ผู้ใช้:Robosorne/กระบะทราย 6
การป้อนกลับสถานะแบบเต็ม (Full state feedback FSF) หรือ การวางขั้ว placement ซึ่งเป็นวิธีการออกแบบตัวควบคุมสำหรับป้อนกลับในทฤษฎีระบบควบคุม เพื่อวางขั้วของระบบวงปิดในเป็นไปในตำแหน่งที่ผู้ออกแบบต้องการในระนาบจของผลการแปลงลาปลาซ (s-plane) [1] โดยการวางขั้วในที่นี้หมายถึงการกำหนดค่าลักษณะเฉพาะของตัวระบบ (ค่าลักษณะเฉพาะเมทริกซ์ A ในสมการแบบจำลองปริภูมิสถานะ) นั้นมีความเกี่ยวพันกับเสถียรภาพของตัวระบบโดยตรงตามทฤษฎีระบบควบคุมเชิงเส้น และวิธีการนี้ใช้ได้กับเฉพาะระบบที่มีทฤษฎีระบบควบคุม#สภาพควบคุมได้เท่านั้น ซึ่งนั้นหมายความว่าในที่นี้เราถือว่าเราสามารถวัดค่าสถานะได้ทุกค่าจากตัวตรวจวัด ซึ่งเป็นกรณีที่อุดมคติมากในความเป็นจริง
หลักการ
[แก้]ถ้าระบบวงปิดสามารถเขียนให้อยู่ในรูปของสมการปริภูมิสถานะ) ดังนี้แล้ว
ดังนั้นขั้ว (pole) ของระบบคือรากของสมการลักษณะเฉพาะ ที่มีรูปแบบดังนี้
เมื่อทำการป้อนกลับโดยใช้ค่าสถานะทุกตัว แล้ว (เพราะถือว่าเราสามารถวัดค่าสถานะได้ทุกค่าจากตัวตรวจวัด) สัญญาณขาเข้า คือ
- .
แทนค่า ข้างต้นลงในสมการสถานะ จะได้ว่า
ขั้วของระบบที่ได้รับการป้อนกลับแล้วจะหาได้จากสมการลักษณะเฉพาะ และโดยการเทียบสัมประสิทธิ์ ของสมการนี้กับ สมการลักษณะเฉพาะที่เราต้องการ ผู้ออกแบบก็จะสามารถหาค่าของเมทริกซ์ ที่ใช้ในการควบคุมระบบให้มีขั้วตามสมการลักษณะเฉพาะที่เราต้องการได้
ตัวอย่าง
[แก้]พิจารณาสมการปริภูมิสถานะ
จะพบว่าเมื่อไม่มีการควบคุมนั้น ตัวระบบวงปิดมีขั้วที่ และ แต่ถ้าเราต้องการให้ระบบวงปิดมีขั้วที่ และd แทน (ซึ่งมีสมการลักษณะเฉพาะคือ ) .
ขั้นตอนการการป้อนกลับสถานะแบบเต็ม เป็นดังนี้คือ กำหนดให้ ค่าคงที่
และสมการลักษณะเฉพาะของระบบที่ติดตัวแปร คือ
- .
เมื่อทำการเทียบ สัมประสิทธิ์ของทั้งสองสมการลักษณะเฉพาะแล้วจะได้
- .
จะเห็นได้ว่าการกำหนดให้ (ซึ้งก็คือการป้อนสถานะแบบเต็มนั้นเอง) ทำให้ระบบวงปิดมีขั้วและคุณสมบัติตามที่เราต้องการนั้นเอง
'หมายเหตุ: ตัวอย่างข้างต้นนี้สำหรับกรณี สัญญาณเข้าทางเดียวและสัญญาณขาออกทางเดียว (Single-Input and Single-Output) เท่านั้น ในกรณี สัญญาณขาเข้าหลายทางและสัญญาณขาออกหลายทาง (Multiple-Input and Multiple-Output) ค่า เมทริกซ์ อาจจะมีได้หลายค่าและให้ผลต่อระบบวงปิดในแบบเดียวกัน ดังนั้นการเลือกใช้ K ที่ดีที่สุดและเหมาะกับสภาพความเป็นจริงของปัญหาก็เป็นอีกประเด้นหนึ่งที่ผู้ออกแบบต้องพิจารณา ซึ่งโดยปรกติแล้วเราจะนิยมใช้วิธีการlinear-quadratic regulator กันมากกว่า
อ้างอิง
[แก้]- ↑ *Sontag, Eduardo (1998). Mathematical Control Theory: Deterministic Finite Dimensional Systems. Second Edition. Springer. ISBN 0-387-98489-5.
