ข้ามไปเนื้อหา

ผู้ใช้:Bushsadee Phanomkhet/กระบะทราย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

  แก้มลิงคือวิธีง่าย ๆ ที่ใช้หลักการธรรมชาติพื้นฐานหรือขี้หมากองเดียว คือขุดร่องน้ำใหม่เพื่อเปลี่ยนเส้นทางน้ำ หรือเพิ่มเส้นทางเดินน้ำขึ้นมาอีกให้มากกว่าเดิม มีประโยชน์ในเรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมคือแบ่งน้ำออกไปหลายทางบางส่วนเคยเป็นคลองตื้นเขินไม่มีน้ำบางส่วนเป็นน้ำตกธรรมชาติแต่น้ำแล้งแห้งขอด ปัจจุบันอาทิ เช่น น้ำตกไทรโยค น้ำตกปาหนันที่พัทลุงกลับกลายเป็นมีน้ำอุดมสมบูรณ์ตลอดปี เพราะได้รับน้ำหลากจากการขุดร่องแก้มลิงเพื่อระบายน้ำที่ท่วมไหลหลากเข้ามาจากจังหวัดกาญจนบุรี และอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา แก้มลิงคือนิสัยธรรมชาติของลิงที่ชอบแอบเคี้ยวเนื้อผลไม้ที่มันกินแล้วแอบซุกไว้ในข้างกระพุ้งแก้มทั้งสองข้างเช่นเดียวกับวัวควายที่เคี้ยวเอื้อง หรือหญ้าที่มันแอบซ่อนไว้ในกระพุ้งแก้มแล้ว ค่อย ๆ ดันออกมาเคี้ยวเล่นยามเหงาปาก หลักการนี้สามารถนำมาใช้แก้วิกฤติน้ำท่วมโลกที่ท่านนอสตราดามุสเป็นคนกล่าวคำทำนาย “เราใช้การขุดร่องน้ำธรรมชาติอย่างง่าย ๆ เปลี่ยนเส้นทางน้ำที่ไหลหลากมาในแต่ระยะของน้ำแข็งที่ละลายด้วยความร้อนของโลกที่ทวีมากสูงขึ้น และในระบบนิเวศน์ใหม่ความร้อนของโลกจะลดลงด้วยการเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกได้ จากการที่น้ำค่อย ๆ ซึมเข้าใต้ดินยิ่งน้ำที่ไหลหลากมามากทะเลทรายก็จะชุ่มไปด้วยน้ำมากขึ้นแล้วกลับกลายเป็นผลดีที่มีน้ำแข็งละลายกลายเป็นน้ำแทนที่จะท่วมโลกแต่กลับซึมเข้าใต้ดินในบริเวณที่เป็นทะเลทรายผืนใหญ่ เช่น ซาฮารา หรือ ทางแถบอริโซนาในอเมริกาเหนือ” ผลที่ได้รับทำให้อากาศเย็นลง ฝนตกมากขึ้น ได้ผลิตผลเกษตรมากขึ้นภัยธรรมชาติพายุร้ายต่าง ๆ น้อยลง มนุษย์มีความเครียดน้อยลงเพราะมีความรู้สึกเบา โล่ง มีสุข ทุกข์ค่อย ๆ บรรเทา เริ่มกลับมาคิดประดิษฐ์งานศิลปกรรม อุตสาหกรรม เริ่มจากความคิดง่าย ๆ ที่สุดคือขี้หมากองเดียวที่มีอยู่ถมเถไปในโลกใบน้อย ๆ ส่งผลให้รังสีในบรรยากาศที่ห่อหุ้มโลกลดลงอารมณ์มนุษย์เย็นลง โลกน่าอยู่ขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คำว่า เพลงจิ้ม ๆ หมายถึงการนำเอาโน้ตเพลงง่าย ๆ หลาย ๆ เพลงที่นำมาผสมผสานกันแล้ว ให้ความรู้สึกกลมกลืน ใส่เนื้อหาที่มีความสุข ความหวัง ความรักมากขึ้นตามอารมณ์โล่ง โปร่ง สบายใจมากกว่าเดิม ทำนองหรือเมโลดี้ใหม่มีความน่ารัก น่าฟังใช้เครื่องดนตรีราคาไม่แพง มีอยู่ยี่ห้อหนึ่งชื่อยามาฮ่า เมดอินไชน่าราคาสองพันเก้าร้อยบาท สามารถเล่นมิกซ์ทำนองฝรั่ง และเอเชียอื่น เสียงจังหวะ ฉิ่ง กลอง เครื่องดนตรีไทยและเทศบางชนิดที่น่าสนใจ เช่น ซอ ซามิเซ็ง เจ่ง พิณ ฯลฯ เวลาใส่เนื้อหาต้องพยายามคิดหาเนื้อหาที่ดี ๆ มีความน่าอ่านมีความเป็นไทยและเทศ มีสัมผัส มีความหมายที่ลึกซึ้ง สื่อถึงความงาม ความรัก ความดี ยิ่งฟัง ยิ่งสุข ความเศร้าโศกค่อยคลายลงเรียกว่าระบบนิเวศน์ใหม่ที่น่ารักน่าก่อให้เกิดขึ้นแล้วแน่นอนมนุษย์ย่อมจะรักกัน เกิดความรักแผ่นดิน รักษาความสะอาด รักษาความงามของธรรมชาติของ โบราณสถาน โบราณวัตถุ ด้วยอารมณ์คลายเครียด เปี่ยมสุขล้น มันเป็นเรื่องง่าย ๆ หรือขี้หมากองเดียว เมื่อที่ใดเริ่มมีรัก ที่นั่นย่อมมีสุข แม้ทุกข์ก็เพียงแค่ธรรมชาติของความรักที่กลัวการสูญเสียความรักไปจากใจของคนที่รักแต่ทุกที่ถ้าเริ่มต้นเยี่ยงนี้ รับรองกลายเป็นรังรัก มิใช่รังโจร ลองทำดูแล้วหรือยัง ทำดูรึยัง? ระบบนิเวศน์ใหม่นี้ไม่น่าอภิรมย์ ไม่อยากให้มีไม่อยากอยู่ในรังรักรึ? หลักไม้เลื้อยหมายถึง การยึดถือเอาใครสักคนมาเป็นสรณะ เป็นเหมือนของรักของหวงโกรธแค้นทำร้ายผู้คนที่พยายามช่วงชิงของรักของหวงแสนห่วงของตนเองชีวิตไฉไล เพียงแค่เปลี่ยนความคิดอ่านเดิม ให้มีการแบ่งปันเอาความเครียดและความทุกข์ออกจากชีวิต เหมือนขุดร่องน้ำแก้มลิงเพื่อเปลี่ยนเส้นทางน้ำเสียใหม่ให้ไปในทิศทางที่แห้งแล้ง ด้วยการเอาน้ำใจของคุณนั่นแหล่ะค่ะใส่เข้าไปให้แก่เค้าวันละเพียงหนึ่งหยด เช้าตื่นลืมตาขึ้นสิ่งแรกที่กระทำคือเติมใจให้กัน หรือให้น้ำใจแก่ผู้คนรอบข้างเพียงวันละหนึ่งหยด ราวสักสัปดาห์จะได้ปริมาณน้ำถึงสองถ้วยชาเล็กที่คนจีนใช้ไหว้พระราวสักหนึ่งเดือนได้แปดถ้วยชาเล็กราวสักหนึ่งปีได้เกือบร้อยถ้วยชาเล็กคนไทยหกสิบล้านคนหนึ่งปีได้เกือบหกพันล้านถ้วยน้ำชาเล็ก ๆอันบรรจุด้วยน้ำใจที่ใส ทีละน้อย ๆ ฯลฯ ความรักมักเกิดจากความพึงใจและแน่นอนถ้าคุณเป็นคนน่ารักน่าเอ็นดูย่อมเต็มเปี่ยมด้วยความพึงใจจากคนรอบข้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดูไปทางไหนสวยมองไปมุมไหนหล่อ กระดิกตัวนิดเดียวดูน่าเอ็นดู แต่ว่าลองทำแล้วหรือยัง? ขุดแก้มลิงให้แก่ความคิดใหม่ด้วยการเติมน้ำใจน้อย ๆ ทุก ๆ วัน แล้วอย่างนี้เสน่หา รักนี้จริงจากใจรึเปล่า จะถามอีกไปใย แถมเค้าหรือเธอจะรีบชิงจองหัวใจเพราะ กลัวคุณนั่นแหล่ะเปลี่ยนใจ ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการเครียด ทุกคนอยากอยู่ใกล้ชิดกับผู้มีอารมณ์สุนทรีย์ ผู้ที่มีความน่ารักละมุนละไมนุ่มนวลงามชวนฝันจริงใจไม่เสแสร้งอะไรก็ตามถ้าฝืนทำสักวันคนรอบข้างต้องสัมผัสได้อยู่ดีว่า อ้อ นี่ไม่ใช่ความจริงใจคนจริงใจสบายหลายอย่าง เหมือนคนพูดจริง หรือให้การตามความเป็นจริงต่อศาล กี่ครั้งกี่ล้านหนก็พูดแบบนั้นไม่ต้องจำ ไม่เครียด สบายโล่งสมอง หัวอกหัวใจ มีที่ว่างปลอดโปร่งไม่เครียดสามารถนำเวลาว่างมาใช้ทำงานศิลปะประดิษฐ์คิดค้นด้วยไม่เครียดที่จะต้องมานั่งจด หรือชอตโน้ตว่าวันนั้นให้การต่อศาลว่ายังไง รึโพยหายรึเปล่า มีใครลักหรือเห็นโพยนั้นมั้ย?