ผู้ใช้:Waraporn sornlek
ภาวะผู้นำ
แนวคิดพื้นฐานของภาวะผู้นำ
[แก้]ความหมายของผู้นำ
[แก้]- ผู้นำ หมายถึง บุคคลซึ่งได้รับการแต่งตั้งหรือเลือกตั้งและได้รับการยอมรับจากสมาชิกให้เป็นหัวหน้าในการดำเนินกิจกรรมต่างๆของกลุ่มให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย.[1]
ความหมายของภาวะผู้นำ
[แก้]- ภาวะผู้นำเป็นคุณลักษณะเฉพาะของบุคคลที่มีอิทธิพลต่อบุคคลเพื่อนำไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ (Northouse,2012 p.3; Schermerhorn et al., 2005 p.241 )
- ภาวะผู้นำเป็นสมรรถภาพของผู้นำที่ได้รับการพัฒนาหรือกระบวนการในการบริหารจัดการเพื่อให้งานบรรลุผลอย่างมีประสิทธิภาพ (Northouse,2012 p.4; Sergiovanni, 1987 pp. 488-489)[2]
องค์ประกอบของผู้นำ
[แก้]องค์ประกอบของผู้นำ (Leader Factors)จะเน้นที่บุคลิกภาพในตัวบุคคล ในขณะที่องค์ประกอบภาวะผู้นำจะเน้นถึงปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมถึงการดำเนินงานของบุคคลให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล[3] ผู้นำเป็นบุคคลที่มีความสามารถหลายด้าน ได้แก่
- ความสามารถในด้านการทำงาน ผู้นำจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในงานอย่างถ่องแท้ สามารถปฎิบัติงานได้จริง ให้คำแนะนำได้ เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือต่อผู้ใต้บังคับบัญชา
- ความสามารถในด้านการจูงใจ ถือเป็นความสามารถพื้นฐานของการเป็นผู้นำและควรมีเทคนิคที่ดีในการจูงใจลูกน้องให้ร่วมมือปฎิบัติงานตามคำสั่งด้วยความเต็มใจ
- ความสามารถในด้านการควบคุม ผู้นำต้องควบคุมงานให้บรรลุผลตามเป้าหมายและมีประสิทธิภาพ
- ความสามารถในด้านการประสานงาน ผู้นำต้องสามารถประสานงานกับบุคคลอื่นได้เป็นอย่างดีและต้องสามารถเชื่อมโยงให้แต่ละฝ่ายสามารทำงานร่วมกันได้อย่างเป็นระบบ
- ความสามารถในด้านการตัดสินใจ เมื่อเกิดปัญหาขึ้นผู้นำจะต้องสามารถเผชิญกับปัญหาได้และสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกวิธีอีกด้วย
- ความสามารถในด้านการคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เพื่อก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น[4]
ประเภทของผู้นำ
[แก้]ผู้นำแนวคิดเก่า (Old Paradigm) | ผู้นำแนวคิดใหม่(New Paradigm) |
---|---|
*ยุคอุตสาหกรรม *มีความคงที่ *มีการควบคุม *มีการแข่งขัน *มีการจูงใจสิ่งล่อใจ *มีรูปแบบแน่นอน |
*ยุคแห่งข่าวสารข้อมูล *มีการเปลี่ยนแปลง *มีการมอบอำนาจ *มีความร่วมมือกัน *คำนึงถึงบุคคลและความสัมพันธ์กัน *มีความแตกต่างหลากหลาย |