ดูเพิ่ม
[แก้]
ระบบมีพลวัตแบบเวลายง หรือ ระบบไม่แปรเปลี่ยนตามเวลา (Time-invariant system) คือระบบที่คุณสมบัติของระบบไม่เปลี่ยนไปเมื่อเวลาเปลี่ยนไป กล่าวคือ สมมุติว่าไม่มีความล่าช้าเกิดขึ้นในระบบ (ระบบรับสัญญาณขาเข้าแล้วสามารถให้สัญญาณขาออกได้ในทันที) ถ้าป้อนสัญญาณขาเข้า ที่เวลา จะได้สัญญาณขาออกเป็น ที่เวลา ดังนั้นหากป้อนสัญญาณขาเข้าเดิมที่เวลา นั้นคือ สัญญาญาณขาออกผลลัพธ์ก็ต้องเป็น ค่าเดิม คือ เพียงแต่จะปรากฏที่เวลา ตามเวลาที่ป้อนสัญญาณขาเข้า
ตัวอย่างที่หนึ่ง
[แก้]ตัวอย่างนี้เป็นการพิจารณาอย่างง่าย โดยเมื่อพิจารณา สมการสถานะ :
- System A:
- System B:
จะเห็นได้ว่า ระบบ A นั้นมีพารามิเตอร์ของระบบ (สัมประสิทธิ์หน้า ) ขึ้นกับเวลา t อย่างชัดแจ้ง นั้นหมายความว่าระบบมีคุณสมบัติเปลี่ยนแปรตามเวลาได้ ส่วนระบบ B นั้น พารามิเตอร์ของระบบไม่ขึ้นกับ เวลา t ดังนั้นระบบเป็นระบบไม่เปลี่ยนแปลงตามเวลา
ตัวอย่างที่ 2
[แก้]ในตัวอยางนี้เราจะใช้นิยามที่ 2 ในการตรวจสอบคุณสมบัติความไม่แปรเปลี่ยนตามเวลาของระบบ
ระบบ A:
- พิจารณาสัญญาณขาเข้าที่มีความล่าช้า (delay)
- และเมื่อพิจารณาสัญณาญขาออกของระบบที่เวลา
- จะเห็นได้ว่า , ดังนั้นระบบมีการเปลี่ยนแปรไปตามเวลา
System B:
- พิจารณาสัญญาณขาเข้าที่มีความล่าช้า
- และเมื่อพิจารณาสัญณาญขาออกของระบบที่เวลา
- จะเห็นได้ว่า , ดังนั้นระบบไม่มีการเปลี่ยนแปรไปตามเวลา
ตัวอย่างที่ 3
[แก้]เราจะใช้ ตัวดำเนินการเลื่อน (shift operator) โดยเขียนในสัญลักษณ์ โดยที่ คือจำนวนที่เราต้องการทำการเลื่อนเชิงเวลา ตัวอย่างเช่น ระบบที่มีการล้ำหน้าเชิงเวลาไป 1 (advance-by-1)
เวลาเขียนในรูปแบบที่ใช้ตัวดำเนินการเลื่อนได้ดังนี้
โดยที่ คือฟังก์ชันนิยามโดย
ซึ่งหลังจากดำเนินการเลื่อนแล้วจะได้ว่า
โดยจะเห็นได้ว่า คือตัวดำเนินการที่ทำให้สัญญาณขาเข้าของเวกเตอร์เลื่อนไปข้างหน้า 1 ขั้นของหน่วยเวลา
หากเราเขียนระบบในในรูปของตัวดำเนินการของตัวระบบ (ในที่นี้คือพารามิเตอร์ A, B, C, D ในรูปแบบสมการปริภูมิสถานะนั้นเอง) ที่ว่านี้ จะเห็นได้ว่าระบบจะมีคุณสมบัติไม่เปลี่ยแปลงเชิงเวลา ถ้าสมการของตัวระบบมีสมบัติการสลับที่กับตัวดำเนินการเลื่อน ดังนี้
นั้นคือถ้าระบบของเราสามารถเขียนได้ในรูปสมการนี้
จะเห็นได้ว่าระบบมีคุณสมบัติไม่เปลี่ยแปลงเชิงเวลาถ้าเราสามารถดำเนินการระหว่าง ต่อ แล้วตามด้วยนำผลที่ได้ไปดำเนินการกับ ที่หลัง หรือ เราสามารถดำเนินการ กับ ได้เลย แล้วนำผลที่ได้ไปดำเนินการกับ โดยผลลัทพ์ที่ได้สุดท้าย นั้นจะไม่แต่ต่างกันเลย
โดยการดำเนินการของระบบ ก่อนกับ จะได้
โดยการดำเนินการเลื่อน ต่อ ก่อนจะได้
และถ้าระบบมีคุณสมบัติไม่เปลี่ยแปรงเชิงเวลาแล้วจะได้ว่า
ดูเพิ่ม
[แก้]- Finite impulse response
- LTI system theory
- Sheffer sequence
- State space
- System analysis
- Time-variant system
- Shift invariant system
ใน ทฤษฎีระบบควบคุม ดับเบิล อินทิเกรตเตอร์ (double integrator) คือตัวอย่างหนึ่งของแบบจำลองระบบควบคุมอันดับสอง [1] โดยแบบจำลองนี้สามารถอธิบายพลวัตของมวลที่เคลื่อนที่ในปริภูมิหนึ่งมิติภายใต้อิทธิพลของสัญญาณขาเข้าแปรตามเวลา .
แบบจำลองสมการสถานะ
[แก้]สมการสถานะของดับเบิล อนทิ
According to this model, the output is the second derivative of the input , hence the name double integrator.
Transfer function representation
[แก้]Taking the Laplace transform of the state space input-output equation, we see that the transfer function of the double integrator is given by
References
[แก้]- ↑ Venkatesh G. Rao and Dennis S. Bernstein (2001). "Naive control of the double integrator" (PDF). IEEE Control Systems Magazine. สืบค้นเมื่อ 2012-03-04.