เสียหัวคิดทำแบบนั้น แล้วสุดท้ายคือถูกจับได้เพราะศาลซักฟอกไปมา พยานหลายปากบอกตรงกันหมดส่วนคุณคนเดียวเท่านั้นให้การไม่เหมือนชาวบ้านศาลไม่โง่แต่ใช้หลักการง่าย ๆ หรือขี้หมากองเดียวคือ ยันไปมาจากปากคำของผู้ที่มาให้การนั่นเอง คำว่า บารมี คือ การมีบุญหรือวาสนาส่อถึงความหมายในแง่ดี ส่วนคำว่ากำพืดหมายถึง โคตร สายสกุล สองคำนี้มีความจำเป็นในการสร้างบารมีให้แก่ตนเอง แต่การไปยึดถือในกำพีดของแต่ละปัจเจกบุคคลไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปคิดถึงมันเลยด้วยซ้ำ หลายคนชาติกำเนิดสูงส่งเป็นลูกหลานเจ้าแต่หลายคนชาติกำเนิดต่ำต้อยเป็นเพียงทาสในเรือนที่นำมาหักหนี้สินที่พ่อแม่ที่แสนจะน่าชัง ดูซ่อมซ่อ ครูปุ้ยเองไม่ใคร่แน่ใจว่าต้นตระกูลจะเคยเป็นทาสในเรือนเบี้ย หรือเป็นทาสขัดดอกบ้างหรือเปล่า รู้แต่ว่าคงน่าจะไม่รอดเพราะพวกเราจนซ่อมซ่อ มีเพียงข้าวสารกินกันตายมาแต่ไหนแต่นี้ก็ไม่ต่างจนเสมอตนเสมอปลาย ไม่เคยรวย ไม่เคยมีสิน มีทรัพย์ บ้านที่ดินรถหรูไม่เคยมีใครได้สัมผัส แต่มีน้ำใจไม่ทำร้ายแผ่นดิน ไม่แต่งหน้า ทำผม แต่งตัวใช้เงินฟุ่มเฟือย ไอ้เรื่องสินเชื่อบัตรจอมปลอมเป็นอันจับได้คาหนังคาเขาเพราะด้วยส่วนตัวเครดิตกับทางธนาคารไม่เคยมีเอาเสียเลย แล้วจู่ ๆเครดิต ดีจนทุกคนตกอกตกใจตกตะลึง ทำไปได้ยังไง หลายคนดีกว่าครูปุ้ยยังไม่สามารถขอสินเชื่อขอวงเงินอนุมัติได้เท่านี้ ซึ่งแค่นี้ก็ขัดด้วยหลักการของเหตุและผล ทุกส่วนทุกสรรพสิ่งไม่มีใครดีทุกอย่าง ไม่มีใครร้ายทุกเรื่อง ไม่มีใครชั่วทั้งหมด ทุกคนคือปุถุชน ราวเจ็ดสิบส่วนของร้อยละไม่ได้ต่าง ยกเว้นกรณีเดียวคือ คนคนนั้นป่วยทางจิต เป็นผู้ป่วยทางจิตเวช ยกตัวสมมติตน อ้อนี่ฉันนะเจ้า พวกลูกหลานผู้ดี งาม สวย หล่อ เงิน มองมาหน่อยเดียว บอกว่าอยากจะสังวาสกับลูกหลานเค้าเลือดขัดติยาหนุ่มหล่อ เสี่ยเลือดนักธุรกิจในวงการค้าใหญ่ ลูกหลานพี่น้องของเราผู้ชายก็เหมือนกันแค่ฮัมเพลง “แค่มอง มองเธอสาวเธอสวย ฉันจึงได้มอง” โดนด่าถึงขนาดเป็นหมาเป็นหมูเป็นตัวเงินตัวทองแหงนมองดอกฟ้า อนิจจา สาธุ เทวดา นางฟ้าหนอ รูปแร้งดูร่างร้ายรุงรัง ภายนอกเพี้ยงพึงชังชั่วช้า เสพสัตว์ที่มรณังนฤโทษ สาธุชนนั้นอ้าท่าน บ่ แม่นเลิศด้วยดวงใจ รูปลักษณ์งามดูหรูหราจัง ภายนอกเพี้ยงเทพถึงถวิลใฝ่หา เสพติดพามรณังนฤโทษ สาธุชนนั้นอ้าท่านแม่นมารวย รูปล้ำงามยั่วเย้ายวนใจ ภายนอกเพี้ยงสดใสหยาดฟ้า เสพสิ่งที่พาชีวาพ้นโทษ สาธุชนนั้นอ้าท่าน บ่ แม่นคนดี “ผมเป็นฝรั่งไม่ค่อยเข้าใจเหมือนที่คุณยายพูด คือเค้าเป็นคนกำพืด ไม่ดีแม่เป็นโสเภณีเขมรแล้วกระทำออรัลบ้างอะไรบ้างแลกกับคุณวุฒิ อ้อที่รามด้วยได้เกียรตินิยม รึ? อือ แล้วทำไมทำให้บ้านเมืองพัง ทำให้คิงของคุณหัวหมุน อ้อ ยั่วยวน หลอกเก่ง แล้วญาติคุณยายแต่ละคนที่ผมเห็นเค้ามีบ้านใหญ่มีรถหรู ก้อลูกคนมีตังค์ มีกิจการ ห้างใหญ่กลางเมืองค่าเช่าแพงริบ ค่าก่อสร้าง โอย มหาศาล ผมพอมีตังค์นะ แต่ยังไม่พอสร้างใหญ่ ๆ ได้แบบนี้แล้วทำไมญาติ ๆ พวกนั้นเกลียดเค้า ไม่อยากคบ อ้อ ผมฟังว่าเค้าไม่ค่อยออกตัวหรือออกมาให้เค้าเห็นตัวยังไงไม่รู้ เค้าหลบเร้อ? เค้าบอกผมว่า ถ้าเค้าเห็นตำรวจก็เห็นไม่ได้ต่าง? แล้วตกลง อ้อ ไอซี เฮ้อ อาการหนัก แล้วยังไงดีคุณป่วยนะครับคุณยายผมเป็นหมอนะครับ อยู่โรงพยาบาลมิชชั่นรักษาโรคทั่วไปแล้ว ขอซื้อใบรับรองแพทย์ วุ้ย ห้าร้อยบาท ผมไม่ได้จนมากขนาดนั้นเดี๋ยวผมสงสารคุณยาย แล้วผมล่ะ โดนจับ ส่งกลับอเมริกา โดนยึดไลเซ็นต์เป็นคุณกล้าเสี่ยงให้ด้วยเลยเร้อ แค่เงินนิดเดียวของฝรั่งเอง นี่คุณยายเงินฝรั่งอย่างพวกผมมันแพงน่ะ เงินเดือนหมอของผมที่นี่ก็เงินเดือนแบบอัตราจ้างแบบคนอเมริกันนะ ไม่เอาครับผมเสี่ยงทำไม ไม่สบาย เฉพาะทางก็ไม่ใช่ ใจร้ายมากผมติดคุกแค่เงินนิดเดียวไม่สนใจผมเล้ย” ชีวิตไฉไลต้องไร้โรคารบกวน ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ตาหมอนั่นเป็นหมอฟันแลงเควช สอนภาษา ไปฟันสนุกสนาน แต่ไม่เข้าใจลึกซึ้งแม้เพียงคำว่า Funในภาษาอังกฤษ เด็กนักเรียนชั้นอนุบาลกอทอมอเรียนเสียเงินหนึ่งพันห้าร้อยบาทแบบฝากครูพี่เลี้ยงเค้าดู ให้เมื่อพ่อแม่จำต้องทำงานตามโรงงานบริษัทห้างร้านในเวลาทำงาน ยังรู้และสะกดได้ “ง่าย ๆ ขี้หมากองเดียวเอ้ง เอฟ ยู เอ็น ฟัน แปลว่า สนุกสนาน มีความสุข” แล้วดูหมอซิเป็นคนใช้ภาษาอังกฤษพูดเป็นเรื่องปกติวิสัยเลยทีเดียวแต่กลับไม่มีความสุขด้วยไม่มีความเข้าใจในขี้หมากองเดียว เหมือนเด็กน้อยลูกอิสานที่กินข้าวเหนียวไก่ย่างแล้วเคี้ยวไปด้วยสะกดไปด้วย มิหนำซ้ำยังแปลได้อีกต่างหาก เก่ง ๆ ๆ ตบมือให้หนู เอ้า ช่า ๆ ๆ เก่งจัง เก่งคุงกันทุกคนเลยลูกจนเป็นลูกคนลาวแต่รู้จักความหมายหรือบางคนพูดว่า มีนนี่งก็คือว่า ความสนุก เวลาเราเล่นร้องเพลงกับคุณครูพี่เลี้ยงก็สนุกหัวเราะนะคร้าบ ใช่ค่ะคุณครูยิ้มแล้วหัวเราะ ฮะๆ ๆ “ถึงลำบากยังไงจะกลัวว่าฉันจะน้อยใจ จับมือฉันไว้จะไปกับเธอ จริงใจเสมอ...” “ตีโจทย์ง่าย ๆ ยังไม่แตก ไม่รู้แม่ป้าเอ็งเค้าเรียนดีได้ยังไง สาปแช่งซ้าให้ทำกินไม่ขึ้น ให้อยู่ในซ่องที่อันควรที่เค้าให้อยู่ ต้องปล่อยให้อดยิ่งกว่านี้คืออดข้าว อดน้ำกันให้หมดทั้งกลุ่มมันไม่ต้องเว้นไม่ต้องไว้หน้า ชายก็ยังงี้หญิงก็ยังงี้ อดเสน่หา ทุกอย่างให้มันเตรียมใจปรับสภาพร่างกายสภาพใจไว้...” หลายคนที่ก่อเกิดอารมณ์วูบขึ้นมาคอยบอกเสมอรู้มั้ยว่านี่คือข้อหาฉกรรจ์ยิ่งกว่า ปล้น ฆ่า และข่มขืน คือ ข้อหาหมั่นไส้พวกคุณที่รูปกายดีมีสตังค์แต่ไม่มีน้ำใจ น้ำใจแห้งแล้งไม่ลองขุดร่องแก้มลิงปันน้ำใจมาหาคนจนจริง แต่ไม่จนรักบ้างรึ? ลองดูรึยัง? ทำดูทีรึว่าจะเป็นยังไง? งานเลขาสำหรับเลขาที่เพิ่งมาทำงานจะไม่ใคร่จะเข้าใจบทบาท และหน้าที่ของตนเอง บ้างพยายามทำตัวเป็นทนายหน้าหอ คอยจัดคิว คิดนั่นนี่โน่นแทนนาย เรื่องนินทาบางทีต้องดูว่านายของคุณสถานภาพท่านเป็นใคร? ส่วนเลขาที่เรียกว่ามืออาชีพจะเข้าใจได้ด้วยอาชิพและการปฏิบัติงานประจำทุกวัน รู้ความควร ไม่ควร เรื่องส่วนตัว เรื่องการตัดสินใจ เรื่องที่ต้องระวังการพูดการจาที่ส่อไปในทางชู้สาวกับผู้เป็นนาย แม้แต่การชงกาแฟในฐานะเลขายังจำเป็นต้องเรียนถามนายของคุณก่อนจะลงมือชงกาแฟให้ท่าน เพราะนายบางท่านไม่ชอบให้ใครมาเกี่ยวข้องในเรื่องบางเรื่อง เรื่องอาหารการกิน บางเรื่องที่เหมือนบงการ การเตือนเรื่องนัดหมายไม่ใช่จะพูดยังไงก็ได้ต้องมีระยะเวลาที่เหมาะสมโดยดูจากความจำเป็นทุก ๆ อย่างในการเตือน แต่ทุกสิ่งคือต้องเตรียมไว้นอกนั้นคือตัวของนายของคุณแต่ระยะ หรือไทม์มิ่งต้องดีมีความสมควรแก่ความจำเป็นของงานที่นัดหมาย มีอยู่คราวหนึ่งเด็กคนหนึ่งจบมาหมาด ๆ จากมหาวิทยาลัยมีชื่อแต่เธอบอกว่า “งานเลขาของหนูคือดูแลท่านทุกอย่างไม่ว่าอาหารกาแฟและ การจัดทำเอกสารรวมทั้งการจัดคิวนัดหมายให้ท่าน...” ผลปรากฏว่าพังเลยเมื่อนายของเธอไม่พอใจเพราะว่าเธอเข้าไปก้าวก่ายในเรื่องส่วนตัวของนายด้วยความไม่รู้ตัว และไม่มีเจตนาจริง ๆ ซึ่งทุกคนดูรู้ว่าเธอไม่มีความตั้งใจแต่ด้วยความเป็นเด็กจบใหม่เลยไม่มีความเข้าใจหลายรายที่น้องเลขาเดือดร้อน เพราะคำตำหนิทำนองนี้ยิ่งนายฝรั่งเค้าใส่ตรง ๆ ไม่ไว้หน้า แต่ชีวิตน้องเลขาจะไฉไลกว่านี้เมื่อพวกคุณจะต้องมุ่งไปที่งานไม่ใช่รายละเอียดที่ไม่เกี่ยวกับงาน นั่นคือ การแต่งกายต้องไม่เน้นเรื่องแฟชั่น คือเน้นแต่งตัวเป็นหลัก เอาใจใส่แต่งานไม่ใช่นายฝรั่งแสนหล่อและรวย สุดท้ายพังเพราะทะเลาะกับแฟนของนายที่เค้าคบกันอยู่แล้วหรือกันแฟนหน้าใหม่ออกไปด้วยความหึงความหวง วิธีง่าย ๆ ขี้หมากองเดียวคือ ถามใจว่าคุณคือใคร