ผู้ใช้:Chantraphin/กระบะทราย
นี่คือหน้าทดลองเขียนของ Chantraphin หน้าทดลองเขียนเป็นหน้าย่อยของหน้าผู้ใช้ ซึ่งผู้ใช้มีไว้ทดลองเขียนหรือไว้พัฒนาหน้าต่าง ๆ แต่นี่ไม่ใช่หน้าบทความสารานุกรม ทดลองเขียนได้ที่นี่ หน้าทดลองเขียนอื่น ๆ: หน้าทดลองเขียนหลัก |
ชื่อพฤกษศาสตร์ Capparis flavicans Kurz ชื่อวงศ์ CAPPARIDACEAE ชื่ออื่น วัวเลีย (อุบลราชธานี), ตะครอง (นครศรีธรรมราช), ทะลุ่มอิด (นครสวรรค์), งวงช้าง(อุดรธานี), หนามนมวัว, โกโรโกโส, หนามเกาะไก่(นครราชสีมา), ไก่ให้(พิษณุโลก), กะอิด(ราชบุรี), ก่อทิง(ชัยภูมิ), กระโปรงแจง(สุโขทัย), กระจิก(ภาคกลาง), งัวเลีย (ขอนแก่น) ลักษณะ งัวเลีย เป็นไม้พุ่มถึงยืนต้นขนาดเล็กแตกกิ่งก้านสาขา เล็กเรียว ตามลำต้นมีหนามแหลมยาว 1-3 มิลลิเมตร และมีขนสีน้ำตาลปกคลุมอยู่ ลำต้นสูง 2-10 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยวรูปไข่ปลายใบมนหรือเว้า มีติ่งเล็กๆโคนใบมน ขอบใบเรียบ เนื้อใบหนานุ่ม พื้นใบสีเขียว กว้าง 1-1.5 เซนติเมตร ยาว 1.5-3 เซนติเมตร ออกดอกเป็นดอกเดี่ยว ตามซอกใบของกิ่งอ่อน ดอกมีสีเหลืองกลีบดกเป็นรูปมนรียาว 8-9 มิลลิเมตร กว้าง 4 มิลลิเมตร ด้านนอกตรงปลายกลีบจะมีขนอ่อนปกคลุม เกสรกลางดอกมีสี เหลืองอมเขียว ก้านดอกยาวประมาณ 1-3 เซนติเมตร ผล รูปมนหรือรีเล็กน้อย เปลือกหนาและเรียบ ผลสีแดงหรือสีส้มมีขนสีขาวคลุมทั้งผล ภายในมีเมล็ดขนาด 3-7 มิลลิเมตร และผลโตประมาณ 2.5-3.5 เซนติเมตร เมล็ดมีสีเหลือง ส่วนที่ใช้งาน เนื้อไม้และใบ สรรพคุณ เนื้อไม้ โดยการแกะเอาเนื้อไม้ดิบหรือตากแห้งก็ได้ นำมาบดเป็นผงทำให้เป็นควันใช้สูดแก้ อาการวิงเวียนศีรษะ ใบ มีประโยชน์สำหรับผู้ที่คลอดลูกแต่มีน้ำนมไม่มาก หรือมีความต้องการที่ขับน้ำนมออก ก็กินใบงัวเลียนี้ซึ่งเป็นยาขับน้ำนมได้ดี การขยายพันธุ์ : เป็นพรรณไม้กลางแจ้ง ชอบขึ้นอยู่ในดินทราย หรือดินหินในระดับต่ำ ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด ถิ่นที่พบ : มักจะพบอยู่ตามป่าดงดิบ ป่าละเมาะ ป่าเต็งรัง <พิสุทธิพร ฉ่ำใจ. 2552. สมุนไพร สรรพคุณ และประโยชน์เพื่อการนำไปใช้. พิมพ์ครั้งที่ 2 กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ต้นธรรม.><กรมป่าไม้. 2555. พืชสมุนไพรบำรุงสุขภาพแม่และเด็ก โครงการสายใยรักแห่งครอบครัว. พิมพ์ครั้งที่ 1 กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.>