ข้ามไปเนื้อหา

ผู้ใช้:AmberMUIC/ทดลองเขียน

พิกัด: 30°29′12″S 151°38′35″E / 30.4867°S 151.6430°E / -30.4867; 151.6430
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
University of New England
ชื่อเดิมNew England University College of the University of Sydney
(1938–1954)
คติพจน์
ละติน: Ex sapientia modus
คติพจน์อังกฤษ
Out Of Wisdom Comes Moderation
ประเภทPublic research university
สถาปนามีนาคม 1938; 86 ปีที่แล้ว (1938-03)
ได้รับการรับรองTEQSA
สังกัดวิชาการ
อธิการบดีJames Harris[1]
รองอธิการบดีChris Moran[1]
อาจารย์531 (2017)[2]
เจ้าหน้าที่719 (2017)[2]
บุคลากรทั้งหมด1,282 (2017)[2]
ผู้ศึกษา23,847 (2017)[2]
ปริญญาตรี15,848 (2017)[2]
บัณฑิตศึกษา6,101 coursework (2017)
729 research (2017)[2]
ผู้ศึกษาอื่น
1,169 non-award (2017)[2]
ที่อยู่
Elm Avenue
, , ,
2350
,
30°29′12″S 151°38′35″E / 30.4867°S 151.6430°E / -30.4867; 151.6430
วิทยาเขตRural, 74 เฮกตาร์ (180 เอเคอร์)[3]
สีGold, bottle green and black[4]
      
เว็บไซต์www.une.edu.au

มหาวิทยาลัยนิวอิงแลนด์ (UNE) เป็น สถาบันอุดมศึกษาของรัฐ ใน รัฐนิวเซาท์เวลส์, ประเทศออสเตรเลีย. ได้ถูกก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1938 ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของออสเตรเลียที่ก่อตั้งขึ้นนอกเมืองหลวงของรัฐ[5] โดยมีวิทยาเขตหลักตั้งอยู่ในเมือง Armidale ในภูมิภาคกึ่งกลางระหว่างซิดนีย์และบริสเบน[6] ใน ค.ศ. 2021 มหาวิทยาลัยมีจำนวนนักศึกษาประมาณ 26,000 คน[7]

ใน ค.ศ. 2019 UNE ได้มีการประเมินความพึงพอใจของนักศึกษา ซึ่งได้รับคะแนนสูงเป็นอันดับ 6 เมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยในออสเตรเลียทั้งหมด และได้รับคะแนนความพึงพอใจของนักศึกษาสูงสุดจากมหาวิทยาลัยของรัฐทุกแห่งในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ด้วยคะแนนความพึงพอใจโดยรวมที่ 83.2[8][9] อย่างไรก็ตามมหาวิทยาลัยยังจัดอยู่ในอันดับที่ค่อนข้างต่ำในเรื่องของด้านการวิจัยเมื่อเปรียบเทียบกับมหาวิทยาลัยอื่นในออสเตรเลีย[10]

ประวัติศาสตร์

[แก้]

การก่อตั้ง

[แก้]

การเรียกร้องให้ขยายการศึกษาระดับอุดมศึกษาออกนอกเมืองซิดนีย์เริ่มขึ้นอย่างจริงจังหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยในช่วงต้นทศวรรษ 1920 สมาชิกสภาท้องถิ่น David Drummond ได้นำคณะผู้แทนไปยังรัฐบาลของรัฐเพื่อผลักดันให้จัดตั้งมหาวิทยาลัยในเมือง Armidale[11] คณะกรรมาธิการพิเศษแห่งรัฐนิวเซาท์เวลส์ใน ค.ศ. 1924 ซึ่งมี John Jacob Cohen เป็นประธาน ได้เสนอแนะให้พิจารณาจัดตั้งมหาวิทยาลัยในชนบท และ Armidale Teachers' College ก็ได้ถูกจัดตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1928 การผลักดันอย่างเป็นระบบเพื่อจัดตั้งมหาวิทยาลัยในภูมิภาค New England เริ่มขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 1930 ซึ่งตรงกับช่วงที่มีการเคลื่อนไหวเพื่อให้ภูมิภาค New England แยกตัวออกจากรัฐ New South Wales และเข้าร่วมเป็นรัฐใหม่ของออสเตรเลีย ผู้สนับสนุนหลักในช่วงแรกๆ นอกเหนือจาก Drummond ได้แก่ Colin Sinclair, Earle Page และ Victor Thompson[12]