ระหว่างแฟนกับพนักงานบริษัท? เพราะมีหลายคนถามว่าหลักการทำงานของเลขาฯอย่างครูปุ้ยคืออะไรบ้าง ก็นี่ล่ะค่ะคือคำตอบที่ถูกต้องคำตอบเดียว คุณต้องไม่สับสนว่าคุณเป็นใคร? วิธีแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบง่าย ๆ ขี้หมากองเดียวแค่ต่างคนต่างรับว่าตนได้กระทำผิด และเล่าเรื่องราวความผิดที่ตนเองได้ทำเองกับมือเพราะไม่มีใครหรอกที่จะเล่าเรื่องราวของตัวเองได้ละเอียดละออ และข้อมูลถูกต้องได้เท่ากับเจ้าตัวของเขาเอง การค้าระหว่างประเทศหรือการส่งออกในรูปแบบโนแบรนด์ หรือส่งทางคูเรียแอร์ หรือทางอากาศถ้าเปรียบเทียบให้เห็นตัวเลขอย่างจริง ๆ แบบไม่แอบแฝงจุดประสงค์อื่น จะรู้ว่าต้นทุนกลับถูกกว่าทางเรือชนิดเป็นเท่าตัว แล้วเรื่องไอ้เทคนิคโนฮาวอย่างฝรั่งแม้จะเป็นสิ่งจำเป็น แต่หากคิดถึงเรื่องการแบ่งงานกันทำตามหลักของอดัมส์ สมิทธิ์ จะรู้ว่าการแบ่งงานกันทำที่ดีที่สุดคือการทำงานแต่เฉพาะในส่วนที่ต่างคนต่างถนัด ประเทศอาเซียนมีความถนัดในเรื่องเกษตรกรรม การประมง แต่ไม่ใช่แนวอุตสาหกรรมใหญ่ นึกถึงเรื่องง่าย ๆ ขี้หมากองเดียว การผลิตแบบโฮมเมด นั่นคือ ถ้าเป็นพวก เบเกอรี่ก็ทำแต่น้อยชิ้นแต่มากด้วยคุณภาพเรียกว่าเป็นขนมที่ทำลักษณะหนึ่งผลิตภัณฑ์สิ่งทอแน่นอนต้องผ้าทอมือ หรืองานหัตถะต้องย้อนกลับไปหาเวลาในอดีตแบบทวีภพ วิธีโบราณ เพลงศิลปะอื่น ก็ต้องแนวนี้ อเมริกาเป็นเมืองใหม่ใช่ไร้วัฒนธรรม แต่สยามและอาเซี่ยนอื่นเป็นเมืองเก่า ฝรั่งมาเที่ยวชอบแบบไหน แล้วขายแบบทำตามความต้องการลูกค้า มันดีขนาดไหน? ไม่ต้องเก็บสตอคไม่ต้องนำทุนมาจมรอขาย สินค้ามีคุณค่า? ดูมีราคาขึ้นมาอย่างมากมายมั้ย “ไม่มีใครเหมือน แน่ครับมิส กระเป๋ามิสใบนี้ ใบเดียวในโลก” มิสเองย่อมรู้ว่าราคาเหมาะสมเมื่อเทียบกับของฝรั่งเศสแถมสะพายไปไหนไม่มีทางเลยที่จะเหมือนกับของเธอ ต่อให้สั่งทำที่ร้านเดียวกันอีกด้วย แล้วทำไมไม่ทำจั้งซี้ ไอ้เรื่องเปิดประเทศเปิดจนโล่งโจ่งเปิ้ดแล่ว ฝรั่งมาเที่ยววีซ่าเดือนหนึ่งปกติก็ไม่เคยเปลี่ยน และถ้าขายแบบแฮนด์เมด โฮมเมดจั้งซี้ เทคนิคต้องย้อนกาลเวลากลับไปถึงจะขลัง มีเสน่ห์น่าซื้อและแน่นอนได้ราคากว่า ค่าบริหารจัดการแทบจะไม่มีคลังสินค้าไม่ต้อง ของโหลไม่มีใครชอบ ตามสำเพ็งของโหลแทบจะไม่มีลูกค้า มีคนเดินผ่านมาหยิบแต่ไม่ใคร่ซื้อ ลูกค้าเริ่มเมินนอกจากว่าต้องการซื้อแบบถูก ๆ หน่อยเอากลับไปแจกเพื่อนที่บ้านเกิดเมืองนอนครามาเที่ยว เพราะเพื่อนเยอะมันหลายตังค์ หรือต้องการใช้สำหรับงานที่ต้องการประหยัดต้นทุนไว้แจกคนเยอะ ๆ เอาพอดูน่ารักกิ๊บเก๋ ชีวิตที่ไฉไลจะต้องปราศจากค่าโง่และค่าเสียโอกาสที่ไม่สมควรจะต้องมีขึ้นอากงของเพื่อนครูปุ้ยที่ชื่ออาสุชาติหรืออาฮกแกเรียนหนังสือจนจบมัธยมปีที่แปดตามที่ในสมัยนั้นเรียกแต่ว่า ล้มป่วยเป็นโรคเครียดทำให้กลายเป็นบ้าเขียนหนังสือไม่เป็นตัว ไม่สบายดี ๆ นี่เอง “กูไม่มีแรงมือกูไม่มีแรงจับอะไรยังแทบไม่ได้นับประสาจะให้กูเขียนหนังสือ” คนจบระดับนั้นคือเรียนสูงมากแล้ว ในยุคสมัยเมื่อราวสักห้าสิบหกสิบปีที่แล้ว แต่แกไม่สบายจึงกลายเป็นคนอ่อนแอกล้ามเนื้ออ่อนแรงเยี่ยงนี้ ยายนีก็ไม่ได้ต่างถึงแม้มีโอกาสเรียนจนจบระดับเดียวกันก็ย่อมจะต้องมีอาการแบบนี้แน่นอน แล้วแถมโมโหเกรียวกราดไม่เว้นแม้แต่การข่มขืนลูกเต้าในไส้ก็มีเห็นมาเยอะตัวแกก็เคยมีประวัติ แต่แกบอกว่าแกงง ๆ เหมือนเมาเหล้าแต่ไม่ได้ดื่ม คือป่วย คำ ๆ เดียว เหมือนขี้หมากองเดียวที่เป็นสาเหตุของความเลวร้ายทั้งหมด ส่วนไอ้เรื่องเสียค่าโง่ซื้อกางเกงยีนส์ปะยี่ห้อแพงที่ปลอมในคุณภาพเดียวกัน แต่เย็บด้วยการปล่อยฝีเข็มหยาบเพราะต้องเร่งผลผลิตเพื่อหล่อเลี้ยงโรงงานขนาดที่ใหญ่กว่า ซื้อกางเกงยีนส์ที่มาจากการที่โรงงานเล็กว่าจ้างตามตึกแถวเย็บด้วยจักรไฟฟ้าหรือติดมอเตอร์แต่ช่างพิถีพิถัน แถมใช้ผ้ายีนส์เบอร์เดียวกันย่อมหมายถึงว่าคุณภาพอย่างเดียวกันด้วยซ้ำไป กระเป๋ารองเท้าทุกอย่างมาแนวเดียวกัน แต่พะยี่ห้อแพงริบ แต่ปลอมราคาปลอมตบทรัพย์ลูกค้า แล้วลูกค้าล่ะเห็นรึยังว่าการทำกำไรแบบขี้หมากองเดียวเป็นยังไง การมีใจเป็นนักเลงมันดีหลายอย่างเรียกว่า หัวหน้าแบบขี้หมากองเดียวคือมีการควบคุมลูกน้องแบบกระสอบทราย ถ้าเห็นว่าเอ้ยไอ้นี่ออกนอกกรอบล้ำเส้นก็คือ ใช้กีฬามวยไทยจัดการตบซ้ายเตะขวา ให้มันอยู่ในกรอบหรือกติกาถ้าพูดไม่ฟังเอาไบกอนกรอกปากรับรองมันตายแล้วมันลุกขึ้นมาเถียงไม่ได้เงียบหู คนอื่นมันเห็นมันจะรู้สึกรักตัวกลัวตายขึ้นมารับรองเงียบกริบไม่กล้าที่พูดมาทั้งหมดมีสาระอยู่อย่างเดียวคือ พยายามหาเรื่องคลายความเครียดหาเพลงเพราะ ๆ ที่โดนใจลูกน้องหรือเพื่อนร่วมงานหรือลูกเต้าให้มันฟังไปอัดไปร้องเพลงเองไปด้วย เปลี่ยนจากศิลปินอาชีพมาเป็นลูกน้องบ้างลูกตัวบ้างลูกตามบ้างลูกติดสามีบ้าง พอไม่เครียดก็สบายใจไม่มีปัญหาทุกคนมีสุขไม่มีทุกข์นอกจากอาการเข้าขั้นโคม่ามาก ๆ จำเป็นก็ต้องปล่อยเพื่อให้สงบด้วยตัวเองให้รู้คิดเองด้วยผลกรรมของเค้าเอง จนถึงสภาพกรรมตามทันร้อยคนย่อมต้องร้อยรู้คิดไม่มีทางเป็นอื่น แต่ถ้าเค้ายังยืนยันที่จะไม่ยอมรับเหตุและผลใด ๆ ย่อมแสดงว่าผลกรรมยังไม่ตามมาสนองอย่างที่เค้าควรจะเป็นอย่างที่สุดอย่างแน่นอน ต้องรอเวลาให้เค้าได้รับผลกรรมอย่างจริง ๆ รับรองสงบแน่นอนไม่เคยเห็นใครไม่สงบ คนที่ร้ายกาจเหลือแสนเห็นมาเยอะผลกรรมมาจริงก็สงบจริงทุกรายจริง ๆ ไม่มีทางไม่จริงเลยรับรองค่ะ เรื่องที่หัวหน้าที่มีความเป็นมาในทุกรูขุมขนซึ่งบรรดาลูกน้องของท่านรับรู้มาหมดตั้งแต่ต้นจนจบว่ามายังไง แต่จุดจบสุดท้ายเมื่อกาลเวลาผ่านไปกระถางต้นไม้ที่ท่านหัวหน้าแบกหนักมันย่อมมีน้ำหนักมากขึ้น มิหนำซ้ำอายุของท่านก็มากขึ้น แลเรี่ยวแรงกลับถดถอยลดน้อยลงแต่น้ำหนักกระถางต้นไม้ต้นนั้นกลับสวนทางกัน แล้วจะทำยังไงไฉนได้ในเมื่อยังอดทนแบกอยู่ และท่านเองก็รู้อยู่เต็มอกว่าบรรดาลูกน้องต่างพากันตักตวงผลประโยชน์กันอย่างเมามัน ทั้ง ๆ ที่รู้กันอยู่เต็มอกว่าหัวอกหัวหน้าเยี่ยงท่านคือได้เฉพาะเงินค่าตำแหน่งตามวุฒิที่ไม่ได้พอเลี้ยงชีพอะไรสักเท่าใดเลยแถมคุกยังรอท่าคอยท่านอยู่ วิธีแก้ไขปัญหาภาระหนักอึ้งนี้คือ วิธีขี้หมากองเดียวโยนกระถางต้นไม้ต้นนั้นใส่หัวกบาลพวกลูกน้องของท่านเสียแต่ต้นมือ ไม่ใช่รอเวลาเสียจนใกล้มาถึงปลายมือเยี่ยงนี้ แต่ถึงยังไงก็ยังไม่สายเกินไปที่จะหยุดเมื่อฉุกใจคิดได้เมื่อใดก็โยนใส่หัวกบาลพวกมันเมื่อนั้น ง่าย ๆ แค่นี้ชีวิตของพวกท่านก็จะไฉไลขึ้นกว่าเดิมและโลกจะมีสีสันสดใสมากกว่าที่เคยเป็นอย่างปัจจุบันทันที คล้าย ๆ เหม่อลอยตามฝันที่หาย......ฮืม...