเวียงชื่น เทพวงศ์ |
พระบุตร | เจ้าอินทร์ตุ้ม บุตรรัตน์ เจ้าอินทร์สม บุตรรัตน์ เจ้าดาวคำ บุตรรัตน์ |
ราชวงศ์ | แสนซ้าย |
พระบิดา | เจ้าราชบุตร (เจ้าหนานขัตติยะ บุตรรัตน์) |
พระมารดา | แม่เจ้าพิมพา บุตรรัตน์ |
พระยาราชวงศ์ (น้อยบุญศรี บุตรรัตน์) หรือ เจ้าน้อยบุญศรี บุตรรัตน์ พระยาราชวงศ์องค์สุดท้ายแห่งนครแพร่ อดีตเสนามหาดไทยเมืองนครแพร่ เป็นโอรสในเจ้าราชบุตร (เจ้าหนานขัตติยะ) กับแม่เจ้าพิมพา และเป็นราชบุตรเขยเจ้าพิริยเทพวงษ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่ องค์สุดท้าย
พระประวัติ
[แก้]พระยาราชวงศ์ (น้อยบุญศรี บุตรรัตน์) หรือ เจ้าน้อยบุญศรี เป็นโอรสองค์โตในเจ้าราชบุตร (เจ้าหนานขัตติยะ) ต้นสกุลบุตรรัตน์ กับแม่เจ้าพิมพา มีเจ้าน้องร่วมเจ้าบิดามารดาอีก 5 คน ได้แก่
1.เจ้าหนานอินต๊ะ บุตรรัตน์ สมรสกับเจ้านกแก้ว บุตรรัตน์
2.เจ้าน้อยจุ๋งแก้ว บุตรรัตน์ สมรสกับแม่นายมา บุตรรัตน์
3.เจ้าเฮือนแก้ว วังซ้าย สมรสกับเจ้าหนานพรหม วังซ้าย
4.เจ้าน้อยแก้วเมืองมา สระแสง เป็นผู้อุปถัมภ์การสร้างวัดสถานหรือวัดสวรรคนิเวศในปัจจุบัน สมรสกับเจ้าคำปันดี
5.เจ้าเปี้ย แนวณรงค์ สมรสกับนายน้อยนิล แนวณรงค์
พระยาราชวงศ์เสกสมรสกับ เจ้าหญิงเวียงชื่น เทพวงศ์ ราชธิดาเจ้าพิริยเทพวงษ์ [1] หากไม่มีเหตุจลาจลพระยาราชวงศ์บุญศรีถือเป็นหนึ่งในผู้สิทธิขึ้นเป็นเจ้าหลวงนครแพร่องค์ถัดไป เนื่องจากขณะนั้นเจ้ากาบคำราชธิดาองค์โตในเจ้าพิริยเทพวงษ์ได้ถึงแก่อนิจกรรมลงทำให้เจ้าอุปราช (เจ้าน้อยเสาร์ วราราช)ราชบุตรเขยใหญ่ถูกลดบทบาทตามลงไปด้วย และเจ้าอุปราชเองยังไม่ได้รับรองโปรดเกล้าฯแต่งตั้งจากกรุงเทพฯ ยังเป็นว่าที่เจ้าอุปราชหอหน้าและมีภริยาใหม่ ส่วนเจ้าอินทร์แปลงโอรสเพียงองค์เดียวในเจ้าพิริยเทพวงษ์ กับแม่เจ้าบัวไหลอายุยังน้อย และยังไม่มีตำแหน่งใด พระยาราชวงศ์จึงมีบทบาทสำคัญในการช่วยราชการเมืองแพร่บริหารบ้านเมืองร่วมกับเจ้าพิริยเทพวงษ์มาโดยตลอด เจ้าน้อยบุญศรีได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเป็น "พระยาราชบุตร" และเลื่อนขึ้นเป็น"พระยาราชวงศ์" ในปีพ.ศ. 2440 รัชสมัยเจ้าพิริยเทพวงษ์[2] และเป็นเสนาตำแหน่งมหาดไทย ชั้นที่ 3 เอก
พระยาราชวงศ์ (เจ้าน้อยบุญศรี บุตรรัตน์) ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อปี พ.ศ. 2445 จากการทำอัตวินิบาตกรรมโดยดื่มยาพิษพร้อมกับชายาเจ้าเวียงชื่น เทพวงศ์ ในคุ้มเจ้าราชวงศ์ (ปัจจุบันคุ้มนี้รื้อไปแล้ว)