[5](เนตร์พัณณายาวิราช,2552:23)
หน้าที่ของผู้นำ
[แก้]- หน้าที่ของผู้นำต่อบุคลในหน่วยงานควรเป็นการมอบหมายงาน การจูงใจ การควบคุม เพื่อให้การทำงานสามารถเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากเป็นผู้นำที่อยู่ในระดับสูงจะมีหน้าที่ในการบริหาร การวางแผน การกำหนดนโยบาย การจัดการองค์การ การชักนำ และการควบคุม การกระทำของผู้นำควรเป็นการกระทำโดยทำให้สมาชิกเกิดแรงจูงใจทำการกระทำเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย มิใช่การสั่งการไปเสียหมดทุกสิ่งเพราะจะถือว่าไม่ใช่การนำทางแต่เป็นการสั่งการ.[6]
แนวทางการศึกษาพื้นฐานและทฤษฎีของภาวะผู้นำ
[แก้]ทฤษฎีคุณลักษณะผู้นำ
[แก้]คุณลักษณะผู้นำ ถือเป็นสิ่งที่สามารถบ่งบอกได้ว่าผู้นำมีคุณสมบัติในการเป็นผู้นำมากน้อยเพียงใด และผู้นำที่ดีควรมีการปรับปรุงจุดด้อยของตนเองอยู่ตลอดเวลาและรู้ถึงจุดเด่นของตนเอง โดย เสริมศักดิ์ (2538 : 46) กล่าวถึง คุณลักษณะผู้นำ ดังนี้
- การมีความรับผิดชอบ
- มีความมุ่งมั่นที่จะทำงานให้สำเร็จ
- มีความแข็งแรง
- มีความเพียรพยายาม
- รู้เสี่ยง
- มีความคิดริเริ่ม
- มีความเชื่อมั่นในตนเอง
- มีความสามารถที่จะจัดการกับความเครียด
- มีความสามารถที่จะมีอิทธิพลต่อคนอื่น
- มีความสามารถที่จะประสานพลังทั้งหลายเพื่อการทำงานให้สำเร็จ[7]
ทฤษฎีความเป็นผู้นำเชิงสถานการณ์
[แก้]ทฤษฎีผู้นำตามสถานการณ์ของฟิลเดอร์ หมายถึง ทักษะความเป็นผู้นำจะต้องเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมตามสถานการณ์ ทฤษฎีผู้นำตามสถานการณ์มีตัวแปรที่เป็นตัวกำหนดถึงสถานการณ์ประกอบด้วย
- ความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำกับผู้ใต้บังคับบัญชา การที่ผู้ใต้บังคับบัญชายอมรับในตัวผู้นำ
- โครงสร้างของงาน จุดประสงค์ในการดำเนินงาน
- การใช้อำนาจหน้าที่ตามตำแหน่ง ความเป็นผู้นำหมายถึงผู้ที่สามารถให้คุณหรือให้โทษแก่พนักงานได้
ทฤษฎีผู้นำตามสถานการณ์ของเฮอร์ซี่ย์ เบลนด์ชาร์ด เน้นถึงคุณลักษณะของผู้ตามเป็นองค์ประกอบสำคัญในการพิจารณา ผู้นำที่มีประสิทธิภาพ เช่น พนังงานที่มีประสิทธิภาพต่ำต้องการผู้นำที่ใส่ใจเน้นการสั่งงาน เพื่อให้ปฏิบัติตาม แบ่งออกเป็น 4 รูปแบบ
- ผู้นำแบบบอกกล่าว ผู้นำสั่งการเพื่อให้พนักงานรู้ทิศทางที่ชัดเจน เหมาะแก่พนังงานที่มีความพร้อมต่ำ
- ผู้นำแบบขายความคิด ผู้นำมีการออกแบบความคิดเพื่อให้พนักงานตัดสินใจเลือกนำไปปฏิบัติ
- ผู้นำแบบมีส่วนร่วม ผู้นำให้คำแนะนำสนับสนุน เพื่อให้ผู้ตามเกิดความก้าวหน้า
- ผู้นำแบบมอบหมายงาน ให้พนักงานมีส่วนร่วมเล็กน้อย เน้นการทำตามคำสั่ง[8]
