จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ตอนที่ 10: กำเนิดอามีเรีย
จะกล่าวถึงทาร่าสายสวาท
|
|
ด้วยเป็นชาติเชื้อชั่วทั้งตัวสู
|
อยู่เขตวังหลังม่านประมาณดู
|
|
ได้สมสู่กษัตริย์ขัตติยา
|
บัดนี้กาลเวลาชะตาเลื่อน
|
|
ถึงสิบเดือนเคลื่อนไปจะสิงหา
|
ร้องปั่นปวดรวดร้าวเป็นคราวครา
|
|
ซึ่งชันษาครบแล้วแก้วพระครรภ์
|
นางวีร่าตรวจจับสดับฤกษ์
|
|
แล้วจึงเบิกตัวแพทย์ทั้งแปดหัน
|
เสียบัดนี้ทาร่าร้องอ้าอัน
|
|
ให้รู้ลั่นทั่วไปในห้องนอน
|
นางคร่ำครวญหวนไห้ร่ำไรห้อย
|
|
น้ำตาคล้อยหน้าหลบเข้าซบหมอน
|
อยากเห็นหน้าองค์เธนนเรนธร
|
|
พระบิดรของบุตรสุดใจเรา
|
อันว่ารีมีน่ามาร์จาวุ่น
|
|
เตรียมน้ำอุ่นผ้าพับประดับเขา
|
นี่จะคลอดแล้วเอ๋ยอย่าเฉยเชา
|
|
เร่งเร็วเข้าหยูกยาเตรียมมากิน
|
ถึงสองยามความจริงสิ่งปรากฎ
|
|
ได้ลิ้มรสชาติปวดระทวดสิ้น
|
ทาร่าร้องลั่นแล่นในแผ่นดิน
|
|
ตัวเด็กดิ้นคลอดยากลำบากนาน
|
จงอย่าให้นางตายมลายหลับ
|
|
เป็นคำศัพท์หน่อนาถราชฐาน
|
แล้วแก้ไขได้เวลาบุตราการ
|
|
คลอดกุมารเป็นนารีฉวีงาม
|
ล้วนดวงตาคิ้วคมสมพระเนตร
|
|
ผู้ทรงเดชองค์พระเจ้าสยาม
|
แล้วห่อหุ้มอุ้มผ้าสีฟ้าคราม
|
|
สีผมตามเหมือนแม่ชะแง้มอง
|
ทาร่ากล่อมร้องเห่โอ้เอ่แล้ว
|
|
ชมน้องแก้วตาใสนัยน์ทั้งสอง
|
ได้ผูกเปลเรเรืองทั้งเครื่องทอง
|
|
ไม่หม่นหมองสุขใจสบายตัว
|
แล้วคะนึงตรึงตรึกด้วยนึกถึง
|
|
กษัตริย์หนึ่งญาติวงศ์เป็นองค์ผัว
|
ครั้งหนึ่งเล่าเข้าชิดสนิทครัว
|
|
บัดนี้ตัวแยกจากอยู่พรากกัน
|
บัดนี้จึงเข้านอนเสียก่อนเถิด
|
|
แรงเตลิดหายไปกระทันหัน
|
แล้วพรุ่งนี้มาคิดติดนามนัล
|
|
อยู่ทุกวันสุขกายสบายใจ ฯ
|
ครั้นจะนึกชื่อนามความยากแท้
|
|
ต่างก็แก้ไปกันเลือกอันไหน
|
วีร่าทำคำนวณกระบวนใน
|
|
ถึงฤกษ์ไรยากย่ำประจำกาล
|
อันวันนี้อาทิตย์ประสิทธิ์เกริก
|
|
ด้วยดวงฤกษ์ชะตามหาศาล
|
จะอยู่ยงคงกระพันนับพันวาร
|
|
แต่ภัยพาลจะพรากจากแม่ตน
|
ทาร่ารู้รับฟังยังสะดุ้ง
|
|
ศอกกระทุ้งตาเหลือกกระเสือกกระสน
|
เหตุใดเล่าลูกข้าจะลาจล
|
|
ดูพิกลหนเหตุประการใด
|
คำถามนี้ยากยิ่งสิ่งคำตอบ
|
|
ใครจะรอบรู้ซึ่งถึงเหตุไหน
|
อนาคตสดใสหรืออย่างไร
|
|
ไม่มีใครทูลหวังดังใจจง
|
ทาร่าเลือกชื่อนามตามมนุษย์
|
|
เป็นที่สุดต้องตามความประสงค์
|
ให้ชื่อว่าอามีเรียเวี่ยดำรง
|
|
เกิดมาคงอาภัพเหมือนกับตน
|
จึงมอบเครื่องธำมรงค์ดำรงรัตน์
|
|
แล้วผูกหัตถ์ธิดาสี่ห้าหน
|
ก้มลงลูบจูบมือฤๅกังวล
|
|
ขอให้พ้นภัยพาลทุกการไป ฯ
|
กาลเวลาล่วงลัดแปดวรรษา
|
|
นุดาราร่ำเรียนเพียรศาสตร์ไสย
|
เป็นสิ่งนำสำคัญให้มั่นใจ
|
|
จะมีชัยเหนือกรุงคุ้งมนุษย์
|
ทั้งศาสตร์สู้รู้ศึกล้ำลึกนัก
|
|
น้อยคนจักเข้าใจในอาวุธ
|
อันผู้หญิงถือดาบปราบพิรุธ
|
|
อีกการยุทธ์การกลล่องหนเป็น
|
นางพากเพียรเรียนเช้าเข้าบ่ายค่ำ
|
|