ใน ค.ศ. 1934 สภาชั่วคราวได้ระดมทุนสำหรับการจัดตั้งมหาวิทยาลัยในภูมิภาคนิวอิงแลนด์และในปี 1938 New England University College ก็ได้รับการจัดตั้งขึ้นที่เมือง Armidale ในฐานะวิทยาลัยลูกของมหาวิทยาลัยซิดนีย์ โดยมี Earle Page เป็นประธานสภาที่ปรึกษาชุดแรกของวิทยาลัย[13] วิทยาลัยนี้ได้กลายเป็นมหาวิทยาลัยนิวอิงแลนด์อย่างสมบูรณ์ใน ค.ศ. 1954 หลังจากพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยนิวอิงแลนด์ 1953 (NSW) มีผลบังคับใช้ มหาวิทยาลัยยังได้จัดตั้งคณะศึกษาศาสตร์ขึ้นใน ค.ศ. 1967[ต้องการอ้างอิง]

การเปลี่ยนผ่านสู่มหาวิทยาลัยเครือข่าย

[แก้]

มหาวิทยาลัยนิวอิงแลนด์ได้ผ่านการปรับโครงสร้างครั้งสำคัญในปี 1989 ภายใต้พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัย นิวอิงแลนด์ 1989 (NSW) โดยเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานไปสู่การเป็นมหาวิทยาลัยเครือข่ายที่มีหลายวิทยาเขต ประกอบด้วยวิทยาเขตที่ Armidale ซึ่งรวมเอามหาวิทยาลัยนิวอิงแลนด์เดิมและ Armidale College of Advanced Education เข้าไว้ด้วยกัน อีกทั้งยังมีวิทยาเขตที่ Lismore ซึ่งผนวกวิทยาลัยการศึกษาขั้นสูง Northern Rivers College เข้าไว้เป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัย[ต้องการอ้างอิง]

ใน ค.ศ. 1990 วิทยาลัย Orange Agricultural College ก็ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายมหาวิทยาลัยนี้เช่นกัน นอกจากนี้ เครือข่ายยังรวมถึงศูนย์ UNE-Coffs Harbour ซึ่งให้บริการหลักสูตรจากคณะวิชาของวิทยาเขต Armidale และ Lismore[14]

การกลับสู่แบบวิทยาเขต

[แก้]

ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1993 มหาวิทยาลัยนิวอิงแลนด์ได้รับการจัดตั้งใหม่อีกครั้งตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัย New England 1993 (NSW) และพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัย Southern Cross 2536 (NSW) ที่ผ่านการอนุมัติจากรัฐสภา New South Wales กฎหมายฉบับนี้มีผลให้การดำเนินงานแบบเครือข่ายมหาวิทยาลัยถูกยกเลิก โดยตั้งแต่ ค.ศ. 1994 มหาวิทยาลัยนิวอิงแลนด์ดำเนินการเพียงวิทยาเขตเดียวที่เมือง Armidale ในขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัย Southern Cross ก็ได้รับการจัดตั้งขึ้นใหม่ โดยมีวิทยาเขตตั้งอยู่ที่เมือง Lismore และ Coffs Harbour ขณะที่วิทยาเขต Orange ได้ถูกควบรวมเข้ากับมหาวิทยาลัยซิดนีย์ [ต้องการอ้างอิง]

การควบรวมกิจการของ Armidale College of Advanced Education เสร็จสมบูรณ์ในช่วงเวลานี้ และในปีเดียวกันนั้นได้มีการก่อตั้งคณะนิติศาสตร์ขึ้น [ต้องการอ้างอิง]