ภาวะผู้นำและการจูงใจ
[แก้]ความหมายและความสำคัญของการจูงใจ
[แก้]การจูงใจ หมายถึง แรงหรืออำนาจที่กำเนิดพลังและความพยายามของบุคคล ดังนั้นการจูงใจเพื่อการปฏิบติงานจึงเป็นการทำให้บุคคลเกิดพลังในการปฏิบัติงานตามที่องค์กรต้องการ การจูงใจที่มีประสิทธิผล ผู้นำต้องรู้ว่าพฤติกรรมอะไรจึงจะก่อให้เกิดการจูงใจต่อบุคคล หากบุคคลในองค์การได้รับการจูงใจจะทำให้เกิดพฤติกรรม 5 ประเภท ดังนี้
- เข้าร่วมในกิจกรรมขององค์การ
- ยังคงอยู่ในองค์การ
- มาทำงานสม่ำเสมอ
- ผลการปฏิบัติงานมีคุณภาพ
- เป็นสมาชิกที่ดีต่อองค์กร[9]
ทฤษฎีความต้องการพื้นฐานของการจูงใจ
[แก้]ทฤษฎีความต้องการพื้นฐานจะเน้น ถึงความต้องการที่จะจูงใจบุคคล คนเรามีความต้องการพื้นฐาน เช่น อาหาร ที่อยู่อาศัย ความต้องการนี้มีแหล่งที่มาจากแรงขับภายในที่สร้างแรงจูงใจในพฤติกรรมที่จะตอบสนองความต้องการจะทำงานเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้นำจะต้องมีความเข้าใจในความต้องการของพนักงานและออกแบบระบบการให้รางวัล เพื่อสนับสนุนให้พนักงานได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุจุดมุ่งหมายร่วมกันขององค์กร[10]
การนำทีมงาน
[แก้]ทีมงานคืออะไร
[แก้]ทีมงานประกอบขึ้น ด้วยกลุ่มคนซึ่งมีบทบาทผู้นำร่วมกันหรือหมุนเวียนกันเป็นผู้นำ จะต้องมีความรับผิดชอบร่วมกันและการรับผิดชอบตนเองเฉพาะรายบุคคล โดยมีวัตถุประสงค์และเป้ามายมาจากการแลกเปลี่ยนแนวคิดหรือข้อมูลในทีม[11]
คุณสมบัติพื้นฐานของทีมงาน
[แก้]- มีขนาดจำนวนสมาชิกไม่มาก ขนาดในอุคมคติของทีมงานควรมีสมาชิก 7 คน หรือ อยู่ระหว่าง 5 - 12 คน จะเป็นทีมงานทีมี่ผลงานสูง (Carron and Spink,1995)
- มีทักษะที่เสริมต่อกัน ทีมงานที่สร้างจากกลุ่มบุคคลที่มีทักษะแตกต่าง โดยแต่ละทักษะควรเป็นทักษะที่ช่วยส่งเสริมกัน ทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานเป็นทีมมี 3 กลุ่มด้วยกัน
- ทักษะที่เป็นความชำนาญงานเทคนิคหรืองานแต่ละหน้าที่ เกิดจากทักษะการเรียนด้วยประสบการณ์
- ทักษะที่เกี่ยวกับการแก้ปัญหาและการตัดสินใจ ทีมงานที่ดีจะต้องมีทักษะในการเผชิญต่อปัญหาและการตัดสินใจที่ดีในการแก้ปัญหาต่างๆ
- ทักษะเกี่ยวกับด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ทักษะด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลถือเป็นหัวใจสำคัญ หมายรวมถึงทักษะการฟังที่ดี การสนับสนุน และการให้การยอมรับในผลประโยชน์
- ผูกพันต่อกันด้วยวัตถุประสงค์และเป้าหมายเดียวกัน ทีมงานที่ดีนั้นจำเป็นจะต้องมีวัตถุประสงค์ของทีมและเป้าหมายของการดำเนินงานเสมอเพื่อให้สมาชิกในทีมเกิดความพูกผันต่อกัน