ใคร ๆ ก็มีความฝัน ฝันกลางฤดูฝนบ้าง ฝนบ้าฟ้าบ่นมีแต่คนฝันร้าย ชีวิตมนุษย์มีสิทธิ์จะฝันชอบนำความฝันมาลิขิตชีวิตตน.......ความน่าจะเป็นของการถือกำเนิดในโลกใบนี้กว่าจะลงล็อคเหมือนออกลอตโต้ แล้วเป็นเราผู้โชคดีในการถือกำเนิดจากการที่เชื้ออสุจิของพ่อมาผสมกับไข่จากแม่เรา แล้วนับเป็นล้านล้านล้านล้านของร้อยละพูดแบบขี้หมากองเดียวคือ 0.0...(ล้านล้านล้านล้าน)01 ของความน่าจะเป็นที่เราจะมีโอกาสได้รับสิทธิ์ เพราะฉะนั้นคิดง่าย ๆ คือขอให้กูได้เกิดมาเป็นคนเท่านั้นแหล่ะ ส่วนจะเกิดเป็นลูกเต้าใครช่างมันขอแค่ได้เกิดมาเป็นคนเท่านั้นที่เราต้องการ และหากเราถูกลอตโต้รางวัลใหญ่ได้สิทธิ์เกิดเป็นคนแล้วไซร้ต้องรีบตะโกนไชโยกระโดดตัวลอยอย่างแรง แล้วพยายามรักษาสิทธิ์เอาไว้และใช้สิทธิ์ให้คุ้มเรียกได้ว่าไม่ยอมให้เสียทีที่ได้เกิดหรือเสียชาติเกิดเป็นอันขาด หาไม่เกิดได้รางวัลรอง ๆ ลงมาคือได้เกิดจริงแต่เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานสารพัดสัตว์จะทำยังไง เพราะฉะนั้นเรียกว่าพวกเราเป็นผู้ได้รับโชคดีถูกรางวัลใหญ่แจ๊คพอตรางวัลที่หนึ่ง ส่วนพวกที่เกิดมาเป็นเดรัจฉานถือว่าถูกรางวัลที่รอง ๆ ลงไปยิ่งเป็นที่ตกระกำลำบากมากเท่าไรก็น่าจะเรียกได้ว่าถูกเพียงแค่เลขท้ายสองตัวลองนึกดูว่าตัวอะไรบ้างส่วนพวกที่เกิดมาแล้วทำตัวเสียชาติเกิดให้คิดเสียว่า พวกอีคงเป็นเทพจากสวรรค์ชั้นดาวดึงวงศ์ศาจากชั้นฟ้า บ้างพ่อแม่จุดธูปเชิญมาจุติเพราะมีลูกยากก็มีอยู่มิใช่น้อยทำอะไรไม่ได้ต้องทำใจแบบขี้หมากองเดียวคือ ทำใจให้มีความสุขคิดเสียว่าผลกรรมของใครของมัน เดี๋ยวพวกนั้นเค้าต้องรับชะตากรรมของตนเองแม้ไม่ยอมรับก็ต้องยอมเพราะไม่เคยมีใครปฏิเสธกรรมของตนเองได้ ธรรมดาโลกเป็นมายังไง ก็ยังงั้นไม่เคยเปลี่ยน เรียกว่า สัจจธรรม คือความเป็นจริงที่เที่ยงแท้อย่างแน่นอน จำนวนประชากรในโลกราวสักหกสิบล้านล้านคนป่วยทางจิตเวช เพราะฉะนั้นไม่ต้องสงสัยว่าคุณจะรอดหรือตกอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่มีจำนวนประชากรของกลุ่มสูงมากขนาดนั้นหรือไม่ คำตอบที่ผู้คนส่วนใหญ่ได้รับกันคือ ฉันไม่รอดเพราะฉันคือหนึ่งในผู้ป่วย สิ่งที่ทำได้ด้วยวิธีง่าย ๆ คือ ทำใจให้สบายผ่อนคลายความเครียดออกไปจากใจให้มากที่สุด สำหรับผู้ที่ปฏิเสธเสียงแข็งว่าฉันรอดไม่ได้อยู่ในกลุ่มผู้ป่วยหลายคนอยากเห็นหน้าตาของคุณ ไหนลองสำแดงตนสู่สายตาชาวโลกหน่อยเป็นไร? หลายคนเมื่อรู้ว่าผิดแล้วยอมรับสภาพความเป็นผู้ผิดหรือผู้ร้ายอย่างปากอ่อนคือ ยอมรับโดยดีว่าทำผิดไปแล้ว “ยอมให้ด่ายอมให้ฆ่าก็ได้แต่ทำผิดแล้วด้วยเจตนาแต่ไม่มีใครอยากเป็นคนทำผิดเห็นผิดตลอดไปไม่มีใครอยากไม่มีใครคบ ไม่มีใครรัก ยังไงก็แล้วแต่ไม่ปากแข็งแต่จะพยายามแข็งใจรับสภาพกรรม และกลั้นใจอดทนด้วยความกล้าหาญที่จะยอมรับสภาพการณ์ทุกรูปแบบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รู้รึไม่ว่าพระเจ้าท่านกำลังทดสอบตัวคุณว่า คุณมีความสามารถในการแก้ไขปัญหาชีวิตจากสภาพแวดล้อมนี้ได้อย่างไรต่างหาก และเท่ากับคุณได้มีโอกาสพิสูจน์ความเป็นคนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตใจที่ควรค่าแก่การได้ถือกำเนิดเกิดมาอีกในครรภ์ของแม่มนุษย์ อันอาจจะเป็นการยืนยันแก่ท่านว่าตัวคุณนั้นยังคงสมควรที่จะใช้สิทธิ์ในการถือกำเนิดมาเป็นคนในครั้งหน้าอีกด้วย” จริง ๆ ถือเป็นการแจ้งความจำนงต่อท่านตรง ๆ เลยล่ะค่ะว่า “อันดิฉันหรือกระผมนั้นยังคงขอความกรุณาจากท่านในการถือกำเนิดมาเป็นคนอีกครั้งในคราวต่อไป” สุขภาพร่างกายของคนเราขึ้นอยู่กับการกินอาหารการกินต่าง ๆ เข้าไปในแต่ละมื้อ กินเค็มเป็นโรคไต กินหวานเป็นโรคเกี่ยวกับตับนั่นคือบาวหวานที่เกี่ยวกับการผลิตอินซูรินที่ใช้น้ำตาลเป็นตัวช่วย กินเผ็ดเปรี้ยวหรือรสชาติที่จัดเกินไปเป็นมักจะทำให้ป่วยด้วย โรคกระเพาะอักเสบ โรคเกี่ยวกับลำไส้อักเสบ โรคระบบทางเดินอาหารโรคทางระบบสายตาและสมอง แต่สิ่งที่ทุกคนควรจะต้องระวังมากที่สุดเหนือสิ่งอื่นใดคือ การรับสารปนเปื้อนจำพวกยากล่อมประสาทเข้าไปในร่างกายโดยที่ตนเองไม่รู้ตัวจากอาหารและน้ำดื่มที่ตนเองซื้อหามารับประทานอันเป็นบ่อเกิดของโรคทางจิตเวช นับแต่อยู่ในครรภ์มารดาเด็กทารกหลายล้านคนทั่วโลกรับสารกล่อมประสาทเข้าไปทางสายรกเพราะแม่ไม่ระวังตัว คนไทยเราเรียกว่า ไม่กำของกิน ท่านพันท้ายนรสิงห์ และท่านเทพบุตรชาวดินพระเอกของเรื่อง เลือดขัดติยาท่านยอมเสียสละชีวิต ทั้ง ๆ ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษด้วยกุศลเจตนาที่ท่านมีต่อแผ่นดินและส่วนรวม “ขอเดชะ พระอาญามิพ้นเกล้าฯ ข้าฯ ขอรับโทษประหารบั่นคอ เพื่อเป็นการรักษาเกียรติภูมิของไอ้สิงห์และระเบียบกฎมณเฑียรบาล เพื่อเป็นการรักษาบ้านเมืองให้สงบร่มเย็นเป็นสุขอยู่สืบต่อไป และมิให้ใครเอาเยี่ยงอย่างหาไม่กฎหมายอาญาบ้านเมืองจะไม่มีความศักดิ์สิทธิ์” การรับโทษในเรือนจำถ้านักโทษอยู่ในระเบียบวินัยจะไม่มีอะไรที่น่าลำเค็ญเพียงแต่ชีวิตอาจจะเป็นอีกแบบหนึ่งที่ไม่เหมือนคนทั่วไป “ผมทำงานรับใช้เรือนจำไปมีอะไรก็ทำใช้อะไรก็ทำ พอแลกข้าวกินกันตายไม่คิดอะไรใช้หนี้เวรกรรมให้เจ้ากรรมนายเวรหมดเมื่อไรก็เมื่อนั้นค่อยว่ากันใหม่” “คนเราสำคัญที่ศักดิ์ศรี ผิดพลาดมันย่อมต้องมี หากแม้นมิมีคงมิใช่คน อาศัยอยู่ที่แห่งไหน หัวใจต้องให้รู้คุณ ข้าวสุกหนึ่งเม็ดบุญล้นพ้นกะลาหัว เนรคุณท่านมิมีดี ชั่วดีมีจน เกิดมาเป็นคนต้องหมั่นขยันทำกินอย่าอายทำกินแลหมิ่นเงินน้อยหลงคอยวาสนา ชะตาอาภัพตกอับเพราะความเกียจคร้าน หลอนตนสืบสันดานเจ้า เฝ้าหลอกเค้ากิน เฝ้าโกงเค้ากินฯ ย่อมจักต้องไม่มีใครเห็นแก่หน้าค่าชื่อ” วิธีแก้ไขแบบขี้หมากองเดียวอีกเหมือนเคย คือยอมรับตรง ๆ ว่าตนเองทำผิดและแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด ยอมตายหมายให้เกียรติธำรง ยอมเป็นท่านนายอินทร์ผู้ปิดทองหลังองค์พระ ถือความยุติธรรมเป็นหลักในการแก้ไขปัญหาชีวิตกับธุรกิจอะไรสำคัญกว่ากัน? ความสามารถในการแก้ไขปัญหาธุรกิจเห็นได้จากคือ ผลกำไร และความสามารถในการแก้ไขปัญหาชีวิตเห็นได้จากอะไร? วิธีแก้ไขปัญหาชีวิตที่ง่ายที่สุด คือ พูดความจริง ทำในสิ่งที่เป็นความจริง ไม่เอาหลักการคิดแบบอวสานเซลแมนมาใช้ ปัญหาชีวิตจะไม่มีและย่อมจะไม่เครียด สบายใจมีสุขมีชีวิตที่ไฉไล เซลแมนที่ดีจะพูดแต่สิ่งที่เป็นจริงไม่ว่าจะเกี่ยวกับเรื่องของบริษัท และตัวสินค้ามุ่งสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้แก่ลูกค้าอะไรที่ไม่เป็นจริงจะต้องระวังไม่กล้ารับปากรับคำใด ๆ เด็ดขาด หาไม่ท่านผู้นั้นจะต้องกลายสภาพเป็นอวสานหรือล้มหายตายจากไปจากโลกอาชีพ เพราะฉะนั้นง่าย ๆ ขี้หมามากคือ อยู่กับความจริง