คริสต์ทศวรรษ 2020

[แก้]

ใน ค.ศ. 2020 มหาวิทยาลัยนิวอิงแลนด์ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจาก การระบาดทั่วของโควิด-19 โดยในช่วงต้นปี มหาวิทยาลัยกลายเป็นสถานที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ซึ่งทำให้นักศึกษาและบุคลากรต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัส[15] ในเดือนกันยายนปีเดียวกัน มหาวิทยาลัยได้ประกาศแผนการปรับโครงสร้างบุคลากร เพื่อบรรลุเป้าหมายในการประหยัดค่าจ้างกว่า 20 ล้านดอลลาร์ต่อปี และเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับโอกาสในอนาคต แผนการนี้ต้องแลกมาด้วยการสูญเสียตำแหน่งงานจำนวน 100 ตำแหน่ง[16]

วิทยาเขตมหาวิทยาลัย New England

[แก้]

มหาวิทยาลัยนิวอิงแลนด์ตั้งอยู่บนพื้นที่หลายแห่งในเมือง Armidale โดยวิทยาเขตทางตอนเหนือห่างจากใจกลางเมืองไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 5 กิโลเมตร ท่ามกลางบรรยากาศชนบทที่เงียบสงบและป่าพรุ พื้นที่ส่วนหนึ่งของวิทยาเขตนี้มาจากที่ดินที่ T.R. Forster มอบให้กับมหาวิทยาลัยซิดนีย์เพื่อก่อตั้งมหาวิทยาลัย ที่ดินนี้รวมถึงเคหสถานเก่า "Booloominbah" พร้อมด้วยอาคารหลายหลังและที่ดินขนาด 74 เฮกตาร์ ตั้งแต่การบริจาคครั้งแรก ผู้อุปการะท่านอื่นได้มอบที่ดินเพิ่มเติมให้กับมหาวิทยาลัย ปัจจุบันที่ดินของมหาวิทยาลัยในเมือง Armidale มีพื้นที่รวมประมาณ 260 เฮกตาร์[17]

เคหสถานเก่า Booloominbah ในช่วงกลางคืน

เคหสถานเก่า Booloominbah และบ้านพักรองอธิการบดี Trevenna ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง John Horbury Hunt

วิทยาเขต Newling ประกอบด้วย Newling Centre ซึ่งเป็นที่ตั้งของ New England Conservatorium of Music และอาคารอื่นๆ ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของ Armidale College of Advanced Education  

นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยยังมีที่ดินชนบทใกล้เคียงซึ่งใช้เป็นพื้นที่สำหรับการสอนและการวิจัย รวมถึงที่ดินวิจัย "Tullimba" ที่ตั้งอยู่ในคิงส์ทาวน์และสถานีวิจัยชนบท Douglas McMaster ที่เมืองวาริอัลดา[17]

มหาวิทยาลัยนิวอิงแลนด์ยังมีระบบวิทยาลัยประจำที่ครอบคลุมมากที่สุดแห่งหนึ่งในออสเตรเลีย โดยมีนักศึกษา UNE ประมาณครึ่งหนึ่งที่พักอาศัยในวิทยาลัยของมหาวิทยาลัย[18]

มหาวิทยาลัยนิวอิงแลนด์มีวิทยาเขตในเขตเมืองที่มีความคึกคัก โดย UNE Sydney ตั้งอยู่ในตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ในใจกลางย่านธุรกิจ Parramatta ตามที่ระบุในเว็บไซต์ วิทยาเขตแห่งนี้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการด้านการเรียนรู้และการสนับสนุนนักศึกษาที่เรียนออนไลน์ในเขตเมืองเป็นหลัก รวมถึงนักศึกษาต่างชาติในหลักสูตรที่เลือก[19]