- มีแนวทางปฏิบัติเดียวกัน ทีมงานจำเป็นต้องกำหนดหลักการปฏิบัติขึ้นเพื่อให้การทำงานบรรลุเป้าหมาย โดยต้องคำนึงถึงพื้นฐานทางกายภาพด้านต่างๆ เช่น ด้านสังคม ด้านการบริหาร
- มีความรับผิดชอบที่สามารถตรวจสอบได้ร่วมกัน การทำงานเป็นทีมจำเป็นจะต้องมีความไว้ใจและความผูกพันธ์ซึ่งกันและกันถือเป็นพื้นฐานสำคัญ สามารถก่อให้เกิดความรับผิดชอบในงานซึ่งสามารถตรวจสอบได้จากพื้นฐานดังกล่าว[12]
รูปแบบทีมงาน
[แก้]รูปแบบทีมงานสามารถแบ่งประเภทได้ตามวัตถุประสงค์ ดังนี้
- ทีมแก้ปัญหา (Problem - Solving Teams) ทีมงานแก้ปัญหาจำเป็นจะต้องประกอบด้วย ผู้มีความรู้และประสบการณ์สูง เพื่อให้สามารถคิดวิธีแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสม
- ทีมบริหารตนเอง (Self - Managed Teams) โดยทุกคนมีหน้าที่ในแต่ละอย่างเป็นของตนเอง
- ทีมที่ทำงานข้ามหน้าที่กัน (Cross - Function Teams) ทีมงานข้ามหน้าที่กันมักจะเน้นถึงความเฉพาะด้านของทีม เพื่อมาร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิด
- ทีมเสมือนจริง (Virtual Teams) เกิดจากความต้องการกระจายสมาชิกด้วยเทคโนโลยี[13]
ภาวะผู้นำในทีมงานจัดการตนเอง
[แก้]ภาวะผู้นำที่มาจากภายในทีมงาน เกิดจากการมอบหมายให้บุคคลในทีมงาน หมุนเวียนกันมาเป็นผู้นำทีม หรือมอบหมายให้บุคคลได้บุคลคลหนึ่งตามแต่ละช่วงเวลา ภาวะผู้นำที่มาจากภายนอกทีมงานอาจเป็นผู้นำแบบดั้งเดิมหรือผู้นำตามประเพณี หรือการมอบหมายที่เป็นทางการ ให้กับผู้ควบคุมงานระดับต้น หรือหัวหน้างาน หรือบุคคลจากภายนอกที่ไม่ใช่ตามประเพณีหรือแบบดั้งเดิม อาจเรียกว่า "ผู้ประสานงาน" หรือ "ผู้อำนวยความสะดวก" หลักการสนับสนุนการปฏิบัติงานของทีมงาน คือ การสร้างสรรค์และเชิดชูเงื่อนไขสำหรับการปฏิบัติงาน โดยพิจารณาดังนี้
- ประสิทธิภาพและความพยายามสู่เป้าหมาย
- ทรัพยากรที่พอเพียง
- ความสามารถและทำให้เกิดการจูงใจในการปฏิบัติงาน
- ผลผลิตและบรรยากาศที่สนับสนุน
- ความผูกพันต่อการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องและการปรับตัว[14]
การพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำ
[แก้]แนวคิดการพัฒนาภาวะผู้นำ