พูดความจริง และทำแต่สิ่งที่เป็นจริง เป็นสามัญปกติมิใช่สามานย์และไม่ปกติ รักษ์แผ่นดิน มิใช่ลักแผ่นดิน ใคร่ได้ ใคร่ดี ใคร่หัว ใคร่ไห้ มิใคร่ดี เพี้ยงฝุ่นคิดดี ย่อมดี เพี้ยงภูเขา คิดไม่ดี ย่อมไม่ดี มันไม่สำคัญว่าคุณวุฒิของคุณระดับไหน ความสำคัญมันอยู่ที่ความรู้ความคิดในกบาลหัวของคุณต่างหาก อย่าเพียงเอาระดับความรู้ที่เพี้ยงเป็นปริญญาเอก โท ตรี หรือ อื่นใดมาใช้วัดคน ควรใช้หลักการ หลัก(เค้า)กู และความสามารถของ(เค้า)กู วัดความสามารถที่คน ๆ นั้นมีมาวัด(เค้า)กู เพี้ยงความคิดเท่านี้ชีวิตก็จะไฉไลตามความฝันที่วาดไว้ มีความสุขกาย สุขใจ ไร้โรคาทางใจ ไร้สิ่งรบกวนทางใจ ไม่มีอะไรไม่มีที่ติ แต่สุขมากกว่าทุกข์แน่แท้ ไม่มีทางเป็นอื่นไปได้ นิยามความรักที่ทำให้ชีวิตไฉไลคือ การนำสูตรทางคณิตศาสตร์มาคำนวณดังนี้ ผู้คนที่ไม่สมควรที่จะรักใคร่  ปัญหาที่ไม่สมควรที่จะต้องมี ไม่คุ้ม สมควรที่ทุกผู้คนก่อนที่จะคบหาหรือเลือกที่จะคบกับใคร ควรใช้หลักการคิดแบบง่ายดายนี้มาคิดใคร่ครวญเปรียบเทียบเพราะมันไม่ได้ยุ่งยากอะไรแค่ชั่งใจเหมือนชั่งน้ำหนักวัตถุอะไรสักอย่างที่นำมาวางไว้บนตราชั่ง ต่อให้เค้าหรือเธอรักตอบคุณ แต่มันคุ้มล่ะหรือกับการมาผจญกับปัญหาที่สุดท้ายก่อหวอดความยุ่งยากมากขึ้น จนทำลายความรักของคุณทั้งคู่ให้ต้องมีอันจบลง เรียกว่า หมดรักกันไปเลยก็มีในตอนจบ บางคนรักมากก็เกลียดมากตาม การแสวงหาความรักแบบคลุมถุงชนให้แก่บุตรหลานในสมัยโบราณจึงเกิดมีขึ้น “ผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมต้องรู้และเข้าใจ” หลายคู่ร่วมหอลงโรงจนลาตายจากกันไปเพราะความฉลาดทันคนของพ่อแม่ “ลองเลือกเองก็ไม่ได้อย่างนี้เพราะความเป็นเด็ก” แม่ใหญ่ผู้หนึ่งพูดถึงสามีด้วยน้ำตานองหน้า ทั้ง ๆ ที่สมัยแรกเริ่มตอนแต่งงานก็แต่งงานไปด้วยน้ำตานองหน้าเพราะรักใคร่ในผู้ชายอีกคน ในสมัยนี้ต่างคนต่างเลือกกันเองไม่ใคร่แต่งงาน เพราะไม่ใคร่มีตังค์ และไม่ผูกมัดทางกฎหมายด้วยการจดทะเบียนสมรสเพราะมันลำบากตอนเลิกราแต่สูตรนี้เป็นสูตรสำหรับความรักที่ต้องเลิกรา แล้วมีปัญหาติดตามมายังลูกเต้าที่มีด้วยกันหรือไม่มีแต่ความเป็นผู้หญิงสภาพกรรมมันหนักหนาสาหัสคิดดูให้ดีก่อนตัดสินใจ และก่อนที่จะเกิดสุสานคนเป็นขึ้นในครอบครัวของคุณ พวกบรรดาแอนตี้สังคมกลั่นแกล้งแม้แต่เรื่องแกล้งทิ้งขยะลงในที่สาธารณะทุกที่ ฟังแล้วใช้วิจารณญาณเอาเอง “คือผมทิ้งมันไปเรื่อย เจอะที่ไหนน่าทิ้งขยะผมก็ทิ้งมันส่งลงไปและแล้ววันหนึ่งผมนั่ง ๆ อยู่แล้วเกิดอาการหน้ามืด เพราะว่าจู่ ๆ หลังจากที่ผมเริ่มแกล้งวางถ้วยน้ำแข็งไว้ที่ป้ายรถเมล์เพื่อให้มันรกเล่นเป็นปกตินิสัย แต่สายตาผมกลับเหลือบมองขึ้นไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งแต่งกายแบบคนโบราณนุ่งผ้าแบบโจงกระเบนไม่ใส่เสื้อ ท่านมองหน้าผมแล้วหัวเราะเยาะเสียงฟังน่ากลัวมากครับเจ้ปุ้ย ท่านผู้นั้นบอกว่า มึงคงทิ้งไปเรื่อยหารู้ไม่บริเวณนี้ในสมัยแรกสร้างเมืองบางกอก มึงคือผู้หนึ่งในทหารหาญไทยที่เข้าร่วมรบกับทัพหงสาแล้วเกิดพลาดท่าถูกฆ่าตายกลางสมรภูมิเลือดทาแผ่นดินศพของมึงถูกทิ้งเน่าเป็นอาหารแร้งกาและกลายสภาพเป็นเนื้อเดียวกันกับดิน ฮะ ๆ ๆ เป็นไงไอ้สารเลวชาตินี้ไพร่สะถุนซ้าเจอดีจนได้ น่าหัวร่อ พอผมตื่นขึ้นมาผมทราบว่าแม่ค้าขายผลไม้เองก็เป็นลมเพราะเค้าเห็นเหมือนผม นอกจากนี้แล้วก็ลุงขายน้ำที่แกขายผมเองด้วยก็เห็นจนแกเกือบลมใส่ จนต้องรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำในห้างเพราะแกปวดฉี่กระทันหันเกือบราดให้อายขายขี้หน้า” อันคำว่า เด็ก สตรี คนชรา หมายถึงผู้ที่อ่อนแอกว่าด้านพลากำลังย่อมต้องถูกกำจัดหรือทำร้ายได้อย่างง่ายดายยิ่งกว่าขี้หมากองเดียว คือ แทบไม่ต้องออกแรงอะไรเลย แต่หนุ่มแน่นรุ่นกระทงที่ยังแข็งแรงฟังแล้วเตือนสติตนเองว่าถ้าคิดทำร้ายพวกเค้าแล้วไซร้ตัวคุณเองเล่าเมื่อไรดีที่จะชรา หรือจะไม่แก่จะไม่ตายเพศชายที่ยังหนุ่มแน่นคนจีนจะต้องเรียกว่า อาตี๋อย่างอาตี๋ใหญ่จอมโจรแสบคงไม่มีใครอุตริเรียกผู้หญิงว่าอาตี๋เด็ดขาดไม่มีทางเลยแล้วเมื่อไรดีที่เราจะได้พบกัน? อาตี๋เมื่อกี้อีฝากเล่าเพิ่มเติมต่อมาว่าท่านผู้นั้นมีคำถามเด็ด แบบนี้ด้วย “ท่านผู้ชายโบราณท่านนั้นแหล่ะครับท่านถามผม” การแข่งขันเกมการแก้ไขปัญหาทางธุรกิจที่จำต้องควักเงินค่าสมัครเป็นพันสองพัน แล้วไหนจะต้องพ่วงค่าเดินทางค่ากินค่าที่พักอีกเป็นหมื่นมันไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นเลยที่รักของคนอื่นเพราะอะไร? ก็ไอ้ชีวิตคนละหนึ่งชีวิตของพวกคุณเอ็งนั่นหล่ะต้องจ่ายสตังค์ค่าสมัครเข้าร่วมแข่งขันรึ? มีดจ่ออยู่ที่คอหอยกันทุกคนมิใช่? แล้วมันเป็นความจำเป็นรึไม่ที่จะต้องแก้ไข? คนเราร่างกายแม้ไม่พิการแต่กำเนิดแต่เมื่อถึงวันหนึ่งเราจำต้องมือขาด แขนหรือ ขาขาด ขาลีบเล็ก เพราะโดนวางยาพิษ หรืออาจจะตาบอดหรือหูหนวกเพราะอุบัติเหตุหรือถูกทำร้ายร่างกายจนหน้าตาพิการ แต่ถ้าเรารู้ว่าคนที่เค้าพิการแต่กำเนิดเค้าต้องทนทุกข์ เพราะเหตุที่กรรมอาจจะมีติดตัวของเค้าเองมาแต่แรก? ทำไมไม่คิดว่า เรายังโชคดีกว่าพวกเค้าตรงที่เรายังมีโอกาสเป็นคนที่มีอาการครบสามสิบสองมาแต่แรกเกิดตั้งนานสองนาน ถือว่ากรรมเรายังเบากว่าเพราะเวลาที่ชดใช้กรรมของเราก็สั้นกว่าเค้า? รึที่เกิดมามีกรรมอยู่ในครอบครัวที่ไม่ค่อยจะอยู่ดี หรือมีสุขแบบที่ได้จากเงินฟอกให้นึกเสียว่าช่างหัวมันเรามีโอกาสได้เกิดเป็นเพียงพอ เรื่องราวต่อไปนี้ของชีวิตค่อยไปว่ากันใหม่แล้วแต่ละสถานการณ์และสิ่งแวดล้อม พยายามใช้ความสามารถและสติปัญญาในการแก้ไขปัญหาชีวิตให้ชีวิตของเรามันดีมันคุ้มกับการได้มีโอกาสถูกรางวัลชีวิตรางวัลที่หนึ่ง ด้วยการลองย้อนเหลียวหลังกลับไปดูพวกสัตว์เดรัจฉานสารพัดชนิดว่า เอ้..รึอันพวกมันจะถูกเพียงแค่รางวัลชีวิตเลขท้ายสองตัวเท่านั้นเอง? แล้วเราเล่า? เอ้...ใครหว่า? นี่หรือคน?