ฝึกฝนซ้ำไปมาทาร่าเห็น
|
ให้เครื่องคาวข้าวสามทุกยามเย็น
|
|
ถามประเด็นเรื่องราวคราวรายวัน
|
เจ้ามิไปไหนบ้างสักอย่างหรือ
|
|
เห็นแบกถือศาสตราขาขยัน
|
เป็นเด็กเยาว์สาวน้อยอยู่ร้อยพัน
|
|
จะฝึกฟันฟ่าสู้อยู่ทำไม
|
อามีเรียได้แถลงแจ้งคำตอบ
|
|
ด้วยรอบคอบพิจารณามารดาไฉน
|
ถึงการศึกตรึกจำเป็นคำไคล
|
|
สำคัญไซร้ป้องกันเมืองขัณฑา
|
แล้วแสดงเดชาศาสตราวุธ
|
|
อันยงยุทธ์แสงสายเป็นหลายหลา
|
ดูประจักษ์ตาต่ออย่ารอช้า
|
|
จึงเล่นท่ากระบวนกายฝึกหลายคืน
|
จับดาบคมก้มแทงสำแดงฤทธิ์
|
|
สมดังจิตอาฆาตดูฝาดฝืน
|
ท่วงท่าท่องว่องไวดังไกปืน
|
|
ชำนาญชื่นลื่นไหลดังใจปอง
|
แล้วหยิบเปลี่ยนเรียนธนูดูเรียวสวย
|
|
ประดับด้วยทองคำสัมฤทธิ์สอง
|
ถือตั้งท่ากล้ายิงทุกสิ่งลอง
|
|
เร็วจนมองไม่ทันมันน่าชม
|
แล้วมาลองกระบองเหล็กไม่เล็กใหญ่
|
|
ทุบตีไปเยื้องกายสยายผม
|
พริ้วไสวดังสายน้ำสามสายลม
|
|
สายตาคมทิ่มแทงตำแหน่งเพลิน
|
ถึงมีดคู่ดูคมสมคำเล่า
|
|
แต่นงเยาว์ถือได้ไม่อายเขิน
|
ดูช่ำชองประลองกับแม่ทัพเทอญ
|
|
น่าชวนเชิญเทวาลงมาดู
|
ล้วนอาวุธยุทธาทิวาหวาด
|
|
จะฟันฟาดขาดคอถึงศอหู
|
แก่คนใครใคร่กล้าก่อศัตรู
|
|
ข้าศึกกูตายสิ้นทั่วดินแดน ฯ
|
ทาร่าเห็นเป็นท่าให้ปรากฎ
|
|
ทรหดอดทนฝึกฝนแขน
|
เป็นยอดยิ่งสิ่งใดในเมืองแมน
|
|
เธอจะแทนคุณแม่เป็นแน่นอน
|
จึงให้กลับบ้านวังหลังจากนี้
|
|
มารดามีความแจ้งแถลงสอน
|
จงรีบเร่งเพ่งพิศทิพากร
|
|
ดูรอนรอนโอ้เอ้เอกากล
|
ปล่อยให้ฝึกฝนไปตามนัยหญิง
|
|
ดูยอดยิ่งยาตราสี่ห้าหน
|
ให้เก่งกล้าสามารถพิฆาตคน
|
|
อย่าผิดผลผันแปรแม่จะตี
|
อามีเรียฝึกเสร็จระเห็จกลับ
|
|
มาอยู่กับมารดามารศรี
|
ถึงคำสอนพรชัยหทัยดี
|
|
ยามราตรีกลับวังแม่นั่งรอ
|
ทาร่าทักกวักมือมานั่งข้าง
|
|
แม่ก็ร้างเรือนเข้าเก้าปีหนอ
|
จะบอกความนามเผ่าทั้งเหล่ากอ
|
|
อันท่านพ่อนามเธนนเรนทร์คน
|
อันตัวเจ้าเล่าใช้ปีศาจแท้
|
|
ที่แน่แน่พ่อเจ้าเฝ้าสิงหล
|
เป็นสุโขสโมสรขจรจล
|
|
กำลังพลมากมายกระจายไป
|
บิตุรงค์พงศ์กษัตริย์ประวัติศาสตร์
|
|
แต่ฉกาจอาจหาหญแต่กาลไหน
|
ถึงบรรพบุรุษมนุษย์ใน
|
|
สงครามใหญ่กับผีปีศาจเรา
|
ในครั้งนั้นฉันจะเพลี่ยงพลาด
|
|
ช่างฉลาดยอดเยี่ยมเทียมขุนเขา
|
ด้วยแอสทริดคิดจริงลอบยิงเอา
|
|
เพียงบรรเทาโกรธาฆ่าบิดร
|
อย่าไปทำตามทางพอพลางขัด
|
|
จงขจัดโทสาโลภาหลอน
|
อีกโมหะละไว้ในอาภรณ์
|
|
จงถอดถอนให้สิ้นทุกถิ่นไท
|
จงจดจำคำเตือนสะเทือนลั่น
|
|
ด้วยสำคัญหลงราภาษาไสย
|
อย่านำไปฆ่าตนหรือคนใด
|
|
แต่จงใช้ให้ฉลาดสะอาดเทอญ
|
กตัญญูรู้คุณเป็นบุญหนา
|
|
ถึงเทวามาลอคเล่าสรรเสริญ
|
ทั้งภพไตรรู้รอดยอดเหลือเกิน
|
|
เราเผชิญสิ่งใดก็ไม่กลัว
|
ท้องฟ้ามืดตะวันต่ำก็ค่ำแล้ว
|
|
ทั้งสองแก้วมองฟ้านภาสลัว
|
แม่ชี้นิ้วลิ่วดูดารามัว
|
|
จนพอตัวเหมาะเล่าเข้าไสยา ฯ
|