[แก้]การพัฒนาภาวะผู้นำเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ในปัจจุบันที่เต็มไปด้วยการแข่งขันมากมาย และความเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วของยุคสมัย การพัฒนาภาวะผู้นำมีความจำเป็นต่อองค์กรเพื่อเตรียมบุคลากรที่มีคุณภาพและพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลง แต่เนื่องจากภาวะผู้นำเป็นกระบวนการแลกเปลี่ยนของการปฏิสัมพันธ์ที่มีความซับซ้อนและมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา องค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับภาวะผู้นำ ได้แก่ ผู้นำ ผู้ตาม สถานการณ์ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น องค์ประกอบเหล่านี้ต่างมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องและส่งผลกระทบต่อกันและกันเสมอ[15]
- รู้จักตัวตนของตนเอง รู้จุดด้อย จุดแข็งของตนเอง ยอมรับจุดด้อยเพื่อนำมาพัฒนาและพยายามเสริมจุดแข็งที่มีอยู่
- รู้จักพัฒนาตนให้เป็นคนคุณภาพ ต้องเป็นฝ่ายริเริ่ม มีเป้าหมายในใจ ทำตามลำดับความสำคัญ คิดบวก รู้เขารู้เรา สร้างพลังร่วม ฝึกฝนทักษะให้มีความชำนาญ
- รู้บทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบ ต่อองค์กร ต่อผู้บังคับบัญชา ต่อเพื่อนร่วมงาน ต่อตนเอง
- การพัฒนาตนเอง รู้จักตนเองมองให้รอบ ทั้งด้านจุดด้อย จุดแข็ง ภายใน ภายนอก และปรับปรุง เรียนรู้และพัฒนาโดยวิธีการเรียนรู้ที่ผสมผสานและเหมาะสมกับตัวเรา จะเป็นก้าวแรกที่สำคัญยิ่งที่จะส่งเสริมและผลักดันให้ตัวเรา องค์การ และสังคมรอบข้าง เป็นสังคมแห่งการเรียนนรู้และทุกคนในสังคมอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขจำเป็นจะต้องพัฒนาทักษะที่สำคัญ 3 ประการคือ
- ทักษะทางความคิด
- ทักษะทางมนุษยสัมพันธ์
- ทักษะทางเทคนิค[16]
เชิงอรรถ
[แก้]- ↑ สุเทพ พงศ์ศรีวัฒน์. 2544. ความหมายของผู้นำ. ในภาวะผู้นำ : ทฤษฎีและปฎิบัติ=Leadership : theory and practice, 4. เชียงราย : สถาบันราชภัฏเชียงราย.
- ↑ สัมฤทธิ์ กางเพ็ง. 2557. ความหมายของภาวะผู้นำ. ในภาวะผู้นำเชิงจริยธรรม : แนวคิด ทฤษฎี และการวิจัย, 8. มหาสารคาม : อภิชาติการพิมพ์
- ↑ วิเชียร วิทยอุดม. 2543. องค์ประกอบของผู้นำ. ในภาวะผู้นำ Leadership ฉบับก้าวล้ำยุค, 8. ม.ป.ท. : ม.ป.พ.
- ↑ เนตร์พัณณา ยาวิราช. 2552. ภาวะผู้นำและผู้นำเชิงกลยุทธ์. 18. กรุงเทพฯ : ทริปเพิ้ล กรุ๊ป จำกัด.
- ↑ เนตร์พัณณา ยาวิราช. 2552. ภาวะผู้นำและผู้นำเชิงกลยุทธ์. 23. กรุงเทพฯ : ทริปเพิ้ล กรุ๊ป จำกัด.
- ↑ เนตร์พัณณา ยาวิราช. 2552. ภาวะผู้นำและผู้นำเชิงกลยุทธ์. 11. กรุงเทพฯ : ทริปเพิ้ล กรุ๊ป จำกัด.
- ↑ Novabizz. 2560. ทฤษฎีคุณลักษณะผู้นำหรือทฤษฎีอุปนิสัย. สืบค้นเมื่อ 14 เมษายน 2560, จาก : http://www.novabizz.com/NovaAce/Relationship/Trait-Theories-of-Leadership.htm
- ↑ เนตร์พัณณา ยาวิราช. 2552. ภาวะผู้นำและผู้นำเชิงกลยุทธ์. 127-130. กรุงเทพฯ : ทริปเพิ้ล กรุ๊ป จำกัด.