คนหรือนี่? ลักษณะของผู้นำแบบกบห้าลักษณะตามแบบกูคิดเอง(ไม่ใช่หาจากกูเกิ้ล)คือ  แสร้งกลบเกลื่อน  ขี้แล้วกลบคือแมว  กบไสไม้  กบจำศีล  เจ้าชายหรือเจ้าหญิงกบ เจ้านายที่มีลักษณะโดยรวมอันมีทั้งดี-ไม่ดีนั่นคือกลบเกลื่อนความผิดตนเองด้วยเสียงเอ็ดตะโร การเก็บงำสิ่งที่ไม่อยากให้ลูกน้องรู้ การทำงานอย่างหลังคดหลังแข็ง การก่นทนอยู่ในห้วงแห่งความคิดของตนถึงแม้ว่าจะผอมหัวโตแต่ไม่ยอมเปลี่ยนความคิด เห็นความเป็นผู้มีความสามารถของลูกน้องเสมอ หลายคนถามว่าคิดได้ไงคำตอบมีอยู่แล้วในใจเพราะว่ากูเห็นมากับตาตนเอง ฝรั่งออกมาโจมตีเรื่องที่ว่ามาตรฐานแรงงานไทยต่ำ มาตรฐานผู้หญิงไทยต่ำ หลายอย่างรวมความแล้วมาจากส่วนนี้เป็นหลักสำคัญคือ เคยเห็นมากับตาตนเองแต่ไม่ยอมคิดออกมา กลัวความผิด กลัวถูกอิจฉา กลัวเค้ารู้ว่าต่อต้าน กลัวทำงานหนัก กลัวไม่เป็นที่รัก กลัวความอ้างว้าง กลัวความลำบากไม่กล้าแต่งตัวปอน ๆ ไม่กล้าใช้ของกระจอก ไม่แต่งหน้า ออกมาทำงานไม่ได้ไปไหนไม่ได้ หรือไม่คุยมือถือแล้วนอนไม่หลับ ทุกอย่างรู้เห็นเช่นคนอื่นแต่กลัวต่ำ กลัวไม่สูง กลัวอาย กลัวเงินเดือนน้อย กลัวไม่สมศักดิ์ศรี ไม่พอใช้ซื้อของแพง ๆ กลัวไม่มีคนจีบ สิ่งที่คนไทยหรือหญิงไทยมีคือความซื่อจนเซ่อปากคุณเธอบอกฉันนะเจ้าเล่ห์ แต่เอาเข้าจริงซื่อมองคนในแง่ดีเสียจนดูไม่ออก ถ้าพวกคุณเจ้าเล่ห์เจ้ากลจะไม่โดนหลอกจริง ๆ อย่างนี้ แต่นี่เพราะคุณซื่อ คุณพยายามจะคิดวางแผนการณ์นั่นนี่โน่นแต่ติดซื่อพอลงมือทำตามแผนจริง ณ หน้างานพวกคุณกลับตาลปัตรความคิดเปลี่ยนจากชังเป็นรักใคร่เข้าให้ สุดท้ายคุณจบหมดแผนพังชีวิตพังบัดซบเพราะความใจอ่อน สงสาร รักเขา ให้หมด ยอมตายแทน ยอมลำบาก อย่างนางเอกในละครหลายเรื่องที่พยายามสร้างกระแสใหม่ให้ร้ายจนแรงซ้า แต่พอจบอวสานกลับกลายเป็นนางมารร้ายที่น่าสงสารซะงั้นเพราะถ้าขืนไม่จบลงเอยอย่างนี้คนดูจะไม่อินไม่ประทับใจ แต่บทสุดท้ายกลับมีฝรั่งปากหมาบางตัวบอกว่าผู้หญิงไทยมีมาตรฐานต่ำกว่ามาตรฐานโลกทั่ว ๆ ไปที่ใช้กันอยู่? เพราะเหตุใด? ถ้าพวกคุณไม่ซื่อจนเซ่อให้เขาจับได้ บางรายสารภาพบาปด้วยรักแต่กลับกลายเป็นได้รับความชัง จริงมั้ย? สุดท้ายพวกคุณเองแทบจะลมจับจนล้มทั้งยืนเพราะคำพูดจากปากชายอันเป็นที่รัก จริงมั้ย? วิธีแก้ไขแบบขี้หมากองเดียวคือ พูดตรง คิดอะไรพูดออกไปจากใจ มีใจที่กล้าหาญ กล้าเสนอความคิดความอ่านให้ทุกคนรู้ทั้งในแง่ดีและไม่ดี“ฉันน่ะปุถุชนมายังไงไปยังงั้น คิดยังไงพูดออกมายังงั้น” นี่คือสามัญปกติวิสัยที่เป็นมาตรฐานโลก พวกเราไม่ได้ต่ำกว่ามาตรฐานของปุถุชนทั่วโลกแต่อย่างใด วิธีการนำเสนอที่โดนใจผู้ฟังคือ ตัวคุณเองต้องชัดเจน รู้แจ้ง พูดชัด พูดเสียงดัง ตรงจุด รู้ใจผู้ฟัง และตอบคำถามตรง ๆอย่างไม่อ้อมค้อมด้วยความจริงใจ หลายคนแกล้งลองเชิงด้วยคำถามประมาณว่า “เอ้อ มิสครับถ้าการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างหญิงกับชายในฐานะ เอ้อ.... หมอชวาลาลูกน้องของมิสเตอร์ชู....อะไรสักอย่าง ผมขอโทษภาษาไทยจำยากไม่ทราบควรจะมีอะไรที่น่าจะเป็นพิเศษ อืม...คืออะไรบ้าง” ครูปุ้ยเลยแกล้งตามตรงจากใจว่า “ไม่ทราบเลยค่ะ แต่มันสำคัญอยู่ที่ใจเหมือนศิลปะซึ่งไร้การจำกัดขอบเขตหรือกรอบทางความคิดต้องขอโทษด้วยเพราะดิฉันยังไม่สมรสแต่มีลูกน่ารักอยู่หลายหน่อค่ะ” คนจีนหลายคนบอกว่า “อั้วจำใจต้องค้าขายแบบหลบเลี่ยงเพราะว่าอั้วมีชนักติดหลัง ไอ้ที่ทำแบบตรง ๆ อย่างลื้อมันดีกว่าอยู่แล้ว แต่อั้วไม่ใช่แบบลื้อคือไม่มีผิดอะไรต้องมาปกปิดและมันก็มาแต่สมัยปู่ตาโน้นแล้วด้วยซ้ำไป” แต่ความเป็นจริงวิธีแก้ไขแบบขี้หมากองเดียวคือ ละเลิกทำ วางมือ วางกระถางต้นพฤกษาสวาทเสียแต่ต้นมือ “อะไรก็ตามถ้าเราจะทำมันก็ทำได้ทั้งนั้นมันอยู่ที่ว่าเราจะทำมันหรือเปล่าแค่นั้นเอง” จากละครเรื่อง สายโลหิต ถึง ญาติกา แบ่งออกเป็น 6 รุ่นค่ะ


สายโลหิต

พระยาสุวรรณราชา + แม่ -----> ดาวเรือง ดาวเรือง+ขุนไกร -----> จันทร์ กลด กล้า บัวผัน พลับพลึง


ญาติกา

ปู่ทวดกล้า ------> มีลูกชาย ชื่อเรือง เรือง (คุณทวด) ----> กลั่น ปู่กลั่น + ย่าจีบ ----> พ่อบวร บวร + นวล ----> สร้อยทอง (ดาวเรืองกลับชาติมาเกิด) * สร้องทอง + ชวาล ----> ชวาลา (หลวงเทพ กลับชาติมาเกิด) ** ชวาลา + ม่านแก้ว(ลำดวน กลับชาติมาเกิด) ** ----> ขุนไกร (กลับชาติมาเกิด) ***

  • จากภาพนิมิตของสร้อยทอง ที่เห็นภาพ ดาวเรืองกับพี่ไกร เที่ยววัดในอยุธยา ด้วยกัน จนกระทั้งกลับไปเห็นอีกที ตอนหลังไฟไหม้กรุงค่ะ
    • ภาพนิมิตของชวาลา ที่เห็นหลวงเทพ กับแม่ลำดวนอยู่เคียงคู่กัน
      • จากนิมิตของสร้อยทอง ว่าถึงเวลา ที่พระยาไกรศรี หลุดจากบ่วง

(คำสัญญาที่จะนำดาบมาเคียงคู่กัน) และตัวเองจะไปเกิดค่ะ

================================[แก้]

จากสายโลหิตหลังจากพระยาไกรศรีราชภักดีสิ้นลง ได้สั่งสอนลูกหลานต่อกันว่า จะต้องตามดาบอีกเล่ม ที่ถูกต้อนไปกรุงอังวะ กลับคืนมาคู่กันให้ได้ ดาวเรืองตั้งรกรากเลี้ยงดูลูกสาวลูกชาย ในเรือนที่พี่ไกรปลูกให้ในกรุงรัตนโกสินทร์จนแก่เฒ่า มีลูกหลานสืบมา พ่อบวรหลานชายคนใหญ่ของตระกูลที่เหมือนจะเป็นพวกนักเลงป่าเถื่อน แต่แท้จริงแล้วชายหนุ่มเป็นคนตรงและรักความยุติธรรม พ่อบวรพบรักกับแม่นวลลูกสาวแม่แนบที่มาจอดเรือนแพอยู่ที่ท่าน้ำของบ้านพ่อบวร แม่นวลเป็นบุตรีคนที่สองของคุณพระเพชรบุรีที่ติดตามมารดามาค้าขายที่ที่พระนคร แม่นวลเป็นคนนิ้มนวลสมชื่อ ตอนแรกหญิงสาวก็ดูจะไม่รักชายหนุ่มอย่างพ่อบวรเท่าไรนักเพราะได้ยินกิติศักดิ์เรื่องความเป็นนักเลง เกะกะเกเร แม่แนบมักจะไปจอดเรือที่ท่าน้ำของคุณหญิงจีบแม่ของพ่อบวรเสมอ จนทำให้ความรักของพ่อบวรกับแม่นวลงอกงามขึ้น พ่อกลั่นของพ่อบวร จึงส่งคนไปสู่ขอแม่นวลจากคุณพระเพชรบุรี แต่ท่านไม่ยอมยกให้ด้วยความหวงลูกสาวและไม่ชอบพ่อบวรเป็นทุนจึงเรียกทองหนักเท่าตัวลูกสาว พ่อของพ่อบวรโกรธมากจึงยุให้ลูกชายพาหญิงสาวหนีโดยการรู้เห็นเป็นใจของแม่พ่อและแม่แนบแม่ของแม่นวล ทั้งคู่หนีคุณพระไปปักษ์ใต้ ซึ่งพ่อบวรได้ไปรับราชการเป็นนายอำเภออยู่ที่นั้น ฝ่ายแม่นวลหนีมาโดยไม่มีเงินทองติดตัวมาเลยเพราะอยากลบคำสบประมาทของพ่อ แม่นวลจึงใช้ความสามารถในการทำขนมที่เรียนรู้มาจากแม่ทำขนมขายไม่ว่าใครจะทัดทานยังไงก็ไม่ยอมเพราะเป็นถึงเมียนายอำเภอต้องมาเป็นแม่ค้า เธอบอกทุกคนว่าขนาดแม่ของเธอเป็นคุณนายเจ้าเมืองยังเป็นแม่ค้าสร้างฐานะที่มั่นคงให้ครอบครัว แม่นวลมีลูกสาวสองคนคือ พวงแสด กับคนเล็กแม่สร้อยทอง เธอเองก็อยากให้ลูกๆสบายอย่างที่เธอเคยได้รับด้วย แต่เพราะความตรากตรำไม่นานแม่นวลก็ป่วยและเสียด้วยโรคฝีในท้อง หลังจากแม่นวลเสียไปไม่นานพ่อบวรก็มีภรรยาใหม่และมีลูกตามมา ปู่กับย่าจึงให้พ่อบวรส่งตัวหลานกลับมาที่บ้านแม่สร้อยกับพวงแสด จึงถูกส่งตัวกลับไปอยู่กับปู่ย่า แม่สร้อยเรียนในโรงเรียนคริสต์ แม่สร้อยมีความสนใจเรื่องการเสียกรุงฯ และดาบของพระยาไกรศรีฯ ที่อยู่ในห้องพระจนคุณทวดแปลกใจ และคิดว่า แม่สร้อยต้องเป็นบรรพบุรุษกลับชาติมาเกิด (ดาวเรืองกลับชาติมาเกิด) อีกทั้งเมื่อลูกชายคนโตของบวรกับแม่เลี้ยง ต้องการมาขอดาบในห้องพระก็กลับถูกพระยาไกรศรีเข้าฝันทวงดาบแก่เจ้าของแท้จริงจนต้องรีบนำกลับมาคืนทำให้ดาบเล่มนี้ยังคงอยู่ในห้องพระบ้านคลองบางหลวง จวบจนกระทั่งสร้อยทองโตเป็นสาวส่วนแม่พวงแสดถูกส่งไปเรียนการเรือนในวังแล้ววันหนึ่งก็มีคนมาดูตัวแม่พวกแสดแต่ผิดตัวกลายเป็นแม่สร้อยแทน