ในปี 2020 มหาวิทยาลัยประกาศแผนการสร้างวิทยาเขตใหม่ในเมืองแทมเวิร์ธภายในปี 2031[20] ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยมีศูนย์การศึกษาใน Tamworth และ Taree ซึ่งรู้จักกันในชื่อ UNE Tamworth และ UNE Taree นอกจากนี้ยังมีเครือข่ายศูนย์การศึกษาระดับภูมิภาคในพื้นที่ตะวันตกเฉียงเหนือของ New South Wales และในนิวอิงแลนด์ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขยายการเข้าถึงการศึกษาให้ครอบคลุมชุมชนระดับภูมิภาค

งานวิจัย

[แก้]

มหาวิทยาลัยนิวอิงแลนด์ (UNE) ดำเนินงานวิจัยทั้งในด้านพื้นฐานและประยุกต์ในหลากหลายสาขาวิชา นักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์ของ UNE ได้สร้างชื่อเสียงระดับนานาชาติผ่านผลงานในด้านต่างๆ เช่น วิทยาศาสตร์ชนบท เศรษฐศาสตร์การเกษตร การบริหารการศึกษา ภาษาศาสตร์ และโบราณคดี นอกจากนี้ UNE ยังมีความร่วมมือกับสถาบันวิจัยอื่นๆ เช่น CSIRO และศูนย์วิจัยร่วมระดับสูง (Cooperative Research Centres) ด้วยความมุ่งมั่นในการวิจัย มหาวิทยาลัยมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมของออสเตรเลีย รวมถึงการพัฒนาทักษะขั้นสูงสำหรับนักศึกษาในระดับปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษา[21]

งานวิจัยหลักของ UNE คือด้านพันธุศาสตร์สัตว์และการปรับปรุงพันธุ์ปศุสัตว์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากหน่วยพันธุศาสตร์และการปรับปรุงพันธุ์สัตว์ (Animal Genetics and Breeding Unit - AGBU) และนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ผ่านสถาบันวิจัยธุรกิจการเกษตร (Agricultural Business Research Institute - ABRI)[22]

นอกจากนี้ งานวิจัยที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ด้านการศึกษาชนบท ซึ่งดำเนินการโดยศูนย์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ เทคโนโลยีสารสนเทศ และคณิตศาสตร์ศึกษาเพื่อชนบทและภูมิภาคออสเตรเลีย (SiMERR)[23] รวมถึงงานวิจัยด้านชุมชนชนบท ภูมิทัศน์ และการปฏิบัติต่างๆ ที่นำโดยสถาบันอนาคตชนบท (Institute for Rural Futures - IRF)[24] สาขาวิจัยเป้าหมายอื่นๆ ได้แก่[21]

  • การเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมและการเกษตร: การปรับตัวและการบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, ความหลากหลายทางชีวภาพในทะเลและน้ำจืด, ความหลากหลายทางชีวภาพทางบก, การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ, อนาคตชนบท, สัตว์พื้นถิ่นของออสเตรเลีย, การวิจัยพืชพรรณ, การเกษตรที่ยั่งยืน, พันธุศาสตร์ทางการเกษตร, การวิจัยสัตว์
  • อนามัยชนบท: การแพทย์ชนบท, การบริหารงานบริการสุขภาพ, วัสดุชีวภาพที่มีฤทธิ์ทางชีวภาพ, จิตวิทยาสุขภาพ,สุขภาพและเพศวิถีศึกษา
  • การศึกษาในชนบทและภูมิภาค: การศึกษาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์, การศึกษาภาษาอังกฤษ, การศึกษาพิเศษ
  • เศรษฐศาสตร์และนโยบายสาธารณะ: เศรษฐศาสตร์การเกษตร, เศรษฐศาสตร์ประยุกต์และนโยบาย, รัฐบาลท้องถิ่น, ธุรกิจและการจัดการ, การบริหารจัดการและนโยบายการศึกษาในระดับสูง
  • ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก: รัฐล้มเหลว – รัฐที่กำลังเติบโต, การเสริมสร้างศักยภาพของประชาชน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน, ความขัดแย้งและการปกครอง, การศึกษาสันติภาพ, การย้ายถิ่นฐาน
  • พรมแดนและขอบเขต: พรมแดนภูมิภาคของออสเตรเลีย, ศิลปะ สื่อ วัฒนธรรมและสังคม, สังคมโบราณ, ภาษาและการรับรู้, ความเชื่อและการคิด, คณิตศาสตร์ การวิเคราะห์เชิงซ้อน
  • กฎหมาย: กฎหมายทรัพยากรธรรมชาติและนโยบาย, กฎหมายและการจัดการสถาบันสำหรับชุมชนชนบท
  • ความมั่นคง: อาชญากรรม อาชญาวิทยา และความยุติธรรม, ความมั่นคงทางชีวภาพ, ความมั่นคงทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ
  • มุมมองด้านน้ำ: ประวัติศาสตร์น้ำ, นโยบายเกี่ยวกับน้ำ, ทรัพยากรน้ำ