เหตุการณ์กบฎเงี้ยวปล้นเมืองแพร่
[แก้]ในปีพ.ศ. 2445 ได้เกิดความไม่สงบขึ้นในเมืองแพร่ โดยพวกไทใหญ่หรือเงี้ยวที่ได้เข้ามาอยู่อาศัยในเมืองแพร่ และทำมาหากินในการขุดพลอย ประเภทพลอยไพลินที่ตำบลบ่อแก้ว อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ในปัจจุบัน ได้ทำการก่อจลาจลในเมืองแพร่เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2445[3] จากเหตุการณ์ครั้งนี้ เจ้าหลวงนครแพร่ถูกกล่าวหาว่าคบกับพวกเงี้ยว จากหลักฐานต่างๆ เจ้าหลวงนครแพร่ เจ้าราชบุตร เจ้าไชยสงคราม มีส่วนสนับสนุนให้กองโจรเงี้ยวก่อการกบฎขึ้นอย่างแน่นอน และเชื่อว่าต้องมีการตระเตรียมการล่วงหน้ามาช้านานพอสมควรก่อนที่เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีจะได้ชำระความผิดผู้ใด เจ้าราชวงศ์และชายา ก็ตกใจกลัวความผิด ดื่มยาพิษฆ่าตัวตายเสียก่อน เพราะได้ข่าวลือว่ารัฐบาลจะประหารชีวิตผู้เกี่ยวข้องกับขบฎเงี้ยวทุกคน
โอรส-ธิดา
[แก้]พระยาราชวงศ์ (เจ้าน้อยบุญศรี บุตรรัตน์) เสกสมรสกับเจ้าเวียงชื่น เทพวงศ์ มีโอรส-ธิดา 3 คน ได้แก่
- เจ้าอินทร์ตุ้ม ศรีจันทร์แดง (บุตรรัตน์) สมรสกับเจ้าน้อยไชยวงศ์ ศรีจันทร์แดง มีบุตร-ธิดา ได้แก่
- เจ้าศรีมุ หัวเมืองแก้ว (ศรีจันทร์แดง)
- จ.ส.ต.เจ้าบุญปั๋น ศรีจันทร์แดง
- เจ้าปิ่นแก้ว ศรีจันทร์แดง
- เจ้าตั๋น ศรีจันทร์แดง (นอกจากนี้ไม่ทราบชื่อ)
- เจ้าอินทร์สม บุตรรัตน์
- เจ้าดาวคำ ศรุตานนท์ (บุตรรัตน์) สมรสกับหลวงนุภาณศิษยานุสรรค์ มีบุตร-ธิดา 2 คน ได้แก่
- คุณประกายศรี ศรุตานนท์
- คุณประกายพฤกษ์ ศรุตานนท์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์[4]
เครื่องราชอิสริยาภรณ
[แก้]- พ.ศ. 2442 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย (บ.ม.)
อ้างอิง
[แก้]- ↑ จังหวัดแพร่ .รายนามเจ้านายในสมัยขึ้นกรุงเทพ
- ↑ ชัยวุฒิ ไชยชนะ .คดีประวัติศาสตร์
- ↑ ภูเดช แสนสา .กบฏเงี้ยว พ.ศ. ๒๔๔๕” การต่อต้านสยามของประเทศราชล้านนา
- ↑ หมู่บ้าน วังฟ่อน ดอตคอม เจ้าพิริยเทพวงษ์(ทายาท)
ก่อนหน้า | พระยาราชวงศ์ (บุญศรี บุตรรัตน์) | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระยาราชวงศ์ (เจ้าน้อยคันธรส) | ![]() |
พระยาราชวงศ์แห่งนครแพร่ (? - พ.ศ. 2445) |
![]() |
รัฐบาลสยามยกเลิกตำแหน่ง |