- ↑ ธวัช บุณยมณี. 2550. ความหมายและความสำคัญของการจูงใจ. ในภาวะผู้นำและการเปลี่ยนแปลง, 174. กรุงเทพมหานครฯ : โอ. เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์.
- ↑ วิเชียร วิทยอุดม. 2543. ในภาวะผู้นำLeadership ฉบับบก้าล้ำยุค, 105. ม.ป.ท. : ม.ป.พ.
- ↑ สุเทพ พงศ์ศรีวัฒน์. 2548. การนำทีม. ในภาวะผู้นำทฤษฎีและปฎิบัติ : ศาสตร์และศิลป์สู่ความเป็นผู้นำที่สมบูรณ์, 444. กรุงเทพฯ : บริษัท วิรัตน์ เอ็ดดูเคชั่น จำกัด.
- ↑ สุเทพ พงศ์ศรีวัฒน์. 2548. การนำทีม. ในภาวะผู้นำทฤษฎีและปฎิบัติ : ศาสตร์และศิลป์สู่ความเป็นผู้นำที่สมบูรณ์, 447-450. กรุงเทพฯ : บริษัท วิรัตน์ เอ็ดดูเคชั่น จำกัด.
- ↑ วิเชียร วิทยอุดม. 2543. ในภาวะผู้นำLeadership ฉบับบก้าล้ำยุค, 227. ม.ป.ท. : ม.ป.พ.
- ↑ ธวัช บุณยมณี. 2550. ภาวะผู้นำในทีมงานจัดการตนเอง. ในภาวะผู้นำและการเปลี่ยนแปลง, 100. กรุงเทพมหานครฯ : โอ. เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์.
- ↑ สัมฤทธิ์ กางเพ็ง. 2557. แนวคิดพัฒนาภาวะผู้นำ. ในภาวะผู้นำเชิงจริยธรรมะ แนวคิด ทฤษฎี และการวิจัย, 163. มหาสารคาม : อภิชาติการพิมพ์.
- ↑ สัมฤทธิ์ กางเพ็ง. 2557. แนวคิดพัฒนาภาวะผู้นำ. ในภาวะผู้นำเชิงจริยธรรมะ แนวคิด ทฤษฎี และการวิจัย, 193-194. มหาสารคาม : อภิชาติการพิมพ์
อ้างอิง
[แก้]ธวัช บุณยมณี. 2550. ภาวะผู้นำและการเปลี่ยนแปลง. กรุงเทพมหานครฯ : โอ. เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์.
เนตร์พัณณา ยาวิราช. 2552. ภาวะผู้นำและผู้นำเชิงกลยุทธ์. กรุงเทพฯ : ทริปเพิ้ล กรุ๊ป จำกัด.
วิเชียร วิทยอุดม. 2543. ภาวะผู้นำ Leadership ฉบับก้าวล้ำยุค. ม.ป.ท. : ม.ป.พ.
สัมฤทธิ์ กางเพ็ง. 2557. ภาวะผู้นำเชิงจริยธรรม : แนวคิด ทฤษฎี และการวิจัย. มหาสารคาม : อภิชาติการพิมพ์
สุเทพ พงศ์ศรีวัฒน์. 2548. ภาวะผู้นำทฤษฎีและปฎิบัติ : ศาสตร์และศิลป์สู่ความเป็นผู้นำที่สมบูรณ์. กรุงเทพฯ : บริษัท วิรัตน์ เอ็ดดูเคชั่น จำกัด.
สุเทพ พงศ์ศรีวัฒน์. 2544. ภาวะผู้นำ : ทฤษฎีและปฎิบัติ=Leadership : theory and practice. เชียงราย : สถาบันราชภัฏเชียงราย.
Novabizz. 2560. ทฤษฎีคุณลักษณะผู้นำหรือทฤษฎีอุปนิสัย. สืบค้นเมื่อ 14 เมษายน 2560, จาก : http://www.novabizz.com/NovaAce/Relationship/Trait-Theories-of-Leadership.htm