คณะวิชา

[แก้]

คณาจารย์ด้านการวิจัยและการสอนของมหาวิทยาลัยนิวอิงแลนด์ประเทศออสเตรเลีย แบ่งออกเป็น 3 คณะ ซึ่งรวมกันเป็น 9 คณะวิชาสหสาขาวิชา โดยทางมหาวิทยาลัยได้มีการเปิดสอนหลักสูตรมากกว่า 200 หลักสูตร [25]

    • คณะมนุษยศาสตร์ ศิลปศาสตร์ สังคมศาสตร์
    • คณะศึกษาศาสตร์
    • คณะเกษตรศาสตร์
    • คณะวิทยาศาสตร์
    • คณะนิติศาสตร์
    • คณะบริหารธุระกิจ
    • คณะสาธารณสุขศาสตร์
    • คณะจิตวิทยา
    • คณะแพทยศาสตร์

การบริหาร

[แก้]

อธิการบดีคนปัจจุบันคือ James Harris FRSN ซึ่งสืบต่อจาก John Watkins ในปี 2014[26] Brigid Heywood สืบต่อจาก Annabelle Duncan ในตำแหน่งรองอธิการบดีในเดือนกรกฎาคมปี ค.ศ. 2019 [27] อย่างไรก็ตาม Brigid Heywood ลาออกในเดือนสิงหาคมปี ค.ศ. 2022 หลังจากถูกตั้งข้อหาทางอาญา[28] รองอธิการบดีของ UNE ศาสตราจารย์ Simon Evans ทำหน้าที่เป็นรองอธิการบดีจนกระทั่งพบผู้สืบทอดที่เหมาะสม คือ Chris Moran ในปี ค.ศ. 2023[29][30]

ศิษย์เก่า

[แก้]

ในปี 2011 มีนักศึกษามากกว่า 106,000 คนที่ได้รับวุฒิการศึกษาจาก UNE โดยหลายคนดำรงตำแหน่งระดับสูงในออสเตรเลียและต่างประเทศ [31] มีเครือข่ายศิษย์เก่าที่กระตือรือร้นซึ่งมีส่วนสนับสนุนมหาวิทยาลัย ทำให้สถาบันสามารถขยายงานและข้อเสนอต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่อง[32]

ศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียง ได้แก่:

  • Chris Minns นายกรัฐมนตรีของนิวเซาท์เวลส์ (ปริญญาตรีศิลปศาสตร์)
  • Michele Bullock ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย (ปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์ (เกียรตินิยม))
  • Bernie Fraser อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลียและอดีตเลขาธิการกระทรวงการคลัง (ปริญญาตรีศิลปศาสตร์ (เศรษฐศาสตร์))

