ผญา
ผญา หรือ ผะหยา เป็นคำกลอนหรือคำปรัชญาของลาวในและคนไทยภาคอีสานโบราณ ซึ่งภาษาสืบทอดมาจากภาษาของอาณาจักรล้านช้าง[1] และปัจจุบันการเล่นผญายังหลงเหลือในหมอลำกลอนแบบอีสาน คำว่าผญามีความหมายในกลุ่มเดียวกับปัญญาและปรัชญาบางครั้งสามารถใช้แทนกันได้[2] ซึ่งผญาป็นคำร้อยกรองที่คล้องจอง มีสัมผัสระหว่างข้อความไม่เข้มงวดและไม่มีฉันทลักษณ์กำหนดไว้อย่างชัดเจน แต่เวลาพูดจะมีการเน้นคำหนักเบาเพื่อให้ผู้ฟังมีความเพลิดเพลินและสารถจดจำได้ง่าย เรื่องที่ถูกแต่งเป็นผญามีหลายเรื่องเช่น คำสอนทางศาสนา เรื่องราวในชีวิตประจำวัน การเกี้ยวพาราสีของหนุ่มสาว และการละเล่นของเด็ก เป็นต้น
ประเภท
[แก้]คำสอน
[แก้]มีลักษณะเตือนสติของผู้ฟังหรือผู้อ่านในนึกถึงศีลธรรมตามความเชื่อ กระตุ้นให้เกิดความสำนึกรักในถินกำเนิด หรือเป็นข้อความอุปมาอุปมัยให้ประพฤติตนเป็นคนดี เช่น
"คันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มเป็นพระยา อย่าได้ลืมคนทุกข์ผู้ขี่ควายคอนกล้า คันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มสัปทน อย่าได้ลืมคนจนผู้แห่นำตีนซ้าง"[3] หมายถึง ถ้าได้เป็นผู้มีอำนาจก็อย่าลืมเหลียวแลผู้ด้อยอำนาจกว่าหรือผู้อยู่เบื้องหลังตน
"บุญ บุญนี้บ่แหม่นของแบ่งได้ ปันแจกกันแหล่ว บ่อห่อนแยกออกได้ คือไม้ผ่ากลาง คือจั่งเฮากินข้าว เฮากินเฮาอิ่ม บ่แหม่นไปอิ่มท้อง เขาพุ้นผู้บ่กิน" หมายถึง การทำบุญเป็นสิ่งที่ทำได้เฉพาะตนเท่านั้นแบ่งไปให้คนอื่นไม่ได้ เหมือนกินข้าวแล้วคนที่กินถึงจะอื่มคนที่ไม่ได้กินก็ไม่อิ่มท้อง
เกี้ยวพาราสี
[แก้]มีลักษณะการเกี้ยวพาราสีหรือชมอีกฝ่ายในทางชู้สาว เพื่อถามคำถามหรือพรรณาถึงความรักที่ตนมี “สิบปีกะสิถ่าซาวพรรษากะสิอยู่ คันบ่ได้เป็นคู่เห็นแต่อุแอ่งน้ำกะปานได้นั่งเทียม” หมายถึง จะสิบปี ยี่สิบปีก็จะรอ ต่อให้ไม่ได้เจอหน้าเจอแค่ตุ่ม(ของคนที่ชอบ)ก็เหมือนได้นั่งอยู่ข้างๆ และมีการรับส่งระหว่างหญิงชาย เช่น
(ชาย) "อ้ายนี้อยากถามข่าวน้ำ ถามข่าวถึงปลา อยากถามข่าวนา ถามข่าวถึงเข้า อ้ายอยากถามข่าวน้อง ว่ามีผัวแล้วหรือบ่ หรือว่ามีแต่ชู้ ผัวสิซ้อนหากบ่มี"
(หญิง) "น้องนี้ปอดอ้อยซ้อยเสมอดังตองตัด พัดแต่เป็นหญิงมา บ่มีชายสิมาเกี้ยว พัดแต่สอนลอนขึ้น บ่มีเครือสิเกี้ยวพุ่ม พัดแต่เป็นพุ่มไม้เครือสิเกี้ยวกะบ่มี" หมายถึง
(ชาย) พี่อยากถามข่าวจากน้ำว่าปลาเป็นยังไง อยากถามข่าวจากนาว่าข้าวเป็นยังไง อยากถามข่าวน้องว่ามีสามีหรือยัง
(หญิง) น้องนี้โสดอยู่ ตั้งแต่เกิดมายังไม่มีใครมาจีบ และไม่รู้จะไปพึงพิงใคร
ปริศนา
[แก้]เป็นการตั้งทำถามที่ต้องใช้การตีความจึงจะเข้าใจความหมายที่แท้จริงของผู้สื่อสารหรือบางครั้งเป็นการประชดประชันผู้ฟัง เช่น
"อยากกินข้าว ให้ปลูกใส่พะลานหิน อยากมีศีล ให้ฆ่าพ่อตีแม่ อยากให้คนมาแวะ ให้ฆ่าหมู่เดียวกับ"
หมายถึง ถ้าจะกินข้าวให้ปลูกในลานหิน ถ้าอยากมีศีลให้ฆ่าพ่อแม่ ถ้าอยากให้คนมาหาให้ฆ่าเพื่อนทิ้ง ซึ่งเป็นการประชดประชันและความหมายจริงๆนั้นตรงกันข้ามกับข้อความในผญา
อวยพร
[แก้]ใช้อายพรในโอกาสต่างๆ เช่น "นอนหลับให้เจ้าได้เงินหมื่น นอนตื่นให้เจ้าได้เงินแสน แบมือไปให้ได้แก้วมณีโชติ โทษฮ้ายอย่ามาพาล มารฮ้ายอย่ามาเบียด” หมายถึง ตอนจะนอนหลับขอให้ได้เงินหมื่น นอนตื่นขอให้ได้เงินแสน กางมือออกได้แก้วมสปรารถนา โรคภัยอย่าได้เบียดเบียน
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "ผญา ภูมิปัญญาอีสาน". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-05. สืบค้นเมื่อ 2015-11-18.
- ↑ "สุภาษิตโบราณอีสานรวบรวมไว้ให้ลูกหลานโดย คุณพ่อปรีชา พิณทอง". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-11-25. สืบค้นเมื่อ 2015-11-18.
- ↑ ""ผญา" ภูมิปัญญาของคนอีสาน". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-12-23. สืบค้นเมื่อ 2015-11-18.