พ่อชวาลลูกชายคุณหญิงแว่นเจ้าของโรงเรียนที่แม่สร้อยเรียนอยู่เกิดไปหลงรักหญิงสาวตั้งแต่แรกเห็นด้วยความซุกซนเหมือนผู้ชายของแม่สร้อย ทำให้หญิงสาวไม่ได้สนใจชายหนุ่มเท่าไรนัก แต่ทั้งคู่ก็ต้องแต่งงานกันจนได้ทั้งที่แม่สร้อยไม่ได้รักพ่อชวาลเลยทั้งคู่ย้ายไปอยู่ที่ต่างจังหวัดด้วยกัน ไม่นานพ่อชวาลก็เสีย แม่สร้อยเพิ่งรู้ตัวเองว่ารักชายหนุ่มมากแค่ไหน พร้อมๆกับเพิ่งรู้ว่าตนเองท้องเธอเสียใจมาก และตั้งใจที่จะเลี้ยงลูกชายที่เป็นเหมือนตัวแทนพ่อของเขาอย่างดี ลูกชายคนเดียวเธอตั้งชื่อว่า ชวาลา เพื่อระลึกถึงชวาลชายหนุ่มที่แสนดีที่สุด ชวาลาเติบโตมาเป็นหนุ่มหล่อเหมือนพ่อเขาจบการศึกษาจากต่างประเทศ และเป็นนายทหารกล้าเช่นเดียวกับบรรพบุรุษ สร้อยทองได้เล่าให้ชวาลาฟังถึงเรื่องดาบคู่ และคำสั่งเสียของบรรพบุรุษ จนเมื่อสบโอกาสครั้งแรกชวาลามีราชการที่พม่า ซึ่งบัดนี้ ระยะทางจากอังวะ ถึง กรุงเทพ ไม่ใช่ไกลเกินเอื้อมอีกต่อไปแล้ว ชวาลาคิดจะออกตามหาดาบคู่ที่แม่มีอยู่และเคยเล่าความเป็นมาให้ตัวเขาฟังเขาออกเดินทางไปประเทศพม่า และที่นั่นเอง เขาได้พบกับหญิงอันเป็นที่รัก และดาบอีกเล่มที่ตามหามานาน สายโลหิตและญาติกาเขียนขึ้นด้วยหลักฐานทางโบราณคดีต่าง ๆ นำมาผสมกับแนวทางของท่านไม้ เมืองเดิม เช่น เรื่องขุนศึก สงครามเก้าทัพฯลฯ อะไรก็ตามที่เป็นเรื่องราวบอกเล่าเรื่องในเชิงประวัติศาสตร์แล้วเด็กจะชอบอ่านทำให้รู้ถึงหลักการคิดง่าย ๆ ว่าผู้อ่านมีความสนใจในเรื่องการกลับชาติมาเกิดผสมกับความใคร่รู้ในเรื่องลี้ลับและสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในอดีตกาลที่ผ่านพ้นจากทั่วทุกมุมโลกทำให้แนวการเขียนเรื่องทำนองแบบนี้ไม่ว่าจะกี่เรื่องก็ได้รับความนิยม ถึงแม้ว่าจะลองใช้นามปากกาสารพัดเปลี่ยนไปมาแต่แล้วคนก็ชอบอ่านอีกตามเคย แต่ย้อนคิดถึงตี๋เมื่อวานนี้เรื่องนิมิตของแก “คนโบราณในสมัยยุคนั้นก็เยี่ยงญาติกาคือมีจีนเข้ามาค้าเรือสำเภานำเอาตุ๊กตาอับเฉาถ่วงมาเป็นของกำนัลแก่พระเดชพระคุณซึ่งท่านเอาไว้ตามวัดบ้าง วางพวกมันประดับไว้เป็นรายทางตามวังเวียงกระทรวงกรมการต่าง ๆ บ้าง ดูน่าเกรงขามบ่งบอกถึงพลากำลังอันเข้มแข็งเพราะล้วนแล้ว แต่เป็นรูปขุนศึกแม่ทัพนายกองแบบจีนหน้าตาดุดันคมเข้ม และที่เกริ่นมาทั้งหมดเพียงจะเล่าให้ฟังคือยังงี้... วัดโพธิ์ขึ้นชื่อเรื่องตุ๊กตาจีนและความเฮี้ยนของพวกท่าน วันหนึ่งครูปุ้ยเองนี่แหล่ะชอบไปถ่ายรูปในวัดนี้เพราะมันใกล้เดินทางง่ายกว่าที่อื่น และมีหลายมุมที่สามารถใช้มุมแบบหลบ ๆ นำมาตัดต่อบ้าง อะไรบ้างประมาณนี้แหล่ะตอนนั้นบ่ายแก่ราวสักสี่โมงครึ่งตามปกติจะมีเสียงท่านเจ้าหน้าที่บอกกล่าวเป็นภาษาอังกฤษบ้างญี่ปุ่นบ้างว่าใกล้เวลาที่จะต้องปิดทำการ อีกราวสักไม่ถึงชั่วโมงประมาณนี้ ความจริงนะฝนมันตั้งเค้ามามืดตืบนานโขอยู่แต่เดิมพอถึงช่วงนั้นฝนมันก็เทลงมาซู่ใหญ่ทุกคนทั้งไทยทั้งเทศวิ่งเตลิดเข้าที่ร่มหลบฝน ครูปุ้ยวิ่งไปที่ใต้ชายคาบริเวณใกล้ ๆ ตุ๊กตาฝรั่งที่พวกบรรดาท่านไกด์ท่านชอบบอกว่า นี่คือมาร์โคโปโลนักสำรวจดินแดนใหม่ผู้พบดินแดนในแถบเอเชียคือ จีน ญี่ปุ่นและแหลมอินโดจีนทั้งหมดถ้าใครเคยเห็นรูปร่างครูปุ้ยจะรู้ว่าตัวเล็กกะเปี๊ยกเดียวแต่แค่ร่มชายคาที่ยื่นออกมากระจิดริดนั้นยังไงก็ไม่สามารถจะคุ้มฝนได้แต่ความที่เข้าใจว่ามันไม่เปียกก็เลยยืนหลบอยู่ แต่นึกแปลกใจเหมือนกันว่า เอ๊ะ เค้ามองมาทางเราทำไมอาจจะเห็นเรายืนอยู่คนเดียวไม่มีใครยืนอยู่ก็เลยเฉย ๆ ไม่ได้คิดอะไรแต่ยิ่งนานไปแล้วฝนก็ตกนานมากร่วมสี่สิบห้านาทีคนก็ยิ่งมองยิ่งพยายามบุ้ยใบ้มาทางเรามากขึ้นรู้สึกผิดสังเกตเหมือนกันแต่ไม่ได้พูดอะไรยืนงงอยู่? อะไรว่ะ? มองอะไรกัน?พยายามมองกวาดตาไปรอบ ๆ มองไปบนชายคาเริ่มเอ๊ะใจมันแทบกันฝนไม่ได้พอมองเสื้อผ้าฝนมันแรงมากทำไมไม่เปียกน้ำ ฝนอะไรว่ะไม่เปียกไม่โดนตัวแบบตรง ๆ แค่ละอองน้ำกระเซ็นใส่ครูปุ้ยพยายามมองร่มชายคาต่อรึว่ามันใสแจ๋วจนสะท้อนกับแสงแดดเลยไม่เห็น สักพักเสียงนางบาปเอ้มันร้องตะโกนถามมันคงสงสัยเต็มที่ “เอ้ย นังแมวทำไมมึงไม่เปียก?” พอฝนหยุดตกพวกมันและคนอื่น ๆ รีบเดินเข้ามาพิสูจน์ขอจับตัวจับเส้นผมเสื้อผ้า ทุกวันนี้ยังหาคำตอบไม่ได้จริง ๆ ค่ะว่าทำไม?” ต้นตระกูลของสายกษัตริย์ทั่วโลกล้วนแล้วแต่มาจากความเป็นสามัญชนทุกราชวงศ์ แต่ทุกที่จะต้องมีระบบพึ่งใบบุญแบบใช้พวกท่านและลูกหลานเป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก ถ้าหัวใจไม่ได้เสริมใยเหล็ก ไม่ถูกสเปคแล่นเร็วไม่ไหว พวกคุณเธอจะไม่เอาเพราะว่ามันช้าไม่ทันใจ และแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นในหน้าประวัติศาสตร์คือความโง่แกมโว แถมเกิดความอหังการ์ทำให้ก่อเกิดโศกนาฏกรรมด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หลายนางน้อยตายเพราะเงื้อมมือเจ้าเหนือหัวผู้เป็นผัว หรือไม่ก็มีความวิปริตทางเพศแบบชนิดที่จำใจจำยอมทำอย่างเช่น พระนางที่เป็นพระราชินีของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 คือท่านทรงถูกกระชากวิกผมออกจากพระเศียรเป็นการฉีกหน้ากลางธารกำนัล วัฒนธรรมในการสวมวิกผมของสาวฝรั่งเศสคือ นางจะต้องโกนผมเพื่อให้วิกติดอยู่ทนและไม่ก่อความคันแก่หนังศีรษะ แต่ต้นเหตุมาจากผมที่ร่วงมากผิดปกติและหงอกขาวด้วยความชราจนท่านไม่สามารถที่จะย้อมด้วยสมุนไพรธรรมชาติให้มันสีดำสนิทถาวรได้อย่างเดิม ตัวพระราชินีท่านนี้มีอายุมากแล้วและเป็นพระธิดากษัตริย์องค์ก่อนหน้าทรงสมรสแล้วแต่ว่าพระสวามีเชื้อสายกษัตริย์ทรงเสียชีวิตไปจึงทรงกินตำแหน่งพระราชินีองค์ใหม่ต่อมา พระเจ้าหลุยส์ที่14 เล่ากันว่าท่านไม่เคยโปรด ทรงด่าว่า ทารุณ ทำร้ายร่างกาย และจิตใจนางรวมทั้งสาวนางในคนอื่น ๆ ด้วย แต่เค้าว่ากันว่าท่านมีฝาแฝดผู้น้องชายของท่านที่มีนิสัยตรงกันข้าม ทั้ง ๆ ที่ท่านมีหน้าตาเหมือนกันยังกับแกะ “ข้าต้องสวมหน้ากากเหล็กปิดบังหน้าไว้ไม่ให้ใคร ๆ รู้ความจริงข้อนี้ ข้าถูกขังอยู่ในคุกมืดแต่เล็กแต่น้อย ข้ากลัวบาปเฝ้าสวดมนต์อ้อนวอนลุแก่โทษต่อพระเจ้า ในวันอาทิตย์ข้าขอร้องให้เชิญพระมาสวดมนต์สนทนาธรรมกับข้ามิได้ขาด และนั่นมันเป็นเพียงคำขอร้องครั้งสุดท้ายในชีวิตข้าเพื่อปลดปล่อยข้าจากบาปกรรม” แต่แล้วด้วยความเหี้ยมอำมหิตของท่านได้ก่อเกิดคดีร้าวฉานขึ้นมาเมื่อท่านลงมือหลอกล่อนายทหารลูกขุนนางผู้หนึ่งที่ เริ่มจะเป็นหอกข้างแคร่ให้ไปตายในสมรภูมิและแกล้งดึงตัวเมียสาวของเขามาเป็นนางในแต่กลับกระทำการวิปริตทารุณข้างฝ่ายนางนั้นก็ใจเด็ดผูกคอตายกับช่องหน้าต่างแบบฝรั่ง ที่มีความสูงเป็นช่องโปร่ง ขุนนางผู้พ่อเกิดความคับแค้นใจจึงได้ร่วมมือกันกำจัดท่านพระเจ้าหลุยส์ผู้พี่ด้วยการนำตัวท่านหลุยส์ผู้เป็นน้องชายแฝดของท่านออกมาจากคุก “ข้าขอถวายคำนับขอพระราชทานอภัยโทษที่กระทำไปตามพระบัญชาของพระเชษฐาของท่าน” จากนั้นได้ถอดหน้ากากเหล็กออกมาจากใบหน้าเผยความจริงให้ทุกคนรู้ “ข้าใคร่ขอรบกวนให้ท่านทำหน้ากากทองคำไว้ครอบพระพักตร์ท่านพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ด้วย” และแล้วจุดจบคือตัวบงการใหญ่ผู้พี่ชายกลับกลายเป็นเจ้าชายหน้ากากทองคำ ทรงถูกคุมขังอยู่ในคุกมืดแทน ส่วนท่านผู้น้องชายทรงรับสั่งความจริงให้ทุกคนทราบ ทรงขึ้นเสวยราชย์เป็นกษัตริย์แทนหลังจากนั้นเป็นต้นมา สมัยของท่านกลับกลายเป็นสมัยที่รุ่งเรืองสืบเนื่องมาจนทุกคนเรียกว่า เรอเนอซองค์ คือ เจริญถึงขีดสุดศิลปะยุคนั้นถือว่างามที่สุดในฝรั่งเศสเลยทีเดียว แม้แต่พระราชวังแวร์ซายที่ถูกจัดว่างามที่สุดในโลกก็ว่าได้ก็สร้างขึ้นในสมัยนั้น อันว่างานเขียนเพลงบรรเลงชีวิตและงานประพันธ์ทุกชนิดถ้าไม่มีใจรักใครหรือจะทนอดได้? นักเขียนฝีมือดีปั้นงานออกมาได้ราวกับปั้นพระสมัยพระร่วงนั่นก็เป็นเพราะนิสัยแบบครูปุ้ยคือ ทนอดเก่ง อดทนเก่ง แต่ถ้ากลับมาใช้วิธีทางธุรกิจผลตรงข้ามก็เกิดขึ้นกับงานเขียนงานเพลงที่บรรเลงคือ งานปั้นพระออกมาเป็นลักษณะแบบอู่ทองมิใช่แบบพระร่วงอีกอย่างคนเรายังไงได้อย่างต้องเสียอย่าง ไม่มีใครแม้แต่สักคนเดียวได้ทั้งสองอย่างจับปลาสองมือได้ตามใจนึก หลายคนอาจนึกไม่ออกแต่ในบรรดาศิลปินแค่เกริ่นนำก็เข้าใจอย่างลึกซึ้งอย่างเข้าถึงแก่นแท้ของความคิดฝันว่าอันงานทุกชิ้นย่อมมีแรงขับออกมาจากแรงบันดาลใจที่มีความสุขเมื่อใดขาดความสุขทางใจแรงบันดาลใจย่อมออกมาไม่ดีและงานย่อมออกมาไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น “เอ้ ทำไมใคร ๆ เล่าขานเรื่องราวท่านเจ้าชายโกมินทร์กุมารผู้เชือดเนื้อเถือหนังตนเองให้นกแร้งกินเพื่อเป็นการไถ่บาปที่ทำร้ายชีวิตของลูกพญานาคที่เข้ามาเลื้อยเล่นเป็นเหตุให้เกิดศึกระหว่างมนุษย์กับพญานาคา จนถึงกับต้องแลกด้วยชีวิตที่ดื้อรั้นขาดสติของเจ้าชายโกมินทร์” อารัมภบทมานานก็ด้วยวิธีการที่คนเมืองในนครใหญ่ทั่วโลกทำกันก็คือ พยายามที่จะเชือดเนื้อเถือหนังคนที่ระหกระเหินมาจากต่างแดนต่างจังหวัด ซึ่งเค้าด้อยกว่าในเรื่องของวัตถุและตามไม่ทันพาซื่อคิดเหมาว่านั่นคือไมตรีจิตที่ได้รับจากมิตรต่างถิ่นคุณเป็นคนต่างแดนแต่แนบแน่นด้วยไมตรีสูงส่งแต่เค้าผู้เจ้าของถิ่นไม่ใช่ผู้มีไมตรีสูงส่ง อย่าได้คิด ต้องระวัง ระวัง!ตัวครูปุ้ยเองมีทางต่อสู้แต่ไม่ชอบคนที่รังแกคนไม่มีทางสู้นั่นก็เป็นเพราะพวกคุณคนต่างถิ่นทุกคนนั่นแหล่ะมีความผิดเรียกว่า ชนักติดหลังกันมามากน้อย แล้วแต่ตามสภาพกรรมแล้วจะไปสู้รบปรบมืออะไรกับพวกเจ้าของถิ่นเดิมที่เต็มไปด้วยพลพรรค และหากไม่เดือดร้อนที่อยู่ที่ทำกินกันคงไม่จำยอมอพยพมาหาที่ซึ่งตัวเองไม่คุ้น และมีอันตราย พึงสังวรณ์ ระวัง! อย่าไปให้ความร่วมมือหรือหันหาที่พึ่งที่ทำให้ตัวเองตกหนักกว่าเดิม อย่าได้คิดว่า พวกเดียวกันมันก็ผิดเหมือนพวกเราแต่มันไม่ใช่อย่างนั้น ชีวิตหนึ่งชีวิตของเจ้าของถิ่นกับผู้ลักลอบเข้าเมืองย่อมต่างกันเพราะความเป็นประชากรของที่นั่น คุณตายไปเหมือนศพไร้ญาติขาดมิตรแม้จะบอกว่าไม่เป็นไรแต่ทำไมมันจำเป็นอะไรต้องให้เค้าฆ่าเล่นเพื่อให้เค้าสะใจสาแก่ใจแถมพยายามเอาคุณเป็นลูกมือในการทำผิดแล้วยัดข้อหาให้เหมือนเรื่องราวในหนังแบบอินเฟเรียหรือละครแบบอินเฟเรีย คือ หนังหรือละครด้อยคุณภาพ (inferior movies or TV programme) เหมือนสินค้าแบบประมาณปลาร้าที่มีความต้องการบริโภคต่ำลงสวนทางกับรายได้ที่สูงขึ้นคนที่มีการศึกษามีรายได้พอประมาณก็จะเริ่มหนีตีตัวออกห่างหันไปหาสิ่งที่น่าอภิรมย์ต่อสายตามากกว่าฉันใดก็ฉันนั้น ตีตัวออกห่างจากพวกเจ้าของถิ่นที่ไม่มีไมตรี ไม่จริงใจ หลอกคุณไว้เป็นเครื่องมือแล้วยัดข้อหาให้รับความผิดแทนพวกตน ระวัง! วิธีแก้ไขที่ดีที่สุด แน่นอนคือ อย่าทำตาม อย่าไปเป็นสุนัขรับใช้ อย่าไปไว้เนื้อเชื่อใจ อย่าโกหก และรู้อยู่ จิวยี่ผู้ถ่มน้ำลายรดฟ้าทุกผู้คนมองว่าเลวร้ายตราบจนเสียชีวิต แต่เปรียบเทียบกับขงเบ้งผู้มีความดีความงามฉลาดลึกล้ำ และซ่อนความร้ายกาจเจ้าเล่ห์ไว้ในใจแต่ถูกทหารรับใช้อย่างบงทงฉีกหน้ากาก เพราะล่วงรู้ความจากสิ่งที่ท่านขงเบ้งได้เคยระบายความในใจให้เมียและลูกฟัง เพราะบงทงโกรธที่ขงเบ้งแสร้งทำทีร้องไห้เอาศีรษะโขกโลงศพของจิวยี่ ร่ำไห้ปริ่มขาดใจทั้ง ๆ ที่ใจคิดร้ายกลัวความเจ้าเล่ห์ฉลาดหลักแหลมของจิวยี่จะขัดขวางมิให้ตีเมืองกงต๋งได้ ส่วนบู้สงถนัดใช้พลากำลังมีความซื่อสัตย์รู้คิดแต่โผงผางไม่โกหกทำผิดรับผิดตรง ๆ เดินไปเข้าคุกแต่ทำไปด้วยความคับแค้นใจที่ได้รับ และไม่โกหกสารภาพแต่โดยดีเลยได้รับการปล่อยตัว “คนตรงยังไงก็ดีกว่าคนโกง เดินตรง ๆ ไปเหมือนเต่าเรื่อย ๆ แม้ไม่ร่ำรวยแต่ไม่หลงทางไม่ต้องเสียเวลาหยุดพัก ย่อมถึงที่หมายเส้นชัยก่อนกระต่าย”ระวัง! ลูกหลานครูปุ้ยจะสอนมันเสมอว่า นี่บอกเค้าไปว่า “ไม่เอาไม่ไหวรับไม่ได้ดอกครับหรือค่ะ เพราะว่าหล่อ ๆ สวย ๆ อย่างหนูเนี่ยะ แล้วมาเล่นบทตลกอย่างพวกเรานี่เล่นได้บทเดียวนะครับ(ค่ะ) คือ พระเอกหรือไม่ก็นางเอก ส่วนบทนางมารหรือนายมารนี่ยิ่งหนักข้อเข้าไปใหญ่ บ่ ได้ดอก”เห็นมั้ยมีเรื่องเกิดขึ้นมาจากคำพูดนี้เพราะว่าลูกศิษย์ซึ่งเป็นหลานทางพ่อของลูก ๆ เค้าถูกตบหน้าเพราะพูดแบบนี้ “หนูน่ะจะทดสอบว่าน้องเค้าจะทนเป็นนางเอกไหวมั้ยถึงขนาดโดนตบ” หลานครูปุ้ยแกตอกกลับไปว่า “คอยสักครู่ เดี๋ยวพี่สาวหนูตามตำรวจแล้ว ไม่เป็นไรหนูยอมเจ็บหน้าแต่คุณเข้าคุกทั้งกลุ่ม แค่โมโหอาละวาดลากคุณเข้าคุกกันได้เป็นพรวนไม่เป็นไรถือว่าหนูมีกรรมต้องรับไป” เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อายุไม่ถึงสิบหกดียังรู้หลักการคิดง่าย ๆ คือ มองโลกในแง่บวกเข้าไว้ หาไม่เราจะรบไปเรื่อย ๆ ถ้ายังคงมองโลกในแง่ลบอยู่ สำหรับชีวิตไฉไลที่เว้ามาทั้งหมดแก่นแท้คือแค่ให้มองโลกในแง่ดีแค่นั้นเองค่ะแล้วเราจะไม่เครียดพยายามหาแง่คิดในทางบวกจำไว้ว่าอย่าคิดในทางลบเป็นอันขาด แล้วเราจะไม่ป่วยทางใจเพราะไม่ต้องรบรากับใครเลยแม้แต่คนเดียว หลักการคิดง่าย ๆ แบบขี้หมาหนึ่งกองเขียนเป็นสมการชีวิตได้ว่า หนึ่งชีวิตของเรา = หนึ่งชีวิตของเค้า เราดูแลตัวเอง = เราไม่ทำร้ายใคร เพียงเท่านี้ชีวิตของเราก็จะเป็นชีวิตที่ไฉไล ไร้ขีดจำกัด และไม่เซ็ง “จงยิ้มสู้โลก ทิ้งความเศร้าโศกเถิดหนา อย่าให้เค้ามาตราหน้าว่าขาดเค้าเราหมดหนทาง” จบบริบูรณ์

ครูบุสดี พนมเขตต์

ห้ามสำนักพิมพ์ทุกแห่งลอกเลียนแบบ อนุญาตเฉพาะผู้ว่างงานทุกประเภท