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 "Council Members".
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 2.6 "UNE Overview". University of New England. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 April 2019. สืบค้นเมื่อ 4 August 2017.
  3. "UNE Armidale".
  4. https://www.une.edu.au/__data/assets/pdf_file/0005/9977/academic-dress.pdf [bare URL PDF]
  5. "About UNE". University of New England. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 November 2021. สืบค้นเมื่อ 4 August 2017.
  6. Armidale เก็บถาวร 16 กรกฎาคม 2016 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Retrieved 23 October 2010
  7. https://www.une.edu.au/__data/assets/pdf_file/0009/431478/2021-Narrative-Report.pdf [bare URL PDF]
  8. "2019 Student Experience Survey" (PDF). เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 18 April 2020. สืบค้นเมื่อ 19 June 2020.
  9. Baker, Jordan (10 March 2020). "UNSW students least satisfied in the country, survey shows". The Sydney Morning Herald. Fairfax Media. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 June 2020. สืบค้นเมื่อ 19 June 2020.
  10. "World University Rankings: Australia". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 December 2021. สืบค้นเมื่อ 28 December 2020.
  11. Belshaw, James (1979). "David Henry Drummond, 1890 - 1930: the formative years". Armidale and District Historical Society: Journal and Proceedings. Vol. 22. pp. 18–42.
  12. Wilks, Stephen (2020). 'Now is the Psychological Moment': Earle Page and the Imagining of Australia (PDF). ANU Press. pp. 200–201. ISBN 9781760463687.
  13. Wilks, p. 202.
  14. "Amalgamation and its aftermath". University of New England. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 August 2017. สืบค้นเมื่อ 4 August 2017.
  15. Messenger, Andrew. "Coronavirus: UNE staff, students tested for COVID-19 as university prepares outbreak plan". Armidale Express. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 April 2020. สืบค้นเมื่อ 28 February 2021.
  16. Bernasconi, Amelia; Craig, Haley (24 September 2020). "Uni of New England slashes more than 100 jobs in restructure". ABC News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 January 2021. สืบค้นเมื่อ 28 February 2021.
  17. 17.0 17.1 "History". University of New England. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 February 2011. สืบค้นเมื่อ 1 March 2011.
  18. "UNE Accommodation". University of New England. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 August 2017. สืบค้นเมื่อ 4 August 2017.
  19. "UNE Sydney".
  20. Furlong, Caitlin (21 August 2021). "University of New England unveils plans for Tamworth campus by 2031". ABC News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 March 2021. สืบค้นเมื่อ 28 February 2021.
  21. 21.0 21.1 "Research". University of New England. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 December 2017. สืบค้นเมื่อ 4 August 2017.
  22. "Animal Genetics and Breeding Unit". University of New England. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 July 2011. สืบค้นเมื่อ 4 August 2017.
  23. "SiMERR Home". SiMERR National Research Centre. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 August 2017. สืบค้นเมื่อ 4 August 2017.
  24. "The Institute for Rural Futures". University of New England. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 April 2013. สืบค้นเมื่อ 4 August 2017.
  25. "Browse Courses". University of New England. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 October 2013. สืบค้นเมื่อ 4 August 2017.
  26. "New England grazier James Harris named as UNE's new Chancellor". University of New England. 20 November 2014. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 April 2018. สืบค้นเมื่อ 4 August 2017.
  27. "Professor Brigid Heywood appointed as next Vice Chancellor of UNE". University of New England. 18 April 2019. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 July 2019. สืบค้นเมื่อ 16 Jul 2019.
  28. "University of New England vice chancellor Brigid Heywood resigns after being charged with assault". MSN. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 August 2022. สืบค้นเมื่อ 5 August 2022.
  29. "University of New England vice chancellor resigns after schoolgirl assault charge". 5 August 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 August 2022. สืบค้นเมื่อ 8 August 2022.
  30. "Professor Chris Moran appointed next Vice- Chancellor and CEO".
  31. "Alumni of Distinction and Award Winners". University of New England. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 December 2017. สืบค้นเมื่อ 2 August 2017.
  32. "Alumni and Giving". University of New England. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 February 2022. สืบค้นเมื่อ 2 August 2017.

Further reading

[แก้]
  • Margaret Ann Franklin, The New England Experience: Inside Stories of U.N.E., 1938 to 1988, Armidale, N.S.W.: U.N.E. Alumni